เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ทำไมอิมามฮุเซน (อ.) จึงไม่ลุกขึ้นต่อสู้ในสมัยของมุอาวิยะฮ์ ?

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ทำไมอิมามฮุเซน (อ.) จึงไม่ลุกขึ้นต่อสู้ในสมัยของมุอาวิยะฮ์ ?


สำหรับคำตอบที่ว่าเพราะเหตุใดท่านอิมามฮุเซน(อ.) จึงไม่ลุกขึ้นยืนต่อสู้ในสมัยมุอาวิยะฮ์นั้น สามารถกล่าวได้ว่าอาจเป็นเพราะประเด็นเหล่านี้ :

1. เป็นเพราะการให้เกียรติและเคารพในสนธิสัญญาของพี่ชายและอิมามของท่าน ท่านอิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (อ.) ซึ่งท่านได้ทำสนธิสัญญาฉบับนี้กับมุอาวิยะฮ์ และมุอาวิยะฮ์เองแสร้งให้เกียรติสนธิสัญญาดังกล่าวนั้น

2. มุอาวิยะฮ์หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าด้วยเลือดกับอิมาม ฮุเซน(อ.) เนื่องจากเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และชาติตระกูลของอิมามที่สูงส่งกว่า ประกอบคำทำนายของท่านนบีมุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ที่ว่าราชวงศ์อุมัยยะฮ์ต้องล่มสลายหลังจากชะฮาดัตของท่นอิมามฮุเซน(อ.) ซึ่งมุอาวิยะฮ์พยายามหลีกหนีความจริงข้อนี้ นอกจากนั้นแล้วเขายังได้สั่งเสียงให้ตนในตระกูลหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าดังกล่าวด้วย แต่ยะซีดในฐานะที่เป็นคนหยิ่งผยอง เมาสุราเป็นนิจศีล เขาจึงไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งเสียของบิดาของเขา ฉะนั้น ตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นปกครอง เขาได้ประกาศการเผชิญหน้ากับท่านอิมามฮุเซน(อ.) และขีดเส้นตายว่าต้องสังหารท่านอิมามให้จงได้

3. มุอาวิยะฮ์ เป็นนักการเมืองที่มีฝีมือและชาญฉลาด ดูจากภายนอกเหมือนเป็นผู้รักษาระเบียบและข้อบังคับของอิสลาม แต่ยังสามารถปกปิดความเลวร้ายภายในที่เขาได้สร้างขึ้นต่อหน้าสาธารณชนได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นคนที่มากด้วยเล่ห์เพทุบาย ขณะยะซีดในฐานะที่เป็นคนหนุ่มและขาดประสบการณ์ และดำเนินชีวิตไปในทางเสียหายมากด้วยราคะ และชอบเล่นกับลิงและสุนัข ใช้ชีวิตแบบคนโง่เขลาทั่วไป ซึ่งไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้เลยถึงพฤติกรรมที่ชั่วร้ายของเขา ดังนั้นการนิ่งเงียบของอิมามฮุเซน(อ.) ต่อพฤติกรรมชั่วร้ายของเขา ถือว่าเป็นการยืนยันและสนับสนุนความชั่วของเขา และนั้นหมายถึงการทำลายรากของศาสนาอิสลามใหสิ้นไป

4. แต่อิมาม (อ.) ได้ลุกขึ้นต่อสู้ในสมัยของมุอาวิยะฮ์ เป็นไปได้ที่มุอาวิยะฮ์ จะทำลายขบวนการของท่านอิมามฮุเซน(อ.) ให้จบลงอย่างง่ายดาย ด้วยวิธีการและอำนาจที่มีอยู่ในมือขณะนั้น เขาต้องโฆษณาอย่างกว้างขวางว่าตนเป็นฝ่ายถูกต้อง แต่เราจะพบว่ายะซีดไร้ความสามารถในการทำลายเป้าหมายของอาชูรอ สิ่งที่เขาได้กระทำลงไปมันละลายหายไปหมดสิ้น

5. การขาดการสนับสนุนอย่างจริงใจจากประชาชน สำหรับอิมาม (อ.) ในสมัยของมุอาวิยะฮ์ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ขณะที่ในสมัยของยะซีด, จะเห็นว่ามีจดหมายนับพันฉบับจากประชาชนชาวกูฟะฮฺ ที่ส่งมาเชิญท่านอิมาม (อ.) และพวกเขาพร้อมให้การสนับสนุนการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมาม ดังนั้น ถ้าอิมาม (อ.) ไม่เข้าไปในอิรักเพื่อปฏิบัติตามคำเรียกร้อง ในทัศนะของประชาชนก็จะกล่าวว่าอิมามกลัวตาย หรือท่านอิมามไม่แยแสต่อความเลวร้ายหรือการอธรรม และอาชญากรรมที่พวกอุมัยยะฮ์ได้ก่อขึ้น อีกด้านหนึ่งท่านอิมามไม่ใส่ใจต่อเสียงเรียกร้องของประชาชน ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ไม่อาจทดแทนได้]


สถานการของรัฐบาล สถานภาพของประชาชน และสถานะของอิมาม ฮุเซน(อ,) ในยุคสมัยของมุอาวิยะฮ์และสมัยของยะซีดมีความแตกต่างกันมากมาย ซึ่งประเด็นที่สำคัญที่สุดได้แก่

1. อิมามฮะซัน มุจญตะบา (อ.) ในช่วงอายุขัยและช่วงการปกครองของท่านนั้น  เมื่อท่านขอความช่วยเหลือจากประชาชนให้สงครามกับมุอาวิยะฮ์ ท่านต้องพบกับความผิดหวังอย่างรุนแรง บรรดาแม่ทัพของท่านต้องถูกซื้อตัวไปด้วยเม็ดเงินของมุอาวิยะฮ์ พวกเขาได้ปลดปล่อยตัวเองออกไป ดังนั้น เพื่อปกป้องอิสลามให้ดำรงสืบต่อไป และปกป้องชีวิตของเหล่าบรรดาสาวกที่จงรักภักดีกับท่าน และเพื่อให้ข้อพิสูจน์เสร็จสิ้นสำหรับท่าน ประชาชน และมุอาวิยะฮ์ ท่านจึงต้องทำสนธิสัญญาเพื่อความสงบสันติขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่ความประสงค์ของท่านเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นวิธีการเดียวที่จะช่วยปกป้องอิสลามให้ดำรงสืบต่อไปได้ บางส่วนของสนธิสัญญากล่าวว่า  :

ก. มุอาวิยะฮ์จะต้องยุติการทำร้ายและกลั่นแกล้งพวกชีอะฮ์

ข. ข้อตกลงทางการเงิน เช่น จะต้องคืนเงินที่ปล้นสะดมคืนให้กับพวกชีอะฮ์ พวกอันซอร และโดยเฉพาะพวกที่จงรักภักดีกับท่านอิมามอะลี (อ.)

ค. ให้มุอาวิยะฮ์เลิกสาปแช่งท่านอิมามอะลี บุตรของอบูฏอลิบ (อ.) ในที่สาธารณะ

ง. ห้ามไม่ให้มุอาวิยะฮ์ใช้ฉายานาม"อะมีรุลมุอ์มินีน"สำหรับตัวเอง;

จ. ห้ามไม่ให้มุอาวิยะฮ์แต่งตั้งผู้แทนการปกตรองหลังจากตน[1]

อิมามฮุเซน(อ.) หลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮะซัน (อ.), ท่านได้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับยะซี เนื่องจากให้เกียรติและเคารพสนธิสัญญาที่ท่านอิมามฮะซัน (อ.) ได้ทำไว้กับมุอาวิยะฮ์[2] แต่หลังจากมุอาวิยะฮ์ได้จากโลกไป ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติและเคารพในสนธิสัญญานั้นอีกต่อไป ดังนั้น ด้วยการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮะซัน (อ.) ระยะเวลาของสัญญาก็สิ้นสุดลงด้วย

2. มุอาวิยะฮ์เองก็พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและการนองเลือดกับอิมามฮุเซน(อ.) และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในการรักษาการปกครองของตน จำเป็นต้องอดทนต่ออิมามทั้งสองท่าน อีกทั้งได้สั่งห้ามและกำชับคนอื่นไม่ให้เผชิญหน้ากับท่านอิมามด้วยเช่นกัน ห้ามมิให้มีการติดต่อกับท่าน ด้วยเหตุนี้ แม้แต่การเอาสัตยาบันจากอิมาม มุอาวิยะฮ์ยังได้กำชับกับยะชีดไว้นักหนาว่า อย่าใช้กำลังและความรุนแรงกับอิมามฮุเซนอย่างเด็ดขาด แต่ยะซีดเนื่องจากเป็นคนหนุ่ม ขาดประสบการณ์ และมีความยโสโอหัง เขาไม่ประสงค์ที่จะปฏิบัติตามคำสั่งเสียของบิดา ซึ่งนับตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นมาปกครองเขาได้สั่งผู้ปกครองมะดีนะฮ์ว่า ให้เอาสัตยาบันจากอิมามฮุเซน(อ.)  ให้จงได้หรือไม่ก็ให้ตัดศีรษะส่งมาให้ฉัน

และนี่คือวิธีการของยะซีด ซึ่งทำให้ต้องเผชิญหน้ากับท่านอิมามโดยตรง เนื่องจากท่านอิมาม (อ.) จะไม่ยอมให้สัตยาบันกับยะซีดอย่างแน่นอน ซึ่งเราได้ประจักษ์กับสายตาแล้วว่าในแผ่นดินกัรบะลาอ์ได้เกิดอะไรขึ้น การกระทำของยะซีดนั่นเองเป็นเหตุทำให้รางวงศ์ของอุมัยยะฮ์ต้องสิ้นสุดลง[3]

3. มุอาวิยะฮ์เป็นนักการเมืองที่มีฝีมือ และรู้จักรักษาภาพลักษณะต่อหน้าสาธารณะชนได้เป็นอย่างดี เขาสามารถปกปิดความไม่ดีของเขา การทุจริตภายใน และความเลวร้ายที่ก่อขึ้นต่อหน้าสาธารณชนได้เป็นอย่างดี สร้างค่าที่นิยมต่อประชาชนจนกระทั่งประชาชนยอมรับว่าเป็นมุสลิม และเป็นคอลีฟะฮ์ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) อีกทั้งได้ส่งเสริมการภารกิจในอิสลาม แต่ยะซีดไม่ได้มีทักษะและประสบการณ์เหล่านี้ เขาก่อความเสียหาย และล่วงละเมิดทางเพศอย่างอย่างเห็นได้ชัดเจน และเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทั้งหมดยิ่งกว่าแสงแดดในตอนกลางวัน ทั้งโดยทั่วไปและเฉพาะเจาะจง เขาได้แสดงการปฏิเสธศรัทธาและไม่ยอมรับพระเจ้า เขามีความภาคภูมิใจต่อการเป็นผู้ตั้งภาคีของเหล่าบรรพชนของเขา ที่สำคัญเขาไม่เคยให้เกียรติท่านนบี (ซ็อล ฯ) แม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ จะเห็นว่าการดำรงสภาพความสันติในสมัยของยะซีด มีความหมายเท่ากับเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมความชั่วร้ายที่เปิดเผย ซึ่งในที่สุดแล้วยิ่งเป็นการทำให้สังคมหลงผิดมากไปกว่าเดิม[4] และการสืบสานต่อการปกครองของยะซีด เท่ากับเป็นการอำลาจากอิสลาม และทำลายบทบัญญัติทั้งหมดของอิสลาม[5]

4. ก่อนหน้านี้ได้กล่าวไปแล้วว่ามุอาวิยะฮ์เป็นเจ้าเล่ห์เพทุบาย และเขาพยายามหลีกเลียงการเผชิญหน้ากับท่านอิมามฮุเซน(อ.) มาโดยตลอด แต่ถ้าอิมาม (อ.) ได้ลุกขึ้นยืนต่อสู้กับมุอาวิยะฮ์ในตอนนั้น สถานการณ์จะเอื้ออำนวยให้แก่มุอาวิยะฮ์ทันที่ เนื่องจากการโฆษณาชวนเชื่อ การเผยแพร่ข้อมูลในทางที่ผิดให้กว้างขวางออกไป ด้วยอุปกรณ์เครื่องต่างๆ และอำนาจที่มีอยู่ในมือขณะนั้น ซึ่งเป็นไปได้การเคลื่อนไหวของท่านอิมามฮุเซน(อ.) จะไร้ผลทันที ผู้คนจะไม่กล่าวขานถึงอีกต่อไป ที่สำคัญสถานการณ์จะกลายเป็นประโยชน์แก่มุอาวิยะฮ์ทันที และอุมัยยะฮ์ก็จะสามารถดำรงการปกครองสืบต่อไปอีกช้านาน แต่เนืองจากความโง่เขลาและการก่อกรรมชั่วร้ายของยะซีดอย่างเปิดเผย และการอ่อนประสบการณ์ด้านการเมือง ยะซีดจึงได้คิดจัดการกับอิมาม (อ.) ขั้นเด็ดขาด และหลังการชะฮาดัตของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ด้วยความไร้เดียงสาและการไม่ได้มีทักษะในการทำงาน เขาจึงไม่สามารถลบประวัติศาสตร์หน้านี้ให้หมดไปได้ มิหนำซ้ำนับวันประวัติศาสตร์หน้านี้ยิ่งถูกทำให้ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นแบบอย่างของการต่อสู้ทั้งหลายบนหน้าแผ่นดิน สร้างความชัดเจนให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดราชวงศ์อุมัยยะฮ์ได้มาสิ้นสุดลงเนื่องจากฝีมือของเขา และนี่คือความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากการปกครองของทั้งสอง ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เป็นที่คลุมเครือสำหรับอิมามเลยแม้แต่นิดเดียว

5. ในสมัยของมุอาวิยะฮ์ จะเห็นว่าไม่มีการเชิญชวนให้อิมาม (อ.) ยืนหยัดต่อสู้กับความอธรรมเลยแม้แต่น้อย ไม่มีการประกาศว่าจะสนับสนุนและให้การช่วยเหลืออิมามแต่อย่างใด เนื่องจากพฤติกรรมเจ้าเล่ห์ของมุอาวิยะฮ์ แต่หลังจากมุอาวิยะฮ์ได้จากไป และการปกครองได้ตกไปถึงมือยะซีด สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปทันที การนองเลือดมุสลิม การอธรรม และการกดขี่ต่างๆ จนกระทั่งประชาชนชาวกูฟะฮฺได้ออกมาเรียกร้อง และส่งจดหมายเชิญท่านอิมาม (อ.) หลายพันฉบับด้วยกัน พวกเขาได้เรียกร้องให้ท่านอิมาม (อ.) ไปเป็นอิมามสำหรับพวกเขา และให้ยืนหยัดต่อสู้กับพวกอุมัยยะฮ์ โดยที่พวกเขาจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนทุกอย่างแก่ท่านอิมาม (อ.)

หลังจากการตายของมุอาวิยะก็ทำให้ข้อตกลงสันติภาพหมดวาระไปด้วย ประกอบกับคนก่อกรรมชั่วเฉกเช่นยะซีดได้ขึ้นปกครอง อีกด้านหนึ่งจดหมายหลายพันฉบับที่ส่งถึงท่านอิมามฮุเซน(อ.) เพื่อเชิญชวนให้ท่านไปเป็นอิมามสำหรับพวกเขา สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่เหลือข้ออ้างอันใดอีกต่อไป ดังนั้น ถ้าอิมาม (อ.) ไม่ตอบรับคำเชิญและไม่เริ่มเคลื่อนไหวไปสู่อิรัก – ในทัศนะของประชาชนทั่วไปแล้ว – การกระทำเช่นนั้น เท่ากับอิมาม (อ.) ไม่สนใจชะตากรรมของประชาชาติอิสลาม และในที่สุดแล้วเท่ากับไม่สนใจต่ออิสลาม ไม่สนใจต่อคำเรียกร้องของผู้ถูกกดขี่ ที่เรียกร้องให้ไปต่อสู้กับผู้ก่อความเสียหาย ผู้กดขี่และทุจริต และไม่มีความไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเรืองราวต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่การออกไปของท่านอิมาม (อ.) ตรงกับช่วงเทศกาลฮัจญฺพอดีทุกสิ่งเป็นที่เปิดเผย เหตุการณ์อาชูรอจึงเป็นที่ชัดเจนที่ว่าโศกนาฎกรรมความโหดร้ายที่วงศ์วานบนีอุมัยยะฮ์ ได้สังหารลูกหลานของท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) อย่างโหดร้ายที่สุด จับบรรดาเด็กและสตรีที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นเชลยล่ามโซ่ตรวน ความชั่วร้ายที่อุมัยยะฮ์ได้กระทำไว้นั้น กลายเป็นข้อพิสูจน์และเหตุผลสมบูรณ์สำหรับผู้ที่ใฝ่หาความจริง ตลอดหน้าประวัติศาสตร์จากเวลานั้นจนถึงบัดนี้และตราบที่โลกยังอยู่ ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้ปกครองที่ปล้นสะดมอำนาจการปกครองอีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาพยายามที่จะปกปิดความจริง และร่องรอยทางประวัติศาสตร์มากเท่าใด ผลกระทบและร่องรอยของขบวนการณ์ หมายถึงการฟื้นฟูหลักการและศาสนาของท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) ก็จะยิ่งชัดเจนและทวีความสำเร็จมากยิ่งขึ้น แน่นอน การยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามฮุเซน(อ.) จึงกลายเป็นประทีปนำทางและเป็นนาวาที่ให้ความช่วยเหลือประชาชาติให้รอดปลอดภัย ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องรับสาส์นต่อจากท่านหญิงซัยนับ (อ.) และท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) และประกาศสาส์นนี้ออกไปให้ชาวโลกทั้งหลายได้ประจักษ์ความจริง พิธีกรรมการรำลึกถึงท่านอิมามฮุเซน(อ.) จึงกลายเป็นการฟื้นฟูอิสลามให้ดำรงสืบต่อไป และเป็นเหตุผลสำหรับผู้ที่ใฝ่หาความจริง

แหล่งอ้างอิงเพื่อการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป :
บิลาซะรีย์, อินซาบุลอัชรอฟ, เล่ม 2
อิบนุอะซากิร ตะฮ์ซีบุตตารีค ดามัสกัส, เล่ม. 2
อัลลามะฮ์ มัจญลิส, บิฮารุลอันวาร เล่ม. 44
อิบนุ อะซีร อัลกามิลฟิลตารีค, เล่ม 3
อัดดัยนูรี อิบนุกุตัยบะฮฺ อัลอิมามะฮ์ วัซซิยาซะฮ์
เชคมุฟีด อัลอิรชาด
ยะอ์กูบี อิบนุวาฎิฮ์ ตารีคยะกูบี
มัสอูดดี มุรูจญ อัซซิฮับ
อิสฟาฮานี อบุลฟะรัจญ์ มะกอติล อัฏฏอลิบีน

อัลยาซีน มุฮัมมัด ฮะซัน อัลอิมามฮะซัน บิน อะลี (อ.)

อ้างอิง
[1]  อะมีน อามิลีย์ ซัยยิด มุอ์ซิน อิมามฮะซันและอิมามฮุเซน(อ.) หน้า 70,54

[2] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า 148

[3]  มุฮัดดะซีย์ ญะวาด ฟัรฮังอาชูรอ หน้า 27 38 และหน้า 428,430

[4]  นิมอเยะฮ์ ความชั่วร้ายในรัฐบาลอิสลาม

[5]  มุฮัดดะซีย์ ญะวาด ฟัรฮังอาชูรอ หน้า 484, 482, [5]  อะมีน อามิลีย์ ซัยยิด มุอ์ซิน อิมา
ฮะซันและอิมามฮุเซน(อ.) หน้า 282, 276


ขอขอบคุณ เว็บไซต์อิสลามเควสท์

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม