เอกภาพอิสลาม ในทัศนะของซัยยิดญะมาลุดดีน
เอกภาพอิสลาม ในทัศนะของซัยยิดญะมาลุดดีน
ซัยยิดญะมาลุดดีน อะสัด อาบาดียฺ์ เป็นหนึ่งในนักปฏิวัติอิสลาม ท่านเป็นนักต่อสู้ที่มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ และอยู่ในโครงสร้างแห่งเอกภาพ ท่านได้กล่าวเกี่ยวกับเอกภาพในมุมมองของอิสลาม โดยกล่าวว่า
"ถ้าหากสายตาของฉันมองไม่เห็นความดีงาม ก็ขอให้มันบอดเสียดีกว่า ถ้าหากมือสองข้างของฉันไม่สรรสร้างความผาสุกแล้วละก็ ก็ขอให้มันพิการขยับไม่ได้เสียดีกว่า "
"ชีวิตของฉันไม่ว่าจะอยู่ในตะวันออกหรือตะวันตกก็ตาม ไม่ใช่สิ่งสำคัญแต่สิ่งสำคัญคือการช่วยเหลือประชาชาติอิสลาม และความหวังสุดท้ายของฉันคือ ขอให้ฉันได้ชะฮีดและเลือดของฉันได้ราดลดอยู่บนหนทางดังกล่าว ทั้งหมดที่ฉันเขียนขึ้นมา (เพื่อจะได้รู้ว่าเขาถูกเนรเทศหรือถูกทรมานอย่างไร) เพื่อจะได้รู้ว่าความทุกข์ทั้งหลายแหล่ได้ทาถมเข้ามาบนร่างกายของฉันอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามสภาพทั้งหมดเหล่านั้นได้สร้างให้จิตวิญญาณของฉันร่าเริงและเบิกบานยิ่งนัก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอิหร่านบางคนอาจรับรู้ว่า ฉันได้พยายามยืนหยัดต่อสู้เพื่อชาวอิหร่านอย่างไรบ้าง"
ซัยยิดญะมาลุดดีน ยังได้กล่าวถึงการให้ความสำคัญต่อเป้าหมายของตน สถานภาพของศัตรู และการยืนหยัดของตนเองว่า
"แน่นอน ต้องเรียนรู้เวลาในอดีต และปัจจุบัน และทุกสิ่งที่คล้ายคลึงกัน เนื่องจากความชั่วไม่ว่าเราจะก้าวเดินไปทีใดก็ตาม ในช่วงเวลาต่างยุคต่างสมัยก็ล้วนมาจากต้นแห่งความชั่วเดียวกัน คำพูดของพวกเขาก็ล้วนแต่สร้างความเสือมทรามและสร้างปัญหาตลอดเวลา แบบฉบับของพระเจ้าซ่อนอยู่ในโลกของการสร้าง คงดำรงต่อเนืองตลอดไป และมีอยู่แค่แนวทางเดียว ตอนนี้เราต้องคอยปาฏิหาริย์จากพระเจ้า ฉันได้นำคำเตือนแห่งศาสนามากล่าวเตือนพวกเจ้า บนแนวทางแห่งสัจธรรมเราไม่จำเป็นต้อเกรงกลัวสิ่งใด ความกลัวแม้ว่าจะเป็นความจำเป็นของจิตใจแต่ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้มันมาครอบงำจิตใจ เนื่องจากการจินตนาการในสิ่งไม่ถูกต้อง และมันก็จะไม่สถิตอยู่ในเส้นเลือดของฉันเด็ดขาด พวกเราไม่กล้าตะโกนเสียงดังในซอยบ้านเราเพราะความอับอาย เนืองจากบรรดาผู้ปกครองทั้งหลายของเราของจูบมืออังกฤษ"
"โอ้ ผู้อ่านทีรักทั้งหลายถ้าถามถึงสถานภาพของทหารและกองทัพของเรา ก็เพียงพอแล้วที่จะกล่าวว่า นายพลวูด แห่งอังกฤษคือ ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพอียิปต์ ซึ่งเขาถูกส่งมาเพื่อปราบปรามพวกเรา จะเห็นว่าเด็กหนุ่มของเราในอียิปต์ถูกลดบทบาทและถูกตัดขาดจากสังคม ซึ่งคนของอังกฤษได้เข้ามาแทนที่พวกเขาจนหมดสิ้นแล้ว ในอินเดียเนื่องจากมุสลิมมีจำนวนมากพวกเขาส่วนใหญ่เป็นมือบนทางเศรษฐกิจของประเทศ และได้ครอบครองทรัพย์สินส่วนใหญ่ พวกเขามีความเชื่อมั่นในอิสลามสูง จึงมีความเสียสละที่จะช่วยพี่น้องร่วมสายธารเดียวกัน ส่วนในประเทศที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ของพวกเขา คำตักเตือนที่กินใจ และฮะดีซของท่านศาสดา ฉันได้จุดขึ้นให้สว่างกลางใจของพวกเขา เสียงร้องร้องที่ฉันตะโกนว่า โอ้ ผู้เสียสละเพื่ออิสลาม ความเป็นเอภาพของอิสลามวางอยู่บนหัวไหล่ และศาสนาของพวกท่าน[2]
และนี่คือระบบจักรวรรดินิยมและการล่าเมืองขึ้น ซึ่งลัทธิดังกล่าวได้แผ่ปกคลุมไปทั่วโลก ได้แผ่ขยายเข้าไปในประเทศอิสลาม ได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากฝ่ายมุสลิมเพื่อหยุดยั้งแนวคิดที่ไม่ดีและอันตรายเหล่านั้น และไม่ต้องการให้แนวคิดเหล่านี้ทำลายสังคม อีกทั้งไม่ต้องการให้แนวคิดเหล่านี้ทำลายขบวนการที่ได้ตั้งขึ้น ในช่วงนั้นเมื่อโอกาสเขาได้เนรเทศซัยยิดและจับตัวไปทรมาน[3]
คำใส่ร้ายป้ายสีที่พวกเขากล่าวพาดพิงถึงซัยยิดญะมาลุดดีน ในฐานะที่เป็นนักปรัชญามุสิลมและเป็นอะละวีย์ ไม่มีผู้สติปัญญาคนใด หรือแม้กระทั่งลาโง่สักตัวที่จะสามารถรับคำใส่ร้ายเหล่านั้นได้ บรรดามิตรสหายและผู้ร่วมงานของท่านต่างถูกทรมานและถูกตัดศีรษะไปหลายคน ส่วนตัวซัยิดญะมาลนั้นชะตากรรมไม่มีผู้ใดรู้ได้เลยว่าจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่รับรู้ได้คือ ไม่มีผู้ใดปล่อยให้จัดงานรำลึกถึงบรรดาชุฮะดาแล้วนั้นแม้แต่ครั้งเดียว หรือจัดอ่านอัล-กุรอานให้กับพวกเขา ซัยยิดญะมาลุดดีน ในฐานะที่เป็นเกียรติยศของอิสลามมตะวันออก และเป็นผู้ยืนหยัดในความยุติธรรมและความประเสริฐของความเป็นมนุษย์ ท่านพยายามยืนหยัดเพื่อดำรงสิ่งนี้ ใครจะสามารถทำได้เฉกเช่นซัยยิดญะมาล และเราสามารถรอคอยผู้ใดได้บ้าง อำนาจของคนบ้ากำลังเปล่งบานเสมือนเมฆแห่งความเลวร้าย ต่อหน้าความสัจจริงและความประเสริฐทั้งหลาย พวกเขาห้ามแม้กระทั่งไม่ให้เอ่ยชื่อของวีรบุรุษเหล่านั้น"
คำกล่าวของซัยยิด มุฮัมมัด มุฮีต เฏาะบาเฎาะบาอีย์
เมื่อพระอาทิตย์ดวงดังกล่าวได้ฉายส่องขึ้นในโลกอิสลาม และอัสดงลง ณ เส้นขอบฟ้าแห่งอิสลาม ร่างของท่านได้ถูกฝังลงอย่างสงบ ณ แผ่นดินนั้นเอง ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าโลกแห่งความเลวร้ายต้องการทวงหนี้ความพยายามคืนจากเขา โดยการต่อต้านความดีงามและคุณประโยชน์ที่ซัยยิดได้เคยกระทำไว้ พยายามทำให้ผู้คนทั้งหลายลืมเลือนเขา เช่น ในอิยิปต์หลังจากซัยยิดได้อำลาจากโลกไป ไม่มีผู้กล้าหาญพอที่จะจัดงานรำลึกถึงคุณความดีของท่าน ไม่มีผู้ใดร่วมจัดงานศพให้กับท่าน นอกจากเจ้าหน้าที่บางคนและอีกสองสามคนที่เป็นสหายสนิทของท่าน ส่วนคนอื่นที่รู้จักท่านไม่ได้มาร่วมงานศพแต่อย่างใด
หลังจากซัยยิดได้จากไปได้มีคำสั่งให้จัดการหลายอย่างเกี่ยวกับท่าน และคำสั่งนั้นดูเหมือนว่าจะขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันจะเห็นว่าพวกล่าอาณานิคมยังพูดและเขียนบทความต่อต้านท่าน จะเห็นว่าเป้าหมายหลักของซัยยิดญะมาลุดดีนคือ การสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นในสังคมอิสลาม การปลุกมุสลิมแห่งตะวันออกให้ตื่นขึ้นการการหลับใหล ซึ่งพวกจักรวรรดินิยมต่างรู้ดีถึงเจตนารมณ์ของซัยยิด แต่มีมนุษย์บางกลุ่มพยายามเปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์สูงสุดของซัยยิด ให้เป็นอย่างอื่นและพยายามสร้างกระแสว่าภารกิจที่ซัยยิดได้กระทำลงไปไม่ได้เกิดผลร้าย และไม่อาจทำอันตรายใดๆ แก่พวกเขาได้
ดังจะเห็นว่าตลอดอายุขัยของซัยยิดญะมาลุดดีน เดินทางไปทั่วแผ่นดินอิสลามโดยมีเป้าหมายใหญ่คือ การสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นในสังคมอิสลาม ท่านได้เผยแพร่ข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับเอกภาพ กล่าวคำปราศรัย เขียนบทความและอื่นๆ อีกมากมาย เป้าหมายเพื่อสร้างฐานอำนาจให้เกิดขึ้นในท้องที่ ให้มีการร่วมมือกันระหว่างกลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ ผลงานของท่านบังเกิดผลอย่างมากกับบรรดานักคิดและนักวิชาการอิสลามในยุคนั้น ซึ่งเจตนารมณ์ของท่านกำลังก่อร่างสร้างตัวได้เป็นอย่างดี ตัวอย่าง นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของอียิปต์ในยุคนั้นนามว่า ชัยค์อับดุฮฺ ยอมที่จะเป็นสานุศิษย์คนหนึ่งของซัยยิด ท่านให้ความร่วมมือและก้าวไปพร้อมกับซัยยิดในทุกๆ ประเด็นปัญหา วันหนึ่งท่านได้อธิบายนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮฺ[4] หรือแม้แต่บทเทศนา ชักชะกียะฮฺ ท่านก็ยอมรับว่าเป็นคำเทศนาของท่านอิมามอะลี ด้วยทัศนะและมุมมองดังกล่าวท่านได้เผยแพร่นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮฺ ไปทั่วดินแดนอาหรับ จนกระทั่งถึงขนาดที่ว่าปัจจุบันนี้ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮฺ ได้ถูกพิมพ์ซ้ำให้ประเทศซุนนียฺหลายต่อหลายครั้ง บรรดาคณาจารย์และนักค้นคว้าวิจัยทั่งหลายต่างเขียนคำอธิบาย นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮฺ ไว้มากมาย บ้างท่องจำบทเทศนาทั้งหมด บ้างก็ท่องจำบทที่ท่านอิมามกล่าวท้วงติงการบริหารงานของรัฐบาลในยุคนั้น ซึ่งสิ่งนี้เป็นผลงานที่เกิดจากงานของท่านชัยค์อับดุฮฺทั้งสิ้น
จะเห็นว่าการสร้างความสัมพันธ์และความเป็นเอกภาพในสังคมอิสลาม อันเป็นอุดมการณ์สูงสุดของซัยยิดได้เป็นที่ยอมรับของสังคม และสร้างความสับสนให้แก่บรรดานักจักรวรรดินิยมเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งพวกเขาได้เขียนบทความต่อต้าน เพื่อมิให้ผลงานของซัยยิดแพร่กระจายออกไปมากกว่านั้น พวกเขาพยายามแสดงผลงานของตนเพื่อลบล้างผลงานของซัยยิดญะมาลุดดีน พยายามขัดขวางการรณรงค์เรื่องเอกภาพและความสมานฉันท์ ซึ่งเป็นผลงานที่ซัยยิดได้กระทำจนเป็นที่ยอมรับของสังคมในสมัยนั้น พวกเขาได้สร้างความแตกแยกให้เกิดในสังคมอิสลามอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเป้าหมายของเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากประชาชาติในยุคนั้นมีความรู้สึกว่า สังคมอิสลามในวันนั้นต้องการเอกภาพและความสมานฉันท์เป็นที่สุด แต่บรรดาศัตรูรู้เท่าทันการว่าถ้าปล่อยให้ความเป็นเอกภาพเกิดในสังคมอิสลามมากเท่าใด ก็จะเกิดผลเสียแก่พวกเขามากเท่านั้น ผลประโยชน์มหาศาลที่พวกเขาเคยตักตวงจากประเทศอาหรับ ก็จะสูญเสียไป การที่รู้เท่าทันเช่นนั้นพวกเขาจึงไม่อยู่นิ่ง พวกเขาได้แบ่งชนชาติมุสลิมออกเป็น 2 กลุ่มทันที กล่าวคือ กลุ่มที่หนึ่งคือ กลุ่มชนที่พวกเขาได้ซื้อไว้เรียบร้อยแล้ว กับอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีภูมิปัญญาความรู้ในเรื่องแนวทางแต่อย่างใด แต่ได้ใส่ข้อมูลที่หันเหไปจากสัจธรรมแก่พวกเขา ทำให้พวกเขาคิดว่านั่นคือสิ่งถูกต้องแล้ว ทั้งสองกลุ่มได้รับมอบหมายงานให้เขียนทั้งหนังสือและบทความเพื่อต่อต้านและดูถุกชีอะฮฺ บางครั้งพวกเขาก็กล่าวหาว่าชีอะฮฺ เป็นกาฟิร ซึ่งนี้ไม่ได้มีแค่เพียงครั้งเดียว ทว่ามีมาอย่างต่อเนื่อง เผยแพร่ในดินแดนและในประเทศอิสลามต่างๆ โดยการหยิยฉวยสถานการณ์แสดงความแตกต่างระหวางซุนนียฺกับชีอะฮฺ และนำประเด็นนั้นมาถกเถียงกันอย่างเอาจริงเอาจัง จนกระทั่งรอยร้าวที่ถูประสานเข้ากันมาอย่างช้านาน ต้องพังพินาศลงทันที จนกระทั่งปัจจุบันนี้ความอัปยศอดสูก็ยังคงดำเนินอยู่ตามแผนการของศัตรูที่วางเอาไว้อย่างแนบเนียน มันยังไม่ถูกละทิ้งหรือถูกปล่อยวางแต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นการบรรดานักปราชญ์และผู้รู้ของอิสลามที่มีความเข้าใจในประเด็นปัญหาดังกล่าว ก็พยายามร่วมมือกันอีกครั้ง แต่บรรดาศัตรูได้พยายามเขียนบทความเผยแพร่ตามสื่อข่าวสารต่างๆ เพื่อโจมตีชีอะฮฺ ว่าเป็นกาฟิร ชีอะฮฺคือศัตรูอิสลาม ชีอะฮฺคือศัตรูกิบละฮฺ และอัล-กุรอาน ชีอะฮฺคือผู้ตกศาสนา ดังนั้น บุคคลใดก็ตามที่ได้อ่านหนังสือดังกล่าว ถ้าเขาพิจารณาวันเดือนปีที่พิมพ์หนังสือเหล่านั้น จะเข้าใจทันทีว่า เราได้พูดอะไรออกไปหรือ หรือเป้าหมายที่ผู้เขียนหนังสือออกมาต้องการอะไรจากเรา
อ้างอิง
[1] บทบาทซัยยิดญะมาลุดดีน อะซัดออบอดี ในการปลุกชาวตะวันออก แต่งโดย ซัยยิดมุฮัมมัด เฏาะบาเฎาะบาอี หน้า 187
[2] บทบาทซัยยิด ญะมาลุดดีน หน้า 187,189,194,195,246,274,277
[3] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า 166 – 176 ชุฮะดาในหนทางอิสระ
[4] เขียนหนังสืออธิบาย กะลิมาตอิมาม ซึ่งประกอบไปด้วยคำอธิบายอันยิ่งใหญ่จาก นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ, เขียนหนังสือ มุกตะซิบุซซิยาซะฮฺ เป็นการอธิบายจดหมายของท่านอิมามอะลี (อ.) ที่ส่งถึงท่านมาลิกอัชตัรและการปกครองของรัฐบาลอามามอะลี บุตร อบูฎอลิบ
ขอขอบคุณ เว็บไซต์ตักรีบมะซาฮิบอิสลาม