ความสำคัญของบุพการีในอิสลาม
- จัดพิมพ์ใน
-
- ผู้เขียน:
- มุฮัมหมัด วะฮีดี
- แหล่งที่มา:
- หนังสือศาสนบัญญัติสำหรับบุตรี
ความสำคัญของบุพการีในอิสลาม
ศาสนาอิสลามอันศักดิ์สิทธิ์ได้สั่งกำชับเกี่ยวกับการให้ความเคารพต่อบุพการีไว้อย่างมากมายกว่าเรื่องราวปัญหาอื่นๆที่เกี่ยวกับสิทธิและจริยธรรมเพื่อเป็นตัวอย่าง เราจะชี้ให้เห็นถึงการให้ของความสำคัญต่อบุพการีในบางส่วน
(1.) 4 ซูเราะฮ์ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน (1) ได้ระบุเรื่องราวของการทำความดีต่อบุพการีไว้ หลังจากเรื่องราวของเตาฮีด ซึ่งการจัดลำดับของสองสิ่งนี้ ชี้ให้เห็นว่าอิสลามได้ให้ความเคารพต่อบุพการีมากเพียงใด
(2.) ความสำคัญของเรื่องนี้ มีพื้นฐานที่แข็งแรงถึงขั้นที่ทั้งอัล-กุรอานและรายงานต่างๆ ได้กำชับไว้อย่างชัดแจ้งว่าต้องให้ความเคารพต่อบิดามารดาที่เป็นกาเฟร(ผูัปฏิเสธศรัทธา)ด้วยเช่นกัน
(3.) อัลกุรอานได้จัดลำดับของการขอบพระคุณต่อบิดามารดาไว้ในลำดับเดียวกันกับการขอบพระคุณต่อนิอ์มัตที่พระองค์ทรงมอบให้ดังที่เรากล่าวกันว่า
أَنِ اشْكُرْ لِي وَلِوَالِدَيْكَ
(ซูเราะฮ์ ลุกมาน โองการ 14)
ความโปรดปรานของพระองค์นั้นมากเหลือคณานับและนี้เป็นเหตุผลของความลึกซึ้งและยิ่งใหญ่ของสิทธิบุพการี
(4.) อัลกุรอานได้ห้ามปรามการแสดงออกถึงการมิให้เกียรติถึงแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม ในฮะดีษหนึ่งจากอิมามซอดิก(อ.) ได้กล่าวว่า
لو علم الله شيئا أدنى من أف لنهي عنه، وهو من العقوق، وهو أدنى العقوق، ومن العقوق أن ينظر الرجل إلى أبويه يحد إليهما النظر
“หากมีสิ่งใดที่น้อยนิดกว่าการกล่าวคำว่า อุฟ พระองค์ก็จะทรงห้ามมิให้กระทำต่อบุพการี ซึ่งการกล่าวอุฟนั้นเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบที่เบา
ที่สุดและการมองด้วยสายตาแค้นเคืองต่อพวกท่าน ก็เช่นเดียวกัน” (2)
(5.) การญิฮาดหรือการต่อสู้ในหนทางของพระองค์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญในอิสลาม แต่ตราบใดที่มีอาสาสมัครเพียงพอ การรับใช้บุพการีนั้นสำคัญกว่าและหากเป็นสิ่งที่ทำให้พวกท่านเสียใจ ถือว่าไม่อนุญาต แต่ในกรณีที่กองกำลังมีไม่เพียงพอและประเทศชาติอิสลามตกอยู่ในอันตราย ซึ่งจำเป็นต่อกำลังของทุกๆ คนไม่มีข้ออนุโลมใดๆ จะถูกยอมรับแม้กระทั่ง บุพการีจะไม่อนุญาตก็ตาม
(6.) ท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า
إن الجنة ليوجد ريحها من مسيرة خمسمائة عام ولا يجدها عاق
“กลิ่นไอของสรวงสวรรค์นั้นจะได้กลิ่นในระยะทาง 500 ปี แต่จะไม่มีวันไปแตะปลายจมูกของผู้ที่ตกอยู่ในความโกรธกริ้วของบิดามารดา”(3)
ความหมายของฮะดีษนี้เป็นการบ่งชี้อย่างละเอียดอ่อนว่า บุคคลประเภทนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ก้าวเข้าสู่สรวงสวรรค์ พวกเขาจะตกอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลจากมันและแม้กระทั่งกลิ่นไอของมัน พวกเขาก็จะมิได้รับมัน(4)
แหล่งอ้างอิง :
1.อัลกุรอาน ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 83 อันนิซาอ์ ,โองการที่ 36 อัลอันอาม, โองการที่ 151 อัลอิสเราะอ์ โองการที่ 23
2. ตัฟซีรนูรุษษะกอลัยน์ เล่ม 3 หน้า 149
3. บิฮารุลอันวาร เล่ม 74 หน้า 69
4. ตัฟซีรเนมูเนะห์เล่ม 12 หน้า 78
ที่มา จากหนังสือศาสนบัญญัติสำหรับบุตรี
เขียนโดย มุฮัมหมัด วะฮีดี
แปลโดย ซัยยิดะฮ์ ฮิดายะฮ์ ซาร์ยิด