ทำไมท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) จึงเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวกัรบาลาอ์ได้เป็นอย่างดีที่สุด?
ทำไมท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) จึงเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวกัรบาลาอ์ได้เป็นอย่างดีที่สุด?
เรามาหาคำตอบกัน
เพราะท่านอิมามนั้น คือบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ ท่านดูทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นด้วยตัวของท่านเอง มูศีบัต ความโศกเศร้า เสียใจต่างๆแห่งกัรบาลาอ์ที่เราฟังและเราร้องไห้นั้น คือสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ท่านเห็นทุกเรื่องราว ท่านเห็นทุกเหตุการณ์
ทุกมูศีบัตที่เราได้ฟัง คือ มูศีบัตที่ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)ได้เห็น และมูศีบัตที่หนักหน่วงที่สุดสำหรับท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ในริวายัต รายงานว่า มีอยู่ 2-3 เหตุการณ์ด้วยกัน เหตุการณ์แรก เมื่อท่านนอนอยู่ในกระโจมและได้ยินเสียงมาจากสนามรบ ได้ยินเสียงดังมาจากทุ่งสังหาร ว่า “ฮัลมิน นาซิริน ยันซุรนี” จะมีอีกมั้ยผู้ที่จะช่วยเหลือฉัน เป็นเสียงของเมาลาและเป็นเสียงของบิดา แต่ไม่มีเสียงตอบรับ …แต่เสียงตอบและเสียงเรียกร้องอันนี้ ก็คือ เสียงของเด็กๆและสตรี เด็กและสตรีก็ร้องไห้….เพราะรู้แล้วว่าไม่มีใครที่จะเป็นผู้ช่วยเหลือท่านอิมามฮุเซน(อ)อีกแล้ว
ในขณะนั้น ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) อยู่ในสภาพที่ล้มป่วย ไม่สามารถที่จะยืนขึ้นได้ ท่านอิมามจึงได้ตระโกนร้องเรียกท่านหญิงซัยนับ(ซ) ยาอัมมา …..!!! โอ้น้าจ๋า ….. ท่านหญิงซัยนับ(ซ) ได้ตอบรับคำเรียกร้องว่า…มีอะไรหรือหลานรัก ต้องการสิ่งใดหรือ … ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ตอบว่า ฉันขอไม้เท้า 1 อัน และขอดาบ 1 เล่ม แน่นอน ท่านหญิงซัยนับ(ซ) เข้าใจได้ว่า ขอดาบ 1 เล่ม เพื่อออกสู่สนามรบ แต่ทำไมต้องขอไม้เท้าด้วย…
ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ตอบว่า ฉันไม่สามารถที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง ขอไม้เท้าเพื่อไว้ค้ำร่างของฉัน และขอดาบออกไปเพื่อปกป้องเมาลาของฉัน ออกไปปกป้องบุตรของรอซูลุลลอฮ์(ศ) และท่านก็ได้ ลุกขึ้นมา แล้วก็ล้มลง ท่านได้ลุกขึ้นมาแล้วก็ล้มลง ท่านก็พยายามจะลุกขึ้นเดินจนสามารถออกมาจากกระโจมได้ เมื่อท่านอิมามฮุเซน(อ)ได้เห็น จึงมีคำสั่ง ให้ท่านหญิงซัยหนับ(ซ) นำท่านอิมาม ซัยนุลอาบีดีนกลับไป แต่ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ก็ไม่ยอมกลับ อิมาม ฮุเซน(อ) ต้องควบม้ากลับมาอีกครั้งหนึ่งและได้สวมกอดและได้พยุงร่างของท่านไปยังเตียงพักของผู้ป่วย แล้วกล่าวว่า.. “โอ้ลูกรัก….. !!! เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ ถ้าเจ้าออกไปในวันนี้ จะไม่เหลือวงศ์วานของศาสดาอยู่บนหน้าแผ่นดินนี้อีกต่อไป จะไม่เหลือลูกหลานของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ) อยู่บนหน้าแผ่นดินนี้อย่างแน่นอน เจ้าคือ อิมามหลังจากฉัน” นี่คือมูศีบัตอันหนึ่ง…….
เมื่อถูกถามเช่นนั้น อิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)จึงตอบว่า นี่คือมูศีบัตหนึ่งที่ทำให้ฉันร้องไห้อยู่บนเตียงในขณะที่พ่อของฉันนั้นขอความช่วยเหลือ แต่ฉันนั้นไม่มีพลังที่จะให้การช่วยเหลือได้ หลังจากเหตุการณ์วันอาชูรอจบสิ้นลง พวกมันได้จับอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ล่ามคอแล้วก็ลากตัวท่าน ซึ่งอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ไม่สามารถที่จะเดินได้ ท่านได้ล้มลงหลายครั้ง มันจึงจับท่านนั้นไว้บนหลังอูฐ โดยผูกเท้าและผูกมือเข้าด้วยกัน ตั้งเอาไว้บนหลังอูฐและก็ลากไป ในริวายัตได้บอกว่า แผลของการเสียดสีระหว่างขาอ่อนของท่านกับหลังอูฐในตลอดระยะเวลาของการเดินทางนั้น เป็นแผลจนกระทั่งวันที่ท่านเป็นชะฮีด
เมื่อกองคาราวานแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ) เข้าสู่เมืองกูฟะฮ์ พวกเขาได้รับการต้อนรับด้วยก้อนอิฐและก้อนหิน ขอให้เรารู้ด้วยว่า ท่านอิมามซัยนุล อาบีดีน(อ) ก็ถูกต้อนรับด้วยก้อนอิฐและก้อนหิน แต่ไม่เหมือนกับเด็กๆและสตรี เพราะเด็กและสตรียังมีโอกาสที่จะยกมือขึ้นมาปกป้องก้อนหินที่ถูกขว้างมาที่ใบหน้า แต่ ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ถูกลากในขณะที่มือและเท้าของท่านนั้นถูกพันธนาการอยู่กับอูฐ ท่านอยู่บนหลังอูฐและรับก้อนหินของชาวกูฟะฮ์
อีกมูศีบัตหนึ่งซึ่งบรรดาสาวกได้ถาม ว่า มูศีบัตไหนสำหรับท่านที่หนักเป็นอย่างมาก….???? ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน ได้กล่าวว่า “อัชชาม อัชชาม อัชชาม” มูศีบัตที่ชามนั้นหนักหน่วงเป็นอย่างมากสำหรับฉัน ซึ่งมีมากมายหลายมูศีบัต ไม่ว่าจะเป็นมูศีบัตในการจากไปของท่านหญิงรูกัยยะฮ์ ที่เกิดขึ้น ต่อหน้าต่อตาของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) และมูศีบัตที่เกิดขึ้นกับตัวของท่านเอง เพราะเมื่อใกล้ถึงเมืองชาม ท่านเดินไม่ไหวแล้วพวกมันได้จับท่านผูกไว้บนหลังอูฐอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ถูกลากเข้าไป และพวกบนีอุมัยยะฮฺที่อยู่ในเมืองก็ได้ขว้างด้วยก้อนหิน บ้านหลังหนึ่งได้จุดถ่านให้เป็นเพลิง ได้ทุบถ่านนั้นเป็นก้อนเล็กๆแล้วได้สาดถ่านไฟนั้นลงมายังกองคาราวานของลูกหลานนบี และถ่านไฟก้อนหนึ่งก็ตกบนอะมาม่าและเสื้อผ้าของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ซึ่งท่านไม่สามารถที่จะยกมือปัดถ่านนั้นให้ลงไปได้ มันจึงไหม้ผ้าและไหม้ศีรษะของท่าน
ในริวายัตได้กล่าวว่า รอยไหม้ที่ศีรษะอันเกิดจากถ่านไฟก้อนนั้นก็อยู่กับท่านจนถึงวันแห่งการทำฆุซุล ในวันที่ท่านเป็นชะฮีด นี่คือมูศีบัตที่ได้เกิดขึ้นกับ ลูกหลานของรอซูลุลลอฮ์(ศ)
อีกมูศีบัตหนึ่งที่กัรบาลาอ์ คือ เมื่อมีโอกาสได้กลับมาเก็บศพของบรรดาชุฮาดาอฺ ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ได้เล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้แต่ละคนๆ ขณะยกศพของชะฮีดนั้นนำไปฝัง แต่เมื่อมาถึงศพหนึ่ง ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)ได้ขอผ้ากับชาวบ้านในเขตนั้น ว่า…ฉันขอผ้าสักหนึ่งผืน ชาวบ้านถาม… ท่านขอทำไม ทั้งๆที่ชะฮีดไม่ต้องใช้ผ้าห่อศพในการฝัง ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)ตอบว่า แต่ศพนี้ถ้าไม่เอาผ้ามายก เราก็ต้องเก็บทีละชิ้น ทีละชิ้น……..
“วาลาเฮาลาวาลา กุววะตาอิลลา บิลลา ฮิล อาลิญิลอาซีม วะซายะอฺ ละมุน ละศี นาศอลามุ อัยยะมุน กอลาบิน ยังกอลีบูน”
ยาอัลลอฮ์ ด้วยสิทธิ และด้วยมูศีบัต ด้วยความโศกเศร้า ด้วยดุอาอฺของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ขอให้พวกเราทุกๆคนได้รับเตาฟีก ในการเข้าใจแนวทางอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยเทอญ ยา ยาอัลลอฮ์….. !!!
ยาอัลลอฮ์ ด้วยสิทธิของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) หลังจากความเข้าใจในแนวทางอันนี้แล้ว ขอให้เราทุกๆคน เป็นผู้ที่มีความสามารถ ปฏิบัติตนตามแนวทางนี้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเทอญ ยาอัลลอฮ์……!!!
ยาอัลลอฮ์ ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)ได้รับฉายาว่า “ผู้ป่วยแห่ง กัรบะลาอ์”
ขอให้บรรดาผู้ป่วยต่างๆใน วงศ์ญาติพี่น้องของพวกเรา ทุกๆคนที่มีไข้ ความเจ็บป่วยได้รับชาฟาอัตจากท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ขอให้พวกทุกๆคน หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยเทอญ ยาอัลลอฮ์……!!!
ส่วนหนึ่งของบทบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิดสุไลมาน ฮุซัยนี
เรียบเรียงโดย เชคญะมาลุดดีน ปาทาน