เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

อิมามฮุเซน(อ)ในมุมมองของซัยยิดอะลีคาเมเนอี ตอนที่ 2

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5


อิมามฮุเซน(อ)ในมุมมองของซัยยิดอะลีคาเมเนอี ตอนที่ 2

 

สรุปความจากกิตาบ
(อินซาน บิอุมริ 250 ซะนะฮ์ หน้า 162– 167  ซัยยิดอะลี คาเมเนอี)

มีคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่ท่านต้องจำเพื่อความเข้าใจ

1.ฮะดัฟ แปลว่า เป้าหมาย

2.เซาเราะฮ์ แปลว่า ปฏิวัติ

3.นิฮ์ซัต แปลว่า ขบวนการต่อสู้


أهداف ثورة الإمام الحسين عليه السلام

ฮะดัฟการเซาเราะฮ์(เป้าหมายของการปฏิวัติ) ของอิมามฮูเซน อะลัยฮิสสลาม

เป้าหมาย การปฏิวัติต่อสู้ ของอิมาม ฮูเซน

ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวว่า

หากเราพิจารณาเหตุการณ์นี้ อย่างละเอียดถี่ถ้วน สามารถกล่าวได้ว่า

มนุษย์สามารถนับบทเรียนสำคัญๆ ได้มากกว่า 100 บทเรียน ในการเคลื่อนไหวนี้อิมามฮุเซน ได้ลุกขึ้นต่อสู้ ซึ่งท่านได้ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน
นับตั้งแต่วันที่อิมามฮุเซน (อ)ออกจากมะดีนะฮ์ไปยังนครมักกะฮ์ จนถึงวันที่ท่านถูกสังหารเป็นชาฮีดในแผ่นดินกัรบะลา


พูดได้ว่ามีบทเรียนนับพัน เพราะทุกคำพูดและการกระทำของอิมามฮุเซน นั้นถือเป็นบทเรียน

แต่เมื่อเราพูดว่า มีมากกว่า 100 บทเรียน เราหมายถึง บทเรียนนั้น ถ้าเราต้องการกลั่นกรองการกระทำเหล่านั้น เราสามารถจำแนกได้เป็นข้อย่อยๆอีกเป็นร้อยๆข้อ

ทุกข้อย่อยของแต่ละหมวดนั้น ถือเป็นบทเรียนสำหรับประชาชาติ,ประวัติศาสตร์ และประเทศ เพื่อใช้ตัรบียัต(อบรมฝึกฝนขัดเกลา) ตัวเองและสังคมชุมชน และเพื่อแสวงหาความใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา

นี่คือ อิมามฮูเซน ผู้เปรียบเสมือน ดวงอาทิตย์ ที่ส่องแสงท่ามกลางมวลหมู่ผู้บริสุทธิ์

ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวว่า

เมื่อกล่าวว่า เรื่องราวของอิมามฮูเซน(อ)คือบทเรียนกว่าร้อยบทแล้ว

ยังมีบทเรียนหลักใน นิฮ์ซัต ของอิมามฮูเซน  ที่ท่านได้ลุกขึ้นต่อสู้กับยะซีด

ซึ่งข้าพเจ้า(ซัยยิดอะลี) จะพยายามอธิบายให้พวกคุณฟัง

บทเรียนทั้งหมดนี้ อยู่ในสถานะเชิงอรรถต่อตัวบทคำพูดและการกระทำของอิมามฮูเซน

لِمَاذَا ثاَرَ الْحُسَيْنُ

ทำไมอิมามฮูเซนจึงต้อง เซาเราะฮ์(ปฎิวัติ) ?

นี่คือบทเรียน เหตุใด อิมามฮูเซนจึงต้องเซาเราะฮ์ ?

ทั้งที่อิมามฮูเซนเป็นบุคคลที่ได้รับการเคารพนับถืออย่างสูงสุดในนครมะดีนะฮ์และนครมักกะฮ์ และอิมามฮูเซนยังมีชีอะฮ์พวกพ้องของท่านอยู่ในเยเมนอีก

อิมามฮูเซนแค่ไปหาสถานที่หนึ่ง ใช้ชีวิตที่นั่น ทำอิบาดัตต่ออัลลอฮ์และเผยแผ่ศาสนาไป โดยอิมามไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเรื่องยาซีด ส่วนยาซีดก็จะได้ไม่มาข้องเกี่ยวอะไรกับอิมาม  นี่คือคำถาม และคือบทเรียนหลัก

ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวว่า

ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่า ไม่เคยมีอุละมาอ์อธิบายเรื่องนี้ไว้
แน่นอนอุละมาอ์ได้ค้นคว้า ได้พูดเอาไว้มากมายในเรื่องนี้ นี่คือความเที่ยงธรรม

สิ่งที่ข้าพเจ้า(ซัยยิด อะลี) อยากจะพูดในวันนี้ มันคือความคิดเห็นของตัวข้าพเจ้าเอง  ซึ่งเป็นบทสรุป ที่ครอบคลุม และเป็นมุมมองใหม่สำหรับประเด็นนี้ นั่นคือว่า มีบางคนอยากกล่าวว่า

ฮะดัฟ เซาเราะฮ์ ของท่านอบาอับดิลลา-ฮิล-ฮูเซน คือ

إسْقاَطُ حُكُوْمَةِ يَزِيْدَ الْفاَسِدَة وَ إقاَمَةُ حُكُوْمَةٍ بَدِيْلَة


การล้มล้างรัฐบาลยะซีดที่ชั่วช้า และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมาแทนที่

(( คำพูดนี้เกือบถูก แต่ก็ไม่ผิดนะ ))

ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวว่า

หากว่า เจตนาของคำปราศรัย(ของอุละมาอ์) คือ อิมามฮูเซนได้ทำการปฏิวัติเพื่อจัดตั้งรัฐบาลขึ้น  ดังนั้น หากอิมามได้เห็นว่า ท่านจะไม่บรรลุผล แน่นอนว่าอิมามจะพูดว่าเราได้ทำในสิ่งที่ต้องทำแล้ว
ดังนั้น พวกเราเลิกเถอะ นี่คือความผิดพลาด

เพราะว่า ผู้ใดก็ตาม ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการเมืองการปกครอง เขาจะก้าวไปข้างหน้า ก้าวไปจนกว่าเขาจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นไปได้(คือสมควรดำเนินการต่อไป) ดังนั้น หากเขาเห็นว่า เรื่องนี้เป็นไปได้ หรือ ความเป็นไปได้ทางปัญญานั้นไม่มี

ฉะนั้นหน้าที่ของผู้ออกมาเคลื่อนไหนคือ ต้องเลิกทำ หากเป้าหมายคือการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น จึงอนุญาตให้ผู้คน ออกมาทำการเคลื่อนไหวไปสู่สิ่งที่เป็นไปได้
แต่ในเมื่อมันกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็จำเป็นต้องเลิก จำเป็นต้องยุติ จำเป็นต้องกลับไปสู่จุดเดิม(คือนิ่ง)

มี(อุละมาอ์)บางส่วน มีทัศนะตรงกันข้ามจากที่กล่าวมาสิ้นเชิง กล่าวคือ พวกเขากล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องจัดตั้งรัฐบาล อิมามฮุเซน (อ)รู้ดีว่า ท่านไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ (คือเป็นไปไม่ได้)
((อิมามฮุเซน  ออกมาต่อสู้ เพื่อให้ถูกฆ่า เป็นชาฮีด เท่านั้น)
คำพูดนี้ได้แพร่หลายอย่างมากมายไปทั่ว อยู่ระยะเวลาหนึ่ง และมีอุละมาอ์บางส่วนได้บรรยายเรื่องอิมามฮูเซน ด้วยคำบรรยายในเชิงบทกลอน บทกวี ที่ไพเราะสวยงาม
จนข้าพเจ้าได้เห็นอุละมาอ์ผู้ทรงคุณวุฒิของพวกเราบางส่วนก็กล่าวแบบนั้นเช่นกัน

ดังนั้น คำพูดที่ว่า อิมามฮูเซน(อ)ได้ทำการ เซาเราะฮ์
เพื่อให้ตัวท่านได้รับตำแหน่งชาฮีด เนื่องจากอิมามเล็งเห็นแล้วว่า ท่านไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ต่อไป

อิมามฮูเซนจึงกล่าวว่า

يجب أن أعمل شيئًا بالشهادة

จำเป็นที่ฉันจะต้องกระทำสิ่งหนึ่ง เพื่อที่จะเป็นชะฮีด

ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวว่า นี่ไม่ใช่คำพูดใหม่
เกี่ยวกับคำพูด(จำเป็นที่ฉันจะต้องกระทำสิ่งหนึ่ง เพื่อถูกฆ่าเป็นชาฮีด)นี้ เราไม่มีหลักฐานในศาสนาอิสลาม ที่กล่าวว่า
อนุญาตให้มนุษย์ โยนหรือนำพาตัวเองไปสู่ความตาย
และสำหรับเรา(ชีอะฮ์)ก็ไม่มีหลักฐานแบบนี้ด้วย

ชะฮีด ที่เรารู้จักในบทบัญญัติอิสลามที่บริสุทธิ์ ทั้งกุรอานและฮะดีษ ความหมายของมันคือ


أن يتحرّك الإنسان ويستقبل الموت لأجل هدفٍ مقدّس واجب أو راجح


การที่มนุษย์ ได้ออกมาเคลื่อนไหว(ดิ้นรนต่อสู้)และต้อนรับกับความตาย เพื่อเป้าหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นวาญิบ(จำเป็น) หรือ มีน้ำหนัก(ในทางศาสนา)
นี่คือ ชะฮีดแห่งอิสลามที่ถูกต้อง


أمّا أن يتحرّك الإنسان لأجل أن يُقتل


ส่วน การที่มนุษย์ ได้ออกมาเคลื่อนไหว(ดิ้นรนต่อสู้)เพื่อให้เขาถูกฆ่าตาย

หรือตามสำนวนที่นักอ่านกลอนได้พรรณากันว่า


อิมามฮุเซนได้ทำให้ชีวิตของท่าน เป็นสื่อไปสู่การเขย่าบัลลังก์ทรราชย์หรือทำให้ทรราชย์ถูกโค่นล้มนั้น ลักษณะการพรรณาแบบนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของอิมามฮุเซนเลย

เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ความจริงคือ อิมามฮุเซน ไม่เคยมี(ฮะดัฟ)จุดประสงค์แบบนั้น


สรุปสั้นๆ

ไม่สามารถพูดว่า

إنّ الحسين عليه السلام ثار لأجل إقامة الحكومة

อิมามฮุเซน ได้ เซาเราะฮ์ เพื่อ จัดตั้งรัฐบาล

และไม่สามารถพูดว่า

إنّ الحسين عليه السلام ثار لأجل أن يستشهد

อิมามฮุเซน ได้ เซาเราะฮ์ เพื่อ ให้ถูกฆ่าตายเป็นชะฮีด

แต่มีอีกประการหนึ่งที่อยู่ระหว่างสองสิ่งดังกล่าว

أتصوّر أنّ القائلين إنّ الهدف هو الحكومة أو الهدف هو الشهادة قد خلطوا بين الهدف والنتيجة

ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวว่า ผมคาดว่า คนที่บอกว่าเป้าหมาย(อิมาม)คือจัดตั้งรัฐบาลหรือเป้าหมาย(อิมาม)คือการถูกฆ่าตายเป็นชะฮีด
พวกที่กล่าวแบบนี้พวกเขาได้ผสมปนกันระหว่าง เป้าหมาย กับ ผลลัพท์

فقد كان للإمام الحسين عليه السلام هدفٌ آخر

แท้จริง อิมามฮูเซน มี ฮะดัฟ อันอื่น

والوصول إليه يتطلّب طريقًا وحركةً تنتهي بإحدى النتيجتين: الحكومة أو الشّهادة

และการเข้าไปถึงมันได้ ต้องใช้เส้นทางและการออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งจะจบลงด้วยผลลัพธ์หนึ่งในสองอย่างนี้คือ

1.ได้จัดตั้งรัฐบาล  หรือ 2.ได้รับตำแหน่งชะฮีด

ซึ่งอิมามฮุเซนได้เตรียมพร้อมสำหรับผลลัพท์สองอย่างนั้น
   
อิมามฮุเซนได้จัดเตรียม มุกอดดิมาตของฮุกูมัต  และ มุกอดิมาตของชะฮาดัต ไว้แล้วเช่นกัน

อิมามฮุเซนได้เตรียมตัวของท่านไว้พร้อมทั้งสิ่งนี้และสิ่งนั้น

1.ได้จัดตั้งรัฐบาล  หรือ 2.ได้รับตำแหน่งชะฮีด

ดังนั้น ถ้าหากสิ่งใดจากสองสิ่งได้เกิดขึ้นจริง มันก็คือความถูกต้อง

อิมามฮุเซนไม่ได้มีเป้าหมายหนึ่งในสองอย่างนั้นเลย แต่ทั้งสองอย่างคือผลลัพท์

ส่วนฮะดัฟ-เป้าหมายนั้น มันคือ อีกสิ่งหนึ่ง

คำอธิบาย ซัยยิดอะลีกำลังบอกว่า อิมามฮุเซนนั้นมีเป้าหมายหนึ่งที่ออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งกระทำของท่านจะส่งผลลัพท์ออกมา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งคือ ได้รัฐบาลใหม่ หรือ โดนฆ่าเป็นชะฮีด)  
 
ซัยยิด อะลี คาเมเนอี พูดแบบสั้นๆคือ

หากเราต้องการคำอธิบายถึง ฮะดัฟของอิมามฮุเซน เราควรจะกล่าวดังต่อไปนี้.....

إنّ هدف ذلك العظيم كان عبارة عن أداء واجبٍ عظيم من واجبات الدّين لم يؤدّه أحدٌ قبله

เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นั้นคือ การปฏิบัติหน้าที่อันยิ่งใหญ่ จากสิ่งที่เป็นวาญิบของศาสนาอิสลาม ที่ไม่เคยมีใครได้ทำมาก่อนอิมามฮุเซน

นบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ),อิมามอะลี,อิมามฮะซัน ไม่เคยทำได้ปฏิบัติภารกิจวาญิบนี้
เป็นหน้าที่วาญิบ ที่ครอบครองสถานที่สำคัญในโครงสร้างโดยรวม สำหรับระบบความคิด,ระบบคุณค่าศีลธรรม,ระบบเชิงปฏิบัติภารกิจอิสลาม ทั้งๆที่หน้าที่วาญิบนี้สำคัญและเป็นรากฐานหลัก

ทำไมจึงไม่มีใครได้ปฏิบัติภารกิจวาญิบนี้จนล่วงเลยมาถึงสมัยของอิมามฮูเซน ?

วาญิบนี้ จึงตกเป็นภารกิจของอิมามฮุเซน ที่จะต้องปฏิบัติไว้ เพื่อเป็นบทเรียน แก่ประวัติศาสตร์ตลอดไป

เหมือนที่นบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ได้วางรากฐานสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลอิสลามไว้ เพื่อเป็นบทเรียนแก่ประวัติศาสตร์ตลอดไป
เหมือนที่ นบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ได้ทำให้การญิฮ๊าดของท่านในวิถีทางของอัลลอฮ์ กลายเป็นบทเรียนแก่ประวัติศาสตร์ตลอดกาล สำหรับบรรดามุสลิมและสำหรับมนุษยชาติ

จึงเป็นสิ่งสมควรสำหรับอิมามฮุเซน ที่ต้องปฏิบัติภารกิจวาญิบนี้ให้สำเร็จ เพื่อจะได้เป็นบทเรียนในเชิงปฏิบัติสำหรับชาวมุสลิม เป็นประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล

หมายเหตุ – ผู้เรียบเรียงบทความนี้ได้นำฮะดีษบทนี้มาอธิบายเสริม

อิมามฮุเซน  อะลัยฮิสสลาม ได้เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)ได้กล่าวว่า

مَنْ رَأى سُلْطاناً جائِراً مُسْتَحِلاًّ لِحُرُمِ اللهِ، ناکِثاً لِعَهْدِ اللهِ، مُخالِفاً لِسُنَّةِ رَسُولِ اللهِ، یَعْمَلُ فِی عِبادِاللهِ بِالاِثْمِ وَ الْعُدْوانِ فَلَمْ یُغَیِّرْ عَلَیْهِ بِفِعْل، وَ لاَ قَوْل، کانَ حَقّاً عَلَى اللهِ أَنْ یُدْخِلَهُ مَدْخَلَهُ

ผู้ใดเห็นผู้ปกครองผู้อธรรมกดขี่(ต่อประชาชน) ทำสิ่งที่อัลลอฮ์ต้องห้ามเป็นสิ่งฮะลาล
บิดพลิ้วพันธสัญญาของเขา
ไม่ยอมปฏิบัติตามแนวทางของรอซูลลุลลอฮ์
ประพฤติปฏิบัติกับปวงบ่าวของอัลลอฮ์ด้วยบาปและความล่วงละเมิดขอบเขต

หาก(ผู้ใดพบเห็นผู้ปกครองเช่นนั้น) แล้วเขาไม่พยายามเปลี่ยนแปลงแก้ไขการกระทำหรือคำพูด(ของผู้ปกครองชั่วเหล่านั้น)ก็เป็นสิ่งถูกต้องแล้วสำหรับอัลลอฮ์ที่นำเขาเข้าสู่นรก

ألا وَ إِنَّ هؤُلاءِ قَدْ لَزِمُوا طاعَةَ الشَّیْطانِ، وَ تَرَکُوا طاعَةَ الرَّحْمنِ، وَ اَظْهَرُوا الْفَسادَ

พึงรู้เถิดว่า บุคคลเหล่านี้(ใช้ชีวิต)ติดอยู่กับการเชื่อฟังชัยตอน และพวกเขาได้ละทิ้งการเชื่อฟังอัลลอฮ์ และพวกเขาได้สำแดงการสร้างความเสียหาย

ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวว่า

อิมามฮุเซน  เป็นผู้ได้ปฏิบัติภารกิจวาญิบนี้ เพราะสนามของภารกิจนี้ถูกเตรียมไว้ในสมัยของท่าน ไม่ได้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ในสมัยของอิมามท่านอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดในสมัยอิมามอะลี ฮาดี(อ) ท่านก็ต้องเป็นผู้ปฏิบัติวาญิบนี้แน่นอน

ถ้าเหตการณ์เช่นนี้ ไปตรงกับสมัยอิมามฮะซัน(อ) ท่านก็ต้องเป็นผู้ปฏิบัติวาญิบนี้แน่นอน
หรือถ้าเหตการณ์เช่นนี้ เกิดในสมัยอิมามญะอ์ฟัร(อ) ท่านก็ต้องเป็นผู้ปฏิบัติวาญิบนี้แน่นอน
แต่ว่า เหตุการณ์เช่นนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยอิมามท่านอื่นๆ จนมาถึงสมัยของอิมามมะฮ์ดี(อ) ยกเว้น มาเกิดในสมัยอิมามฮูเซน(อ)
ดังนั้น ฮะดัฟของอิมามฮูเซนคือ ต้องการปฏิบัติภารกิจวาญิบนี้
เมื่ออิมามฮุเซน ได้ลงมือปฏิบัติวาญิบนี้ จะเกิดผลลัพท์ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งคือ
1.อิมามไปถึงอำนาจรัฐ ซึ่งอิมามได้เตรียมพร้อมสิ่งนั้นไว้แล้วในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อนำสังคมมุสลิมกลับคืนสู่บรรยากาศสมัยท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)และสมัยอิมามอมีรุลมุอ์มินีน(อ)

2.อิมามจะไปถึงตำแหน่งชะฮีด ซึ่งอิมามฮุเซน ได้เตรียมตัวไว้พร้อมแล้วสำหรับมันเช่นกัน

อัลลอฮ์ ตะอาลา ได้กำหนดให้ท่านอิมามฮูเซนและบรรดาอิมาม(ทั้ง11 ท่าน) มีสมรรถนะ ความสามารถ และความอดทนต่อการรับตำแหน่งชะฮีดได้ทุกคน
และอิมามฮุเซน ได้สำแดงให้ประจักษ์แล้ว
ไม่ว่านบีท่านใดก็ตาม เมื่อถูกส่งมา นบีท่านนั้นจะนำบทบัญญัติต่างๆมา
บางฮุกุมเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลเพื่ออิศลาห์(การปฏิรูป) ตนเอง
บางฮุกุมเป็นเรื่องสังคมส่วนรวม เพื่อสร้างสังคม และบริหารจัดการชีวิตมนุษย์

แหล่งรวมอะห์กามเหล่านี้เรียกมันว่า นิซอม-อิสลาม(ระบบอิสลาม)
ดีนอิสลามถูกประทานลงมาบนหัวใจอันบริสุทธิ์สำหรับท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)
ท่านนบีได้มาพร้อมกับ การทำนมาซ การถือศีลอด การจ่ายซะกาต การทำบุญทำทาน การแจกจ่ายสิ่งขอต่างๆ และการทำฮัจญ์
อะห์กามเกี่ยวกับครอบครัวและความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
ต่อมา...ท่านนบีได้มาพร้อมกับการญิฮาดในวิถีทางของอัลลอฮ์ การจัดตั้งฮุกูมัต(ระบอบการปกครอง) ระบบเศรษฐศาสตร์อิสลาม ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับผู้อยู่ใต้การปกครอง และหน้าที่ของประชาชนที่มีต่อรัฐ

บทบัญญัติอะอ์กามเหล่านี้ที่อิสลามได้นำเสนอแก่มนุษย์ และนบีได้อธิบายขยายความอะห์กามเหล่านั้น

ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ได้กล่าวว่า

يا أيّها النّاس والله ما من شيء يُقرّبكم إلى الجنّة ويُباعدكم من النار إلّا وقد أمرتُكم به

โอ้ประชาชน ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ไม่มีสิ่งใด ที่ทำให้พวกท่านได้ใกล้ชิดไปยังสวรรค์ และไม่มีสิ่งใดที่ทำให้พวกท่านได้ห่างไกลจากไฟนรก เว้นแต่ฉันได้กำชับสั่งพวกท่านต่อมันเอาไว้แล้ว

อัลกาฟี เล่มที่ 2 หน้าที่ 74

นบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ได้จัดตั้ง ฮุกูมัต-รัฐอิสลาม และสังคมมุสลิม ขึ้นมา
นบีได้วางระบบเศรษฐกิจอิสลามไว้ ระบบญิฮาดถูกจัดตั้งไว้ และรวบรวมซะกาต

ดังนั้น ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ได้สร้างระบบอิสลามไว้อย่างมั่นคง
ท่านนบีมูฮัมมัดกับอิมามอะลี คอลีฟะฮ์ต่อจากท่าน ได้กลายมาเป็นสถาปนิกของระบบนี้ และเป็นผู้นำของรถไฟขบวนนี้ในเส้นทางสายนี้
เส้นทางสายนี้จึงชัดเจนและแจ่มแจ้ง
ดังนั้น เป็นวาญิบสำหรับปัจเจกบุคคลและสังคมมุลิมที่จะต้องเดินในเส้นทางสายนี้ และต้องปฏิบัติตามแนวทางนี้
หากเขาดำเนินตามสิ่งนั้น และมนุษย์ได้ดำเนินไปจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ของความเป็นมนุษย์ แน่นอนพวกเขาจะกลายเป็นพวกที่ซอและห์เช่นมลาอิกะฮ์
และความอธรรม ความชั่วร้าย การก่อความเสียหาย ความแตกแยก ความยากจน และความไม่รู้ จะหมดไปในหมู่ประชาชนอย่างแน่นอน
และพวกเขาจะบรรลุสู่ความสุขสมบูรณ์ เพื่อเป็นปวงบ่าวของอัลลอฮ์ผู้สมบูรณ์
ดีนอิสลามได้นำระบบนี้มาให้ โดยผ่านทางท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)และถูกนำไปใช้ในสังคมในสมัยนั้น แล้วระบบนี้ได้เกิดขึ้นที่ไหน ?
เกิดขึ้นในสถานที่อันจำเริญซึ่งมีนามวื่นครมะดีนะฮ์ และต่อมาได้ขยายไปยังนครมักกะฮ์และบริเวณโดยรอบ
ตรงนี้จึงมีคำถามว่า
อะไรคือหน้าที่ หากมีมือหนึ่ง หรือ ผู้ก่อเหตุคนหนึ่ง ได้พารถไฟขบวนนี้(ที่นบีมุฮัมมัดได้วางไว้) ออกจากรางรถไฟ
อะไรคือหน้าที่ หากสังคมอิสลามเบี่ยงเบนและความเบี่ยงเบนได้ไปถึงขึ้นที่น่ากลัวว่า

รากฐานอิสลามและหลักปฏิบัติอิสลามต่างๆจะเบี่ยงเบน(ออกไปจากฐานเดิมของมัน)
สำหรับเรา มีการเบี่ยงเบน(อินฮิรอฟ) 2 ชนิด
1.บางครั้ง เขาจะสร้างความเสียหาย(ฟะซาด)และสิ่งนี้เกิดขึ้นมากมาย แต่ฮุกุ่มอิสลามยังอยู่อย่างปกติปลอดภัย
2.บางครั้ง ผู้คนก็เบี่ยงเบน บรรดาผู้ปกครอง บรรดาอุละมาอ์ และบรรดานักตับลีฆศาสนา (ตามหลัก ดีนที่ถูกต้อง จะไม่ออกมาจากกลุ่มผู้สร้างความเสียหาย) พวกเขากำลังบิดเบือนคัมภีร์อัลกุรอ่าน บิดเบือนความจริงต่างๆของดีน

تبدّل الحسنات سيّئات والسيّئات حسنات

ความดีถูกเปลี่ยนเป็นความชั่ว และความชั่วถูกเปลี่ยนเป็นความดี

يُصبح المعروف منكرًا والمنكر معروفًا

มะอ์รูฟกลายเป็นมุงกัร และ มุงกัรกลายเป็นมะอ์รูฟ
(การเชิญชวนสู่การทำความดี กลายเป็นการปฏิเสธ และการปฏิเสธ กลายเป็นการเชิญชวน)

การทำความดีกลายเป็นการทำความชั่ว และ การทำความชั่วกลายเป็นการทำความดี

(ถ้าพูดตามสำนวนไทยคือ เห็นผิดเป็นชอบ เห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว)

อิสลามถูกบิดเบือนไป 180 องศา จากทิศทางที่มันถูกวางเอาไว้สำหรับมัน

فماذا يكون التّكليف فيما لو ابتُلي النّظام والمجتمع الإسلاميّ بمثل هذا الأمر؟

อะไรคือหน้าที่ หากระบบอิสลามและสังคมอิสลามโดนทดสอบแบบนี้
แน่นอนยิ่ง นบีมุฮัมมัดได้อธิบายไว้ชัดเจนแล้ว
และอัลกุรอานได้กำหนด(ตักลีฟ)ภารกิจหน้าที่แก่มุสลิมไว้แล้ว

อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آَمَنُوا مَنْ يَرْتَدَّ مِنْكُمْ عَنْ دِينِهِ فَسَوْفَ يَأْتِي اللَّهُ بِقَوْمٍ يُحِبُّهُمْ وَيُحِبُّونَهُ

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ผู้ใดในหมู่พวกเจ้า กลับออกจากดีนของอัลลอฮ์(จากผู้ศรัทธากลับไปเป็นผู้ไม่ศรัทธา)
อัลลอฮ์จะทรงนำ”ชนกลุ่มหนึ่ง”มาแทนที่ พระองค์รักพวกเขา(ชนกลุ่มนั้น)และพวกเขาก็รักพระองค์  
ซูเราะฮ์ อัลมาอิดะฮ์ อายัตที่ 54

ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวว่า  
นอกจากอัลกุรอานและฮะดีษมากมาย
และข้าพเจ้าจะขอถ่ายทอดส่วนหนึ่งจากรายงานเหล่านั้น ริวายัตนี้รายงานมาจากอิมามฮุเซน
อิมามฮุเซน ได้เล่ารายงานนี้ซึ่งท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้กล่าวไว้กับประชาชน และท่านนบีได้กล่าวมันไว้

(คำถาม) นบีมุฮัมมัดสามารถปฏิบัติฮุกุมของพระเจ้าข้อนี้ได้ไหม คำตอบคือ ไม่
(ทำไม จึงไม่สามารถ ?)
คำตอบ เพราะว่า ฮุกุมอิสลามข้อนี้ จะถูกนำมาใช้ในสมัยที่สังคมอิสลามกำลังถูก(อินฮิรอฟ -  انحراف)เบี่ยงเบนออกจากสัจธรรม จนถึงขั้นที่น่ากลัวว่ายุคนั้น รากฐานอิสลามจะถูกทำลาย

(ซึ่งเราก็รู้กันดีว่า) สังคมอิสลามในสมัยท่านนบีมีชีวิตนั้นไม่เคยถูกใครมา(อินฮิรอฟ)เบี่ยงเบน และในสมัยอิมามอะลี ก็ไม่มีใครมา(อินฮิรอฟ)เบี่ยงเบนให้อยู่ในสภาพเช่นนั้นด้วย
เช่นเดียวกันในสมัยอิมามฮะซัน เมื่อมุอาวียะฮ์ได้กุมอำนาจปกครองทั้งหมดเอาไว้ได้ แม้ว่าจะปรากฏ(อินฮิรอฟ)การเบี่ยงเบนต่างๆมากมาย แต่มันก็ไม่ถึงขั้นที่น่าหวาดกลัวว่า ในสมัยมุอาวียะฮ์ รากฐานอิสลามจะถูกทำลาย
จริงอยู่ว่า เราอาจกล่าวได้ว่า (ก่อนยุคอิมามฮุเซนเข้ามารับหน้าที่เป็นอิมามที่3) มันก็มีการเบี่ยงเบนอยู่ช่วงเวลาหนึ่งนะ
แต่ช่วงนั้นไม่มีโอกาสและไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะ กิยามต่อภารกิจนี้
ฮุกุมกฎข้อนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบทบัญญัติอิสลาม มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าตัวของ(ฮุกูมัต)รัฐบาลเอง

เพราะฮุกูมัต หมายถึง إدَارَةُ الْمُجْتَمِع  การจัดการ บริหารควบคุมสังคมมุสลิมให้อยู่ในระบบอิสลาม

ดังนั้นหากสังคมมุสลิมค่อยๆ ถูกทำลาย (สังคมมุสลิม)ถูกทำให้เสียหายเสื่อมทราม  และกฎของอัลลอฮ์(ดีนอิสลาม)ถูกเปลี่ยนไป ทและเราไม่มีกฎเกณฑ์ว่า วาญิบต้องเปลี่ยนแปลงสถานการณ์(เลวร้ายนั้น) หรือวาญิบต้องทำการเปลี่ยนชีวิตใหม่ หรือในยุคปัจจุบันนี้มันก็คือ (เซาเราะฮ์-การปฏิวัติ) นั่นเอง

(คำถาม) แล้วจะมีประโยชน์อันใดจาก (ฮุกูมัต-รัฐ) ในสมัยนั้น ?

ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวว่า
ฮุกุม(กฎ)ที่เกี่ยวข้องกับการนำสังคมมุสลิม ที่เบี่ยงเบนออกจากดีนอิสลาม
กลับคืนสู่เส้นทางที่ถูกต้องนั้นมีความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าตัว(ฮุกูมัต)รัฐบาลเอง
สามารถกล่าวได้ว่า (เซาเราะฮ์) มีความสำคัญมากกว่า การญิฮาดกับพวกกุฟฟาร
และการส่งเสริมให้ทำความดีและห้ามปรามไม่ให้ทำความชั่ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสังคมอิสลาม
 แต่(เซาเราะฮ์)มันสำคัญยิ่งกว่าการทำอิบาดัตสำคัญต่างๆเช่นการทำฮัจญ์
ถามว่า ทำไม(เซาเราะฮ์)จึงสำคัญกว่า อิบาดัตดังกล่าว ?

คำตอบ
ทำไม? เพราะฮุกุม(เซาเราะฮ์)นี้ มันจะเป็นตัวรับประกันการ إحْياَءُ الإسْلاَمِ อิฮ์ยาดีนอิสลาม


บทความโดย เชคญะวาด สว่างวรรณ
เรียบเรียง เชค ญะมาลุดดีน ปาทาน

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม