อัยยามุลฟาฏิมิยะฮ์ รำลึกถึงประมุขสตรีแห่งสากลจักรวาล [ตอนที่ 8]

บางส่วนจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี

[เนื้อหาต่อจากตอนที่ 7]
เหตุผล คือ อะไร? ทำไมแบบฉบับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ) จึงยิ่งใหญ่?
เพราะท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ต้องการที่จะสร้างพลังแห่งการปฏิวัติโลกให้กับอิมามมะฮ์ดี(อ)
แบบอย่าง วิถีชีวิตที่ลึกซึ้งและเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ ที่มีแต่ความประเสริฐของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ) และแบบอย่างวิถีชีวิตของท่านหญิงซัยหนับ(อ) หากปราศจากสตรีที่มีจิตวิญญาณเหมือนกับท่านหญิง(อ) พลังแห่งการยึดโลกของท่านอิมามมะฮ์ดี(อ)ก็ยังไม่เกิดอย่างสมบูรณ์
อัลฮัมดุลิลลาฮ์……บรรดาสตรี ที่ได้แบบอย่างจากท่านหญิงเหล่านี้กำลังปรากฏขึ้นในสังคม ถ้าใครได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นทางไลน์ หรือทางสื่อออนไลน์ต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า สตรีแบบท่านหญิงซัยหนับ(อ) ที่มีวิถีชีวิตที่ถูกนำเสนอโดยท่านหญิงซัยหนับ(อ) ที่มีวิถีชีวิตที่ถูกนำเสนอโดยท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)นั้น กำลังฉายแสงออกมาในโลกปัจจุบัน สตรีในรูปแบบนี้มีจำนวนมาก ที่เคยมีในยุคสมัยก่อน ได้ปรากฏในยุคสมัยนี้แล้ว
นี่คือ สิ่งหนึ่งที่อัลลอฮ(ซบ.)ต้องการให้มนุษย์ได้รู้จัก ได้สัมผัสวิถีชีวิต ที่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งทำได้ และ มีอยู่จริงในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องสังคม ความรู้ ทุกสิ่งทุกอย่าง ฯลฯ
ท่านหญิงฟาฏีมะฮ์ (อ)พัฒนาตัวเองไปถึงขั้นสูงสุดของทุกอย่าง บางวิชาการ บางความรู้ท่านหญิงฟาฏีมะฮ์ (อ)เป็นผู้บอก ท่านอิมามอาลี(อ)เป็นผู้จดบันทึก
ถ้าพูดกันในคำอธิบายจากภายนอก คือ ท่านอิมามอาลี(อ)กำลังรับความรู้จากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)
ไหนบอกมา?? บอกมา ว่า “ญิบรออีลพูดอะไรกับเธอบ้าง?? บอกอะไรกับเธอบ้าง??”
‘มุศฮับ’ หรือ ‘บันทึก’ ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ)นั้น ท่านหญิงเป็นผู้เล่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)เป็นผู้รับเรื่อง เล่าเรื่อง ส่วนท่านอิมามอาลี(อ)เป็นผู้จดบันทึก
นี่เป็นที่มาของ ‘มุศฮับ’ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)
จนกระทั่งบทบาทสำคัญสุดท้ายที่ทิ้งให้กับชาวโลก ก็คือ บทบาททางการเมืองของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ในรูปแบบที่ชัดเจน
ซึ่งยังไม่เคยปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์ สตรีคนหนึ่ง เพียงผู้เดียว ลุกขึ้นยืนล้มล้างระบบทรราช
ในวันที่มีเหตุผลมากมายหลายประการ ที่บุรุษแห่งพระเจ้าไม่สามารถที่จะลุกขึ้นยืนมาได้ ด้วยเหตุผลและปัจจัยอื่นๆอย่างมากมาย บุรุษไม่สามารถที่จะลุกขึ้นยืน บุรุษนี้ไม่ใช่บุรุษทั้งหมด
ท่านอิมามอาลี(อ) วงศ์วานของนบี บรรดาบนีฮาชิมได้ถูกสั่งโดยท่านนบี(ศ)แล้วว่า ถ้าให้ศาสนานี้สมบูรณ์ แข็งแกร่ง คนอื่นก็ต้องลุกขึ้นพลีเพื่อศาสนา เมื่อถึงวาระอันนั้น แต่ไม่มีบุคคลที่จะลุกขึ้นพลี…..
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ได้ลุกขึ้นต่อสู้กับทรราช ท่านได้ประกาศให้เห็นถึงอำนาจที่ไม่ชอบธรรมของการปกครอง เป็นลายแทงที่ทำให้ศาสนาที่บริสุทธิ์หลงเหลือมาถึงทุกวันนี้
หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญ ก็คือ การลุกขึ้นสู้ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ) ซึ่งเป็นการลุกขึ้นสู้ที่ “พลิกโฉม” ด้วย
“พลิกโฉม” อย่างไร ?
ถ้าเราเข้าไปดูในชีวประวัติของท่าน ท่านหญิงเป็นสตรีหนึ่ง ที่จะปิดซ่อนตนเองจากสังคมสาธารณะ ไม่ใช่สตรีสาธารณะ
เราเคยฟังมาแล้วว่า เมื่อขอร้องให้แต่งงานกับท่านอิมามอาลี(อ) ท่านรอซูลุลลอฮ(ศ็อลฯ)ได้แบ่งหน้าที่ว่า…
“เรื่องในบ้านทั้งหมดเจ้ารับผิดชอบ เรื่องนอกบ้านทั้งหมดอาลีรับผิดชอบ”
เรื่องนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการไปหาข้าวปลา อาหาร ไปจ่ายตลาด ไปตักน้ำมา ไปขนน้ำมา หรือจะไปทำอะไรก็ตาม
เรื่องในบ้านทั้งหมดเป็นเรื่องของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ)รับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างเช่น หุงข้าว โม่แป้ง เลี้ยงลูกดูลูก ฯลฯ
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)สูญูดขอบคุณเอกองค์อัลลอฮ(ซบ.) ที่ท่านรอซูลุลลอฮ(ศ็อลฯ)แบ่งหน้าที่นี้
ท่านนบีถามว่า ทำไมถึงดีใจ งานในบ้านหนักนะลูก
ท่านหญิงฟาฏีมะฮ์(อ)ตอบกับท่านนบีว่า หนักขนาดไหนฉันก็ดีใจเพราะท่านรอซูลุลลอฮ(ศ็อลฯ)แบ่งหน้าที่ให้ฉัน โดยฉันไม่ต้องออกจากบ้าน
นี่คือ ทัศนคติ
ทัศนคติของการดำเนินชีวิต โดยไม่แสดงตัวต่อสาธารณะ คือ ความฝันหนึ่งของท่านหญิงฟาฏีมะฮ์ (อ) ไม่ปรากฏตัวต่อคนแปลกหน้า ไม่ออกจากบ้านได้มากเท่าไร ก็คือ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่านหญิงฟาฏีมะฮ์ (อ)
แต่เมื่อสถานการณ์ของสังคมเปลี่ยนไป จำเป็นที่จะต้องลุกขี้นต่อสู้เพื่อปกป้องอำนาจวิลายัตที่แท้จริงของบรรดาอะห์ลุลเบต(อ)…ท่านหญิงฟาฏีมะฮ (อ)ก็ได้สำแดงแบบฉบับไว้
คนเรา ถ้าสร้างอุดมคติอะไรขึ้นมา อาจจะจมกับอุดมคตินั้นโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง หรือบางครั้งบางสถานการณ์ คือ สิ่งที่ถูกต้อง คือ สิ่งที่ดีที่สุด แต่ในบางสถานการณ์อาจจะไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ดังนั้น เมื่อดูแล้วว่า หาก ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ไม่ออกมาปกป้องครั้งนี้อาจจะไม่เหลืออิสลามที่บริสุทธิ์อีกต่อไป
ถ้าพูดในสำนวนของชาวอิหร่าน คือ เอาเกียรติยศของตัวเองและศักดิ์ศรีทั้งหมดนั้นออกมาให้ปู้ยี่ปู้ยำ เพื่อจะรักษาอิสลามอันบริสุทธิ์ ซึ่งเมื่อก่อน เกียรติยศศักดิ์ศรี การเป็นบุตรีของศาสดา ไม่มีใคร ไม่รู้จักสถานภาพอันยิ่งใหญ่ต่างๆของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)
แต่ทว่า ณ ตอนนี้ ต้องเอาเกียรติยศและศักดิ์ศรีทั้งหมดของตัวเองออกมาพลี เอาอุดมคติต่างๆทั้งหมดที่เคยมีออกมาพลี เพื่อที่จะรักษาอิสลามที่บริสุทธิ์ เพื่อให้อิสลามที่บริสุทธิ์ยังคงอยู่ แม้ว่าจะสูญเสียศักดิ์ศรีเกียรติยศต่างๆทั้งหมด ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ก็ทำ
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ)ใช้เวลา 75 วันในริวายัตของวันนี้ หรือใช้เวลา 95 วันในชีวิตที่เหลือ เพื่อที่จะสร้างความมั่นคงให้กับอิสลามในแนวทางแห่งอะฮ์ลุลเบต(อ)
และในสภาวการณ์นั้น หากเป็นบุคคลทั่วไป ย่อมไม่สามารถที่จะคิดได้ในเรื่องสังคม/ศาสนา เพราะเป็นสภาวะที่เกิดความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ หมายความว่า สภาวะที่ลูกสาวผู้พึ่งสูญเสียบิดา และบิดาคือท่านศาสดา คือ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ(ซบ)
ซึ่งในริวายัตก็ได้กล่าวไว้ว่า หลังจากการประกาศอำนาจรัฐเถื่อนที่เกิดขึ้นที่ซะกีฟะฮ์ ท่านหญิงฟาฏีมะฮ์ (อ)รอจังหวะหลังจากนั้น รอให้ฝังศพของท่านศาสดา
ตามริวายัตของเรา คือ สามวันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ดูว่าจะมีผู้ศรัทธา บุรุษผู้ใดลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจรัฐบาลเถื่อน ที่กำลังเกิดขึ้นในยุคนั้นหรือไม่ !!
ปรากฏว่า ไม่มี !! ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)จึงได้เริ่มภารกิจของนางทันที
ภารกิจแรก คือ จากที่ผู้หญิงไม่เคยออกจากบ้าน ท่านหญิงบอกกับท่านอิมามอาลี(อ)ว่า “ในทุกๆคืนให้เตรียมลา ไว้หน้าบ้าน”
ท่านอิมามอาลี(อ)ถามว่า “แล้วเธอจะเอาไปทำอะไร??”
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ตอบว่า “ฉันจะไปหาบรรดาสาวก บรรดาศอหาบะฮที่อยู่ใน ‘ฆอดีรกุม’ เพื่อที่จะถามและย้ำเตือนพวกเขาว่าลืมสนธิสัญญาอันนี้แล้วหรือ? ”
ท่านหญิง ออกจากบ้านทุกคืนๆ เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของอิสลามไว้แบบหนึ่ง ในเบื้องต้นท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ได้ออกมาตอนกลางวัน ให้ท่านอิมามอาลี(อ)นั้นพาไปเคาะประตูแต่ละบ้านไปยังอัครสาวกจำนวนหนึ่งเพื่อย้ำเตือน แต่คำตอบที่ได้รับมา….มีแต่ความผิดหวัง
ด้วยเหตุผลหลายประการ ทำให้ทุกคนนั้นลืมคำประกาศของท่านรอซูลุลลอฮ(ศ็อลฯ)ที่ ‘ฆอดีรกุม’
หลังจากนั้น ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ก็เริ่มการต่อสู้อีกบริบทหนึ่ง ซึ่งมีมากมายหลายบริบท นั้นคือ การต่อสู้ด้วยน้ำตา
การร้องไห้ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องศึกษาทำความเข้าใจ•••
[โปรดติดตามตอนต่อไป]