ความลับแห่ง “ริฎวาน” ตอนที่13
ความลับแห่ง “ริฎวาน”
บุรุษไร้เงา มันสมองของฮิซบุลลอฮ์
ประวัติและเรื่องเล่าของขุนพลแห่งกองกำลังขบวนการต่อสู้อิสลาม ชะฮีด อิมาด มุฆนิยะห์
ตอนที่13
(ยิวไซออนิสต์บุกภาคใต้เลบานอน)
การรุกรานและยึดครองภาคใต้ของเลบานอนครั้งแรกโดยรัฐเถื่อนอิสราเอล ภายใต้ “ปฏิบัติการลิทานี” เกิดขึ้นในปี 1978 ทหารไซออนิสต์ติดอาวุธจำนวน 25,000 นายได้รุกรานเข้าสู่ดินแดนของเลบานอน ทำลายค่ายต่างๆของชาวปาเลสไตน์ในเลบานอนอย่างโหดเหี้ยม
มติสหประชาชาติที่ 425 เรียกร้องให้อิสราเอลถอนกองกำลังทั้งหมดออกจากดินแดนเลบานอนโดยด่วน และส่งหน่วยกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าประจำการแทน
ในปี 1982 กองทัพไซออนิสต์ได้เริ่มเปิดฉากโจมตีเลบานอนอีกครั้ง ทั้งทางอากาศ ทางทะเลและภาคพื้นดิน สามารถรุกคืบไปสู่ประตูเมืองกรุงเบรุตโดยมิได้มีการต่อต้านใดๆเกิดขึ้น เมืองหลวงของชาติอาหรับแห่งที่สอง(หลังจากบัยตุลมุก็อดดิส) ที่ถูกปิดล้อมโดยไซออนิสต์
การบุกรุกเลบานอนในครั้งนี้ ทางยิวไซออนิสต์อ้างเหตุผลว่า เพื่อขับไล่นักรบชาวปาเลสไตน์ให้ออกไปจากเลบานอน แต่เป้าหมายหลักจริงๆแล้วก็เพื่อให้ชาวคริสต์ที่เป็นหุ่นเชิดได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีเลบานอนและลดบทบาททางการเมืองและการทหารของซีเรียในเวทีต่างๆของเลบานอน ทหารของไซออนิสต์สามารถรุกคืบไปถึงประตูกรุงเบรุตสำเร็จโดยใช้เวลาเพียงสามวัน!!!
การถอยร่นอย่างรวดเร็วของกลุ่มขบวนการต่อสู้ปาเลสไตน์ต่างๆ กลุ่มติดอาวุธและกองกำลังของขบวนการอามุล ทำให้กลุ่มขบวนการเล็กๆ กลุ่มอิสลามนิยมในภาคใต้เลบานอน ไม่สามารถต่อสู้และต่อกรกับยิวไซออนิสต์ผู้รุกรานได้
การลุกขึ้นต่อสู้ภาคประชาชนครั้งแรกต่อการรุกรานของไซออนิสต์ เกิดขึ้นภายใต้การนำของ เชครอฆิบ ฮัรบฺ และผลตามมาคือเกิดกระแสการตอบรับอย่างดี เกิดการลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนอย่างกว้างขวางในภาคใต้ของเลบานอน มีการประชาสัมพันธ์ผ่านมัสยิดและฮุซัยนียะห์ต่างๆ
ซึ่งในเวลานั้นกลุ่มขบวนการฮิซบุลลอฮ์เพิ่งจะก่อร่างสร้างตัว ทางยิวไซออนิสต์ได้บอกกับยัสเซอร์ อาราฟัต และเหล่านักรบชาวปาเลสไตน์ให้ออกไปจากเลบานอน โดยขีดเส้นตายเพียงแค่ไม่กี่เดือน และแล้วขบวนการฮิซบุลลอฮ์ ก็ได้โอกาสในการเริ่มเคลื่อนไหว และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฮิซบุลลอฮ์ ก็ได้เริ่มปฏิบัติการในวงแคบ ในเขตหมู่บ้านต่างๆทางภาคใต้ของเลบานอน จากนั้นจึงเข้าสู่การปฏิบัติการในวงกว้าง ซึ่งภารกิจทางทหารที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลาดังกล่าวของฮิซบุลลอฮ์ก็คือ การทำลายฐานที่มั่นของผู้บัญชาการทหารของกองทัพไซออนิสต์ในเมือง โซร์ เลบานอน
การปฏิบัติการของกองกำลังมุกอวะมะห์ เริ่มต้นขึ้นด้วยความมุ่งมั่นและจริงจังของบรรดาเยาวชนผู้เคร่งครัดศาสนา ด้วยอาวุธเบา และด้วยการประกาศสโลแกน “อัลลอฮ ฮุ อักบัร” ในการเผชิญหน้ากับทหารไซออนิสต์ผู้รุกรานในเขตพื้นที่ “คอลดะห์” ซึ่งเป็นประตูเมืองทางใต้ของกรุงเบรุต
พวกเขาได้ปิดกั้นช่องทางการเข้าสู่เขตพื้นที่ดังกล่าวของทหารยิวไซออนิสต์ บรรดาเยาวชนนักรบในเขตพื้นที่ คอลดะห์ ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อทหารยิวไซออนิสต์ผู้รุกรานและได้สังหารทหารพวกเขาตายหลายนาย อีกทั้งสามารถยึดรถถัง ปืนใหญ่ของทหารยิวไซออนิสต์มาครอบครองได้เป็นจำนวนหนึ่ง ขบวนการต่อสู้ในกรุงเบรุต และเขตปริมณฑลทางภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวชีอะห์ ได้ยืนหยัดต่อสู้กับทหารยิวไซออนิสต์เป็นเวลานานถึง42 วัน
ในห้วงเวลาดังกล่าว บรรดานักรบชาวเลบานอนได้เรียนรู้ยุทธวิธีต่างๆของการสู้รบโดยเฉพาะรูปแบบการสู้รบของกองทัพ มีความคลาสสิกและการจัดระบบที่มีประสิทธิภาพ สงครามในเบรุตจบลงด้วยการถล่มทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินโดยกองทัพอิสราเอล จนนำไปสู่การยึดครองเบรุตทางตะวันตก แต่ทว่า เบรุตทางใต้(ภาคใต้เลบานอน) เป็นเพียงเขตพื้นที่เดียวที่ทหารไซออนิสต์ไม่สามารย่างก้าวไปถึง
ภาคใต้ของเลบานอน หรือ “ฎอฮียะห์” คือ ดินแดนและอนาเขตของฮิซบุลลอฮ์ และเป็นเขตพื้นที่ที่สองในการปะทะกันระหว่างนักรบฮิซบุลลอฮ์กับทหารยิวไซออนิสต์ และสิ่งนี้ทำให้กลุ่มขบวนการดังกล่าวสามารถใช้เป็นที่เก็บอาวุธและเป็นสถานที่ ที่ปลอดภัยสำหรับกองกำลังของตน ขบวนการต่อสู้ต่อต้านไซออนิสต์ผู้รุกราน มีความแข็งแกร่ง มีระบบ มีศักยภาพและมีขีดความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นขบวนการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อสู้กับยิวไซออนิสต์ผู้รุกรานในเลบานอน
ติดตามตอนที่14
บทความโดย ซัยยิดสุไลมาน ฮุซัยนี