อัรบะอีนกับความรัก

หนึ่งในการลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้กับความอธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์มนุษยชาตินั้นคือ “เหตุการณ์อาชูรอ” ถือได้ว่าเป็นฐานสำคัญของการยึดมั่นในอุดมการณ์ ความคิด ความศรัทธาและจริยธรรมอันงดงาม เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ถูกกดขี่ในการยืนหยัดต่อสู้กับผู้อธรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดหน้าประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และแน่นอนว่าอุดมการณ์แห่งฮุซัยนีมันได้ฝังรากลึกลงในก้นบึ้งของหัวใจบรรดาผู้ศรัทธา กระทั่งได้ร้อยดวงใจนับล้านดวงของบรรดาผู้ศรัทธาจากทั่วโลก ดวงใจต่างชาติพันธุ์ ต่างสำนักคิด ต่างดินแดน ให้เป็นดวงใจดวงเดียวกันภายใต้นามที่ถูกสลักไว้ว่า “ยาฮุเซน”

“อัรบะอีน” เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ เป็นวันที่บรรดาผู้รักอะบาอับดิลลาฮ์ อัลฮุเซน (อ.) ต่างเดินเท้ากันมุ่งสู่กัรบะลาเพื่อมอบสัตยาบัน ตอกย้ำคำมั่นสัญญากับอิมามผู้เป็นดั่งชีวิตของพวกเขาก่อนจะหมดเดือนซอฟัร และรอคอยการมาเยือนของเดือนมุฮัรรอมและวันอาชูรออีกครั้งในปีถัดไป เป็นการประกาศความรัก ความศรัทธา ที่มั่นคงในอุดมการณ์การยืนหยัดต่อสู่กับความอธรรมทุกรูปแบบ เป็นการประกาศความเป็นบ่าวที่แท้จริงต่ออัลลอฮ์ (ซบ.) และปลดปล่อยตนเองจากการตกเป็นทาสของผู้อธรรม การเป็นอิสระชนจากทุกพันธนาการที่นำพาสู่ความมืดมน โดยยึดอิมามฮุเซน (อ.) เป็นดวงประทีปแห่งทางนำ เป็นนาวาแห่งความปลอดภัย

“อัรบะอีน” ได้ประทับตราสัตยาบันที่มีต่ออิมามฮุเซน (อ.) ด้วยเสียงที่เปล่งออกมานับล้านเสียงว่า “ลับบัยกะยาฮุเซน” เป็นคำมั่นสัญญาเพื่อมุ่งสู่เส้นทางของการรอคอยอิมามแห่งยุคสมัย อิมามมะฮ์ดี (อ.) “อัรบะอีน” เป็นฉากทัศน์ที่ได้แสดงให้ประชาคมโลกได้ประจักษ์ถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของบรรดามุสลิม ความมั่นคงทางศรัทธา ความเป็นปึกแผ่นและเอกภาพภายใต้ “ความรัก” ที่มีต่ออิมามฮุเซน (อ.) หลานรักของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ความรักที่ได้หลอมเข้ากับความศรัทธา มันได้เสริมสร้างให้บรรดามุสลิมแข็งแกร่งยิ่งกว่าศัสตราวุธใดๆ ของเหล่าผู้อธรรม เป็นฉากทัศน์ที่งดงามกลบภาพลักษณ์อิสลามที่โหดร้ายที่ชาติมหาอำนาจใช้กลุ่มก่อการร้ายต่างๆ เป็นเครื่องมือทำลายอิสลามอันบริสุทธิ์ที่แท้จริง และนี่คือบทบาทที่สำคัญของ “อัรบะอีน” ที่เกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในทุกปี โดยเฉพาะหลังจากซัดดัมฮุเซนถูกโค่นล้ม

“อัรบะอีน” เป็นอีกฉากทัศน์ของวิถีผู้ศรัทธาท่ามกลางกระแสโลกยุคใหม่ ที่บรรดาผู้ศรัทธาได้เผยความงดงามทางจิตวิญญาณให้แก่กัน เป็นความงดงามที่ข้ามพ้นชาติพันธุ์ สีผิว และสูงสุดแห่งความงดงามนั้นคือการรำลึกถึงพระเจ้า การดื่มด่ำกับจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ เป็นการแต่งแต้มสีสันแห่งจิตวิญญาณลงบนโลกที่ว่างเปล่าจากจิตวิญญาณและความสงบทางจิตใจ สำหรับผู้ที่ได้ร่วมเดินเท้าในวันอัรบะอีนคงได้ประจักษ์ถึงการเสียสละของผู้คนโดยเฉพาะเจ้าบ้านชาวอิรัก ที่ให้การช่วยเหลือแก่แขกที่ร่วมเดินเท้าไปยังกัรบะลา แม้ว่าตนเองจะลำบากและเหนื่อยล้าจากการเดินเท้า แต่ทุกคนต่างนึกถึงคนอื่น เสียสละให้คนอื่นได้รับความสะดวกสบายก่อนตนเอง ผู้คนหลั่งไหล่ไปตามท้องถนนที่ทอดยาวด้วยกำลังกายและกำลังทรัพย์ เมากิบต่างๆ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นกระโจมตลอดเส้นทาง ซึ่งเป็นหนึ่งในบทเรียนอันล้ำค่าที่ได้รับจากการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของอิมามฮุเซน (อ.) ในวันอาชูรอ นั่นหมายความว่า ความรักต่ออิมามฮุเซน (อ.) ได้เชื่อมบทเรียนที่ผ่านมาพันกว่าปีเข้ากับโลกยุคใหม่ได้อย่างงดงาม จนเป็นที่จ้องมองอย่างอัศจรรย์ของชาวโลก

คลื่นแห่งมหาชนที่ได้หลั่งไหลไปยังแผ่นดินกัรบะลา หมายรวมถึงการหลั่งไหลของหัวใจอีกนับล้านดวงที่ไม่อาจเดินเท้าไปยังกัรบะลา เพื่อซิยาเราะฮ์อิมามฮุเซน (อ.) และบรรดาชะฮีดนั้น เป็นคลื่นแห่งจิตวิญญาณที่ทรงพลัง กลายเป็นวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ที่ชาติมหาอำนาจสพรึงกลัว เริ่มจากการเดินเท้าซิยาเราะฮ์อัรบะอีนโดยท่านญาบิร บิน อับดุลลอฮ์ อันซอรี ในวันที่ 20 เดือนซอฟัร ปี ฮ.ศ.ที่ 61 เป็นวันครบสี่สิบวันการเป็นชะฮาดัตของอิมามฮุเซน (อ.) เป็นดั่งพลังแม่เหล็กดึงดูดดวงใจที่เปี่ยมล้นด้วยรักเข้าหาอิมามฮุเซน (อ.)  วันนี้มีบทซิยาเราะฮ์อัรบะอีนที่มีเนื้อหาเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณและนัยยะแห่งรหัสยะ(อิรฟาน) มีใจความที่ลึกซึ้งและลุ่มลึกในการเคารพภักดี (อิบาดัต)ต่ออัลลอฮ์ (ซบ.) กล่าวคือบทซิยาเราะฮ์อัรบะอีน เป็นวิธีการให้สัตยาบันที่บรรดาอิมามมะอ์ซูม(อ.) ได้ทิ้งไว้ให้เป็นมรดกสำหรับผู้ที่รักอิมามฮุเซน (อ.)  เพื่อตอกย้ำอุดมการณ์แห่งฮุซัยนีในทุกปี เป็นการสร้างจิตวิญญาณ ขัดเกลาตนเองเพื่อให้เป็นที่รักของอิมามฮุเซน (อ.) และเตรียมพร้อมตนเองสู่การเป็นผู้ได้เข้าร่วมขบวนการทวงหนี้เลือดนี้กับอิมามแห่งยุคสมัย ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และนี่คือพลานุภาพแห่งรักที่เหนือคำนิยามใดๆ

อัสสะลามุอะลัยกะยาอะบาอับดิลลาฮ์

บทความโดย เชคอิมรอน  พิชัยรัตน์