มุฮัมมัด(ศ.) กับวันพลิกชะตามนุษย์
มุฮัมมัด(ศ.) กับวันพลิกชะตามนุษย์
ท่านถูกกล่าวถึงไว้แล้วโดยอิบรอฮีม(อ.) ท่านถูกพยากรณ์ไว้แล้วโดยมูซา(อ.) ท่านถูกสัญญาไว้แล้วโดยอีซา(อ.) บรรดาศาสนทูตทั้งหลายจากพระผู้เป็นเจ้าที่ปรากฏมาในยุคสมัยต่างๆ ในส่วนต่างๆ ของโลกได้ทำนายไว้แล้วถึงการมาของท่านที่จะมาปกป้องมนุษยชาติให้อยู่บนหนทางที่ถูกต้องเที่ยงตรง
และเมื่อมุฮัมมัด อัลมุสตอฟา(ศ.) ได้รับการดล(วะห์ยู) ในวันที่ 27 รอญับ เมื่อ 1,433 ปีที่แล้ว ให้เป็นศาสนทูตท่านสุดท้ายจากพระผู้เป็นเจ้ามายังมนุษยชาติ ท่านพบว่ามวลมนุษย์กำลังตกอยู่ในความมืดมนโดยสิ้นเชิง
รอบตัวท่านล้วนเป็นพวกอวิชชา มนุษย์ได้หลงลืมความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาละทิ้งกฎเกณฑ์ของอัลลอฮ์แล้วผูกมัดตัวเองเข้าในบ่วงแหของระบบที่มนุษย์สร้างขึ้น
บรรยากาศของความตกต่ำมีอยู่ทั่วไปทุกหัวระแหง
พวกยิวที่มีทัศนคติตกต่ำต่อการเผยของพระผู้เป็นเจ้าต่างหันเหออกจากพระดำรัสของพระองค์มาเนิ่นนาน ในคริสตจักร โบสถ์ได้กลายเป็นเครื่องมือของการกดขี่ ในอาณาจักรเปอร์เซีย ราชวงศ์สมัยซัสซานิดและนักบวชของโซโรแอสเตอร์เป็นสิ่งที่น่าหนักใจ ในอินเดีย ระบบการแบ่งชั้นวรรณะอย่างแปลกประหลาดของฮินดูเป็นเครื่องปราบปรามผู้คน ในจีน ราชวงศ์ซุ่ยก็กำลังกำราบผู้คนไปทั่วไปนามของพุทธศาสนา
และในอารเบีย ที่ซึ่งศาสดามุฮัมมัด(ศ.) ประกาศการมาของท่านพร้อมกับสาส์นแห่งการปลดปล่อยแห่งอิสลาม วิถีชีวิตที่ไม่เอื้อต่อประชาธิปไตยของชาวอาหรับผู้บูชาเทวรูปได้ขับเคลื่อนมนุษยชาติไปสู่ความสิ้นหวังและเคราะห์กรรม
ท่านจึงมีภาระหน้าที่อันหนักอึ้งที่จะต้องปฏิบัติ โซ่ตรวนแห่งการกดขี่ เผด็จการและประชาธิปไตยที่ผูกล่ามจิตใจมนุษย์เอาไว้จะต้องถูกปลดออก กฎเกณฑ์ของพระผู้เป็นเจ้าจะต้องได้รับการสถาปนาขึ้น มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองของมนุษยชาติในชีวิตทางโลกนี้เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการเดินทางในขั้นปลายของวิญญาณในปรโลกด้วย
ศาสดามุฮัมมัด(ศ.) เริ่มงานเพื่อให้แสงสว่างแก่มนุษย์ของท่านด้วยความสงบเยือกเย็น ภารกิจของท่านสูงส่ง ท่านเป็นผู้แทนของพระผู้เป็นเจ้าที่ถูกส่งมายังมนุษยชาติด้วยหลักเกณฑ์ชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุดที่จะสร้างความพอใจให้แก่ความต้องการของมนุษย์ไปจนถึงกาลอวสาน
หลักฐานแห่งภารกิจในการเผยแผ่การภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวของศาสดาท่านสุดท้าย(ศ.) ดำเนินต่อไปด้วยการถูกป่าวประกาศวันละห้าครั้งทุกหนแห่งทั่วโลกเป็นข้อพิสูจน์ที่หนักแน่นถึงความสำคัญของวันแห่งการมับอัษ ซึ่งตรงกับวันที่ 27 รอญับ
ผู้มีความสงสัยได้รับคำแนะนำผ่านคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งโองการแรกๆ ของคัมภีร์นี้ถูกเผยขึ้นในวันนี้เมื่อกว่า 14 ศตวรรษที่แล้ว และยังคงทำหน้าที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ในการดำเนินชีวิตของภารกิจแห่งจักรวาลของศาสดาผู้ไม่รู้หนังสือ
ถูกแล้ว ศาสดามุฮัมมัด(ศ.) ได้เปลี่ยนแปลงมนุษยชาติด้วยคำปฏิญาณอันชัดเจนของท่านว่า "อัชฮะดุ อัน ลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ (ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์)" แต่ ณ เวลานั้น มีใครที่เป็นพยานต่อภารกิจของท่านเองบ้างหรือไม่?
ท่านอะห์มัด อิบนฺ ฮัมบัล ผู้รู้คนสำคัญของซุนนีกล่าวว่า เมื่อครั้งที่ชาวอาหรับนิ่งเฉยต่อการเรียกร้องสู่การปฏิรูปวิถีชีวิตของท่านศาสดา(ศ.) ลูกพี่ลูกน้องวัยสิบปีของท่านที่ชื่อ อะลี อิบนฺ อบีฏอลิบ(อ.) ได้ยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า "อัชฮะดุ อันนะ มุฮัมมะดัรฺ รอซูลุลลอฮ์ (ฉันขอปฏิญาณว่ามุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์)"
ขอขอบคุณเว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี