ความสำคัญของการรักษา “อะดับ” (มารยาท) ในการรำลึกถึงวีรกรรมการพลีของท่านอิมามฮูเซน (อ.)

ความสำคัญของการรักษา “อะดับ” (มารยาท) ในการรำลึกถึงวีรกรรมการพลีของท่านอิมามฮูเซน (อ.)

 

•••ความรักต่อบรรดาอะฮฺลุลเบต คือ “ซิกรุลลิลอาละมีน” ‎ذِكْرٌ لِلْعَالَمِينَ เป็นการรำลึกแห่งสากลจักรวาล [อัลกุรอาน 12: 104]

ฉะนั้นในค่ำคืนเหล่านี้ [มูฮัรรอม] พึงรู้ไว้เถิด เรากำลังร่วมรำลึก และแสดงความรักให้กับเรื่องที่เป็นการรำลึกแห่งสากลจักรวาล

แน่นอนว่า เนื้อหาที่ลึกซึ้งนั้นมีมากมายกว่านี้ ทว่าตรงนี้ต้องการเพียงจะชี้ว่า เรื่องราวของอะฮฺลุลเบต เป็นเรื่องแห่งสากลจักรวาล ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องของมนุษย์ทั้งโลก หรือมนุษยชาติทั้งหมด หากมีความคิดเช่นนี้ถือว่าน้อยไป และเป็นการคิดที่เล็กไป กล่าวคือ การมีความรักต่ออะฮ์ลุลเบต(อ) และการรำลึกถึงอะฮฺลุลเบต(อ) นั้นคือ การรำลึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสากลจักรวาลนี้

อย่างไรก็ดี ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการรำลึกนี้ ก็คือ การรำลึกถึงท่านอิมามฮูเซน(อ)

แน่นอนว่า การรำลึกถึงอะฮ์ลุลเบต คนหนึ่งคนใด รำลึกถึงท่านนบี (ศ็อลฯ) ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ) ท่านอิมามอาลี(อ) ก็คือเรื่องแห่งสากลจักรวาล ทว่า การรำลึกถึงท่านอิมามฮูเซน(อ) หรือการแสดงความรักต่อท่านอิมามฮูเซน(อ) คือเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเรื่องที่เป็นสากลจักรวาล

คำถาม : ประโยคนี้มาจากไหน?
คำตอบ : ประโยคนี้มาจากฮาดิษและรีวายัตต่างๆจากบรรดาอะฮฺลุลเบต(อ)ที่ได้ถ่ายทอดมา นี่คือ สิ่งสำคัญที่เราจะต้องทำความเข้าใจ

ฉะนั้น การรำลึกในเดือนมุฮัรรอม การรำลึกถึงท่านอิมามฮูเซน(อ) นั้น เราอย่าได้คิดเป็นเพียงแค่เรื่องพิธีการ การใส่ชุดดำ การมะตั่ม การฟังมุษิบัต เพียงเท่านั้น แต่จงชูโกรไว้เถิด อันเนื่องจากเรื่องที่ยิ่งใหญ่นี้ จึงถือเป็นบุญสำหรับพวกเรา ที่มีโอกาสได้เป็นผู้รำลึก และอย่าได้คิดว่าพวกเราเป็นพวกแรก หลังจากนบี(ศ็อลฯ) ที่มีมุษิบัต ที่ร้องไห้ ที่หลั่งน้ำตาในเรื่องราวแห่งกัรบาลา และวีรกรรมของอิมามฮูเซน(อ)

ดังนั้น เมื่อมุฮัรรอม เวียนมา เราจะต้องเรียนรู้และปฏิบัติตัวของเราให้ดีที่สุด จะต้องเป็นผู้ที่รำลึกอย่างแท้จริง หมายความว่า ให้รำลึกให้คู่ควรกับที่เอกองค์อัลลอฮ(ซ.บ)เรียกว่าเป็น การรำลึกแห่งสากลจักรวาล ด้วยการมีอะดับ (มีมารยาท) มีอัคลาค มีมะรีฟัต ในเรื่องราวแห่งกัรบาลา

ฉะนั้น ในเรื่อง “อะดับ” ผู้ใด อะดับของเขาสอบตก พึงตระหนักไว้เถิด จงลืมในเรื่องอัคลาค และเรื่องมะรีฟัตได้เลย นัยยะคือ ลืมไปเลยว่าเราจะสัมผัสถึงเรื่องราวแห่งกัรบาลา เรื่องราวของท่านอิมามฮูเซน(อ)ในด้านอัคลาคได้

ในเรื่อง อัคลาคก็เช่นกัน ผู้ใดที่อัคลาคของเขาสอบตก ลืมไปเลยว่า เขาจะสัมผัสถึงเรื่องราวของอิมามฮูเซน(อ) เรื่องราวของท่านหญิงซัยหนับ(อ) เรื่องราวของวีรบุรุษและวีรสตรีแห่งกัรบาลาในมะรีฟัตของมันได้ เพราะสูงสุดของศาสนา ในทุกเรื่อง คือ เรื่องมะรีฟัต ไม่ว่าเราจะก้าวเข้าไปในเรื่องอะไรก็ตาม ตัวอย่างเช่น

~ สูงสุดของการละหมาด คือ การละหมาดอย่างมีมะรีฟัต
~ สูงสุดของการถือศีลอด คือ การถือศีลอดยังมีมะรีฟัต
~ สูงสุดของการทำฮัจย์ คือ การทำฮัจย์เยี่ยงผู้ที่มีมะรีฟัต
~ สูงสุดของการอ่านดุอาอฺ คือการอ่านดุอาอฺอย่างมีมะรีฟัต

ดังนั้น พึงตระหนักไว้เถิด หากเราทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในศาสนา แล้วไปไม่ถึงมะรีฟัต หรือไปไม่ถึงซึ่งอัคลาคแล้ว ขอรับรองและยืนยันไว้เลยว่า สิ่งที่เราทำไปนั้นสูญเปล่าแน่นอน

 

เรียบเรียงจาก บางส่วนของการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี