ความลับแห่ง “ริฎวาน”
บุรุษไร้เงา มันสมองของฮิซบุลลอฮ์
ประวัติและเรื่องเล่าของขุนพลแห่งกองกำลังขบวนการต่อสู้อิสลาม ชะฮีด อิมาด มุฆนิยะห์
ตอนที่12
 (ที่มาของชื่อ ฮิซบุลเลาะฮ์ - เล่าโดยมารดาของอิมาด)
สามีของฉันได้เดินทางไปซาอุฯเพื่อประกอบอาชีพ  หลังจากนั้นได้เขียนจดหมายถึงฉันเพื่อเชิญชวนให้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย  ฉันจึงตัดสินใจร่วมเดินทางพร้อมกับคาราวานของเชค รอฆิบ ฮัรบฺ โดยเริ่มออกเดินทางจากกรุงเบรุตสู่ซาอุดิอาระเบีย
ในวันนั้นฉันได้เห็น อิมาด อยู่ร่วมในกลุ่มคาราวานหนึ่งเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งก่อนหน้านี้อิมาด เคยมาบอกกับฉันแล้วว่าเขาจะไปประกอบพิธีฮัจญ์ เพียงแต่เขาไม่ได้บอกรายละเอียดของการเดินทาง
หลังจากนั้นไม่นาน ฉันได้รู้ว่า อิมาด มิได้มาประกอบพิธีฮัจญ์เพียงอย่างเดียว แต่เขาและพรรคพวกของเขามาปฏิบัติภารกิจในการแจกจ่ายแถลงการณ์จัดตั้งกลุ่มขบวนการต่อสู้กับผู้กดขี่และผู้ลบหลู่เกียรติของมัสยิดอัลอักศอ
ช่วงเวลาที่อยู่ในซาอุดิอาระเบีย  อิมาดได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่หยุดหย่อน  จนถึงขั้นที่ว่า การเคลื่อนไหวของเขาถูกทางการซาอุฯจับตามองเป็นพิเศษ และฉันเองก็พลอยถูกค้นตัวไปด้วย  เช่นกรณีเหตุการณ์ที่เกิดในวันหนึ่งในช่วงของเทศกาลฮัจญ์  ในขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านดุอาอฺอยู่นั้น เชค รอฆิบ ฮัรบฺ ก็เดินเข้ามาอย่างรีบเร่ง และบอกให้ฉันลุกขึ้นยืน  ฉันก็ลุกขึ้นยืนในสภาพที่มีความแปลกประหลาดใจถึงการกระทำเช่นนี้
 ทันใดนั้น ฉันได้เห็นว่า อิมาด กำลังขุดดินและหาเอกสารบางอย่างที่เขาได้กลบฝังไว้ เมื่อพบเอกสารเขาจึงได้ทำการกลบดินเหมือนเดิม และให้ฉันนั่งลงที่เดิม  ขณะที่ฉันยังไม่ทันได้นั่งลง ก็ได้มีตำรวจจำนวนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วก็เริ่มต้นค้นหาอะไรบางอย่าง  เมื่อตำรวจออกไปแล้ว ฉันจึงได้ถาม เชครอฆิบ ฮัรบฺ ถึงรายละเอียดขอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เขาตอบกับฉันด้วยการเผยอยิ้มว่า  นี่คือหนึ่งในภารกิจของบุตรชายสุดที่รักของเจ้า
อีกภารกิจหนึ่งของอิมาด ในช่วงการประกอบพิธีฮัจญ์ คือ การติดสติกเกอร์ อิมามโคมัยนี ด้านหลังเสื้อของตำรวจซาอุดิอาระเบีย โดยที่ตำรวจไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าใครเป็นผู้ติดสติกเกอร์ดังกล่าว ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางฝูงชน
ครั้งแรกที่อิมาด ได้เข้าพบกับท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) คือในปี ค.ศ.1982 (1361 ปีอิหร่าน)  แต่ในครั้งนั้น เขาได้สนทนาพบปะกับอิมามเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น หลังจากนั้นก็ได้เดินทางกลับเลบานอน ในสภาพที่จิตใจเบิกบาน มีความเร่าร้อนในหัวใจ และนับถอยหลังในการเผชิญหน้าต่อสู้กับศัตรูยิวไซออนิสต์  จากวันนั้นเป็นต้นมา อิมาด อยู่ไม่นิ่งกระวนกระวายใจ และด้วยสภาพเช่นนี้ จึงได้เริ่มติดภาพของอิมามโคมัยนีตามผนังกำแพงต่างๆในเลบานอน
ครั้งที่สอง เขาได้เข้าพบท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ในปี ค.ศ.1983และเข้าพบปะกับท่านอิมามเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
ในการพบปะกันครั้งนั้น ท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ได้กล่าวกับอิมาดว่า  เจ้าก็เป็นหนึ่งในทายาทของฉัน  การที่ท่านอิมามกล่าวเช่นนั้น มันช่างเป็นเกียรติและสร้างความภาคภูมิใจให้กับฉันและชะฮีดอิมาดอย่างมาก   หลังจากที่เขาเดินทางกลับมายังเลบานอน อิมาด ได้ถามฉันว่า  รู้ไหม ท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) มีความไว้วางใจในผู้ใด?
ฉันตอบว่า ไม่รู้  อิมามไว้วางใจผู้ใดหรือ?   อิมาด ตอบว่า  ฮิซบุลเลาะฮ์
ในเวลานั้น ยังไม่ได้มีการจัดตั้งขบวนการฮิซบุลเลาะฮ์  อิมาด กล่าวว่า ในสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน บุคคลที่ปฏิบัติและเจริญรอยตามอิมามโคมัยนี (รฎ) จะถูกเรียกว่า กลุ่มฮิซบุลเลาะฮ์ และท่านอิมามไว้วางใจพวกเขา
เมื่อการเผชิญหน้าต่อสู้กับยิวไซออนิสต์ในเลบานอนมีความเข้มข้นขึ้น  จากจุดนี้เองทำให้ อิมาด คิดได้ว่า กลุ่มขบวนการต่อสู้ (มุกอวิมะห์) นี้ ควรตั้งชื่อว่า กลุ่มขบวนการฮิซบุลเลาะฮ์ เนื่องจากเป็นชื่อที่บ่งชี้ถึงการร่วมอุดมการณ์ของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) และท่าอิมามก็ไว้วางใจต่อชื่อนี้
หลังจากอิมามโคมัยนี (รฎ) อสัญกรรม  อิมาด มีความเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก การอสัญกรรมของอิมามโคมัยนี สำหรับอิมาดแล้วถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับเขาและพวกเราทุกคน  แต่การสูญเสียครั้งนั้น ได้ทำให้อิมาด มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะเขาได้ซึมซับอุดมการณ์และจิตวิญญาณของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) อย่างแท้จริงแล้ว และทุกความสำเร็จที่เขาได้มาก็เนื่องมาจากแนวคิดและอุดมการณ์ของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ)
แต่ความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่สำหรับเรา และอิมาดนั้น คือการได้อยู่ภายใต้ร่มธงแห่งวิลายัต ภายใต้การนำของ อิมามคาเมเนอี และหลังจากนั้น อิมาด ลูกชายของฉัน ก็มีความสัมพันธ์ที่ดี แนบแน่น กับอิมามคาเมเนอีและเจริญรอยตามแนวทางของท่านมากยิ่งขึ้น
ติดตามตอนที่13
บทความโดย ซัยยิดสุไลมาน ฮุซัยนี