ศาสดามูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) ศาสดาแห่งการปฏิวัติ
ศาสดามูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) ศาสดาแห่งการปฏิวัติ
•• ศาสดาแห่งการปฏิวัติ คือ ปฏิวัติระบบเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ปฏิวัติทุกชนชั้น ปฏิวัติทุกเรื่องราว ปฏิวัติทุกวิถีชีวิตของมนุษย์
ชัดแจ้งว่า เรามีคำสั่งสอนที่โดดเด่นไม่อายนักวิชาการหรือลัทธิหรือคำสั่งสอนใดๆ ที่มีอยู่ในโลก ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของมุสลิมกลับสอนมนุษย์ให้รู้จักศาสดาเพียงผู้นำสาส์นมาเท่านั้น จริงๆ แล้วมันยังมีประเด็นต่างๆ อีกมากมาย เช่น
- เหตุใดมนุษยชาติไม่สามารถปฏิเสธการนำเสนอของศาสนาอิสลามได้
- เหตุใดนบีมูฮัมมัด(ศ็อลฯ)จึงเป็นที่นิยมชมชอบของคนคิดบวกเกือบทั้งโลก
- เหตุใดชื่อ “มูฮัมมัด” จึงเกิดขึ้นในทะเบียนราษฎร์ทั่วทั้งยุโรป
เรามีฮะดิษบทหนึ่ง รายงานว่า …
“วันหนึ่งท่านนบี(ศ็อลฯ) ได้เดินทางกลับจากการทำภารกิจหนึ่งในต่างเมืองเป็นเวลาหลายวัน และได้กลับเข้าสู่มาดีนะฮ์ ระหว่างทางที่ท่านนบีเดินทางกลับมานั้น ได้มีการส่งข่าวมาว่า...
รอซูลุลลอฮ์กลับมาแล้ว... รอซูลุลลอฮ์กลับมาแล้ว...
บรรดาซอฮาบะฮ์ต่างได้วิ่งออกมารอที่หน้าประตูเมืองเป็นทิวแถว พลันเมื่อเห็นท่านนบีขี่อูฐกำลังกลับมา ผู้คนก็วิ่งมาต้อนรับ
และในขณะที่ท่านนบี(ศ็อลฯ)อยู่บนพาหนะนั้น ท่านได้สอดส่ายมองไปสุดสายตายังทะเลทราย(ท้องนา) จนได้เห็นชายชราคนหนึ่ง ที่ไม่ได้สวมเสื้อ กำลังถือจอบอยู่
ชายชราคนนั้นก็ได้หันมามองตรงมายังท่านนบี(ศ็อลฯ)เช่นกัน ทว่าเขาก็ไม่กล้าเดินเข้ามาท่านนบี(ศ็อลฯ) ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาแต่งกายด้วยชุดคนขุดดิน จึงได้แต่มองด้วยความชื่นชมในระยะที่ไกลพอสมควร
ในระหว่างนั้นบรรดาศอฮาบะฮ์ได้กรูเข้ามาหาท่านนบี(ศ็อลฯ) เมื่อท่านนบี(ศ็อลฯ)เห็นเช่นนั้น ท่านกลับลงจากพาหนะ รีบเดินเข้าไปในท้องนา เดินลงไป ลงไป ลงไป จนกระทั่งไปถึงชายชราคนที่ไม่ได้สวมเสื้อ ที่ถือจอบอยู่ ทำให้ชายชราคนนั้นตกใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)เดินตรงมาหา และเขายิ่งตกใจขึ้นไปอีก เพราะท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้จับมือของเขาขึ้นมาจูบ"
สาระศึกษา : มนุษย์บางคนรอให้คนจูบมือของตน พอเขาไม่จูบกลับโกรธเขา ในบางคนอาจจะแช่งเขาด้วย แต่รอซูลุลลอฮ์ ซัยยิดุลอัมบิยา อิวัลมุรสาลีน กลับลงไปจูบมือชายชราคนนี้
ชายชราจึงถามว่า ทำไมท่านรอซูลุลลอฮ์จึงทำแบบนี้
ท่านรอซุลุลลอฮ์กล่าวว่า...
- มือคู่นี้แหละที่อัลลอฮ์(ซบ) ทรงรัก
- มือคู่นี้แหละที่มีเกียรติ ณ พระองค์ (ซบ.) ในวันกิยามัต
- มือที่หยาบกระด้าง มือที่ทำงานคู่นี้แหละ คือ มือที่ทำเพื่อให้พี่น้องมวลมุสลิมนั้นได้กิน”
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจภาษาในปัจจุบัน คือ ภาษาเดียวกับคอมมิวนิสต์ นั่นคือ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน มือนี้แหละคือมือที่มีเกียรติ ชนชั้นที่เราเรียกว่า ชนชั้นกรรมชน
แต่ต่างกันที่ บริบทของท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) คือ ต้องเป็นกรรมชนที่มีศาสนา มีศรัทธาต่ออัลลอฮ์ (ซบ.)
ฮะดิษท่านนบี(ศ)ได้ลงมาจูบมือคนชรา จึงเป็นหนึ่งตัวอย่าง ซึ่งเรื่องราวในลักษณะนี้ ถ้าเรานำไปสอนมนุษยชาติได้ “ค้อนเคียวก็หัก” ชัดแจ้งว่าไม่มีลัทธิใดที่จะมาแข่งกับศาสนาอิสลามได้
ตัวอย่าง วิกฤติในอเมริกา วิกฤติคนผิวขาวกับคนผิวดำ และวิกฤติต่างๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะหยุดกระแสต่างๆ
ดังนั้น หากนำวจนะของท่านนบีไปบอกว่า...“ไม่มีคนดำ ไม่มีคนขาว อิสลามไม่แยกสีผิว” และเมื่อใดก็ตามถ้าคำสอนลักษณะเหล่านี้ถูกนำเสนออย่างแท้จริง เขาจะรู้ว่า... “คนที่นอนหลับลงไป ในขณะที่พี่น้องของเขายังหิวโหย เขาไม่ใช่มุสลิม”
ถ้าเรามีอิสลามแบบนี้ เอธิโอเปีย โซมาเลีย รวมทั้งประเทศที่ยากจนทั้งหมดที่เป็นคริสเตียน หรือศาสนาอื่นๆ ก็จะรับอิสลามทั้งหมด และวันนี้ “ มูฮัมมัด” ในภาพนี้กำลังถูกนำเสนอไปทั่วทั้งโลก•••
~ บางส่วนจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี