วิเคราะห์เรื่องราวของอิมามมะฮ์ดี ตอนที่ 2

วิเคราะห์เรื่องราวของอิมามมะฮ์ดี ตอนที่ 2

 

เราสามารถแบ่งวิถีชีวิตของอิมามมะฮ์ดี(อ)ได้เป็น 3 ระยะ
 
1.ฆ็อยบะฮ์ ซุฆรอ คือช่วงเวลาที่ไม่ปรากฏตัวให้ผู้คนเห็นระยะสั้น

2.ฆ็อยบะฮ์ กุบรอ คือ ช่วงเวลาที่ไม่ปรากฏตัวในระยะที่ยาวนาน

3.วั๊กตุซ-ซุฮูร คือ ช่วงเวลาที่ปรากฏตัว และหลังจากปรากฏกายแล้ว

1.ฆ็อยบะฮ์ ซุฆรอ คือช่วงเวลาที่ไม่ปรากฏตัวให้ผู้คนเห็นระยะสั้น
 

นับเริ่มตั้งแต่ตอนอิม่ามมะฮ์ดีถือกำเนิด (ฮ.ศ 255) จนกระทั่งถึงวันที่บิดาของท่านคือ อิมามฮาซัน อัสกะรี เสียชีวิต(ฮ.ศ 260)
ช่วงระยะเวลานี้ อิมามมะฮ์ดีอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของบิดา

บทบาทที่สำคัญของอิมามฮาซันอัสกะรีมีบทบาทพื้นฐานสองประการ คือ

1.ปกปักรักษาลูกชายให้พ้นอันตรายจากพวกสมุนของผู้ปกครองแห่งราชวงศ์อับบาซียะฮ์

2.ยืนยันการมีอยู่ของบุตรชาย และประกาศตำแหน่งอิมามผู้นำคนที่ 12 ของบุตรชาย

อิม่ามฮาซันอัสการีได้ทำหน้าที่สองนี้อย่างสมบูรณ์แบบ คือปกปักรักษา และยืนยันถึงตำแหน่งอิมามของบุตตรชายต่อหน้าบรรดามิตรสหายผู้ใกล้ชิดของท่านบางคน เท่าที่มีโอกาสจะกระทำได้ ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการกดขี่และข่มขู่มิให้มีการประกาศ จึงทำให้บรรดามิตรสหายของท่านจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ได้รับรู้เรื่องราวการถือกำเนิดของอิมามมะฮ์ดี เช่น
อบูฮาชิม อัลญะอ์ฟะรี, อะหมัด บิน อิสฮาก,นางฮะกีมะฮ์ ป้าของอิมามฮาซันอัสการี ,นางคอดีญะฮ์,ป้าของอิมามฮาซันอัสกะรี(อ)

#มีริวายัตหนึ่งได้รายงานว่า

มุฮัมมัด บิน อุษมาน อัลอุมรีเล่าว่า อบูมุฮัมมัด ฮะซัน บินอะลี (คืออิมามฮาซันอัสการี) ได้แสดงต่อพวกเราที่บ้านของท่าน ซึ่งพวกเราอยู่ที่นั่นด้วยกัน 40 คน ท่านได้กล่าวว่า นี่คือ อิมามของพวกท่านและคอลีฟะฮ์ของฉันภายหลังจากฉัน จงเชื่อฟังปฏิบัติตามเขา และอย่าแตกแยกกันภายหลังจากฉัน ในศาสนาของพวกท่าน เพราะจะทำให้พวกท่านเสียหาย แต่จงรู้ไว้ด้วยว่า หลังจากวันนี้ไปแล้ว พวกท่านจะไม่ได้เห็นเขาอีก

แน่นอน อิมามฮาซันอัสกะรีมีความตั้งใจที่จะส่งบุตรชายของท่านไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย ดังมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้ อ้างว่า อิมามฮาซันอัสการีได้ซ่อนบุตรชายของท่านที่เมืองซะมัรรอ หลังจากนั้น ก็ที่ เมืองมะดีนะฮ์ อิมามมะฮ์ดี(อ)พำนักอาศัยที่นั่นภายใต้การดูแลของย่าของท่านเอง
ตามหลักฐานที่ท่านศอดูกได้อ้างก็คือว่า

หลังจากอิมามมะฮ์ดี(อ) ถือกำเนิดได้สี่สิบวัน อิมามฮาซันอัสกะรีย์(อ) ได้ส่งบุตรชายของท่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นที่รู้จัก ต่อมาก็ได้นำกลับมาสู่อ้อมอกของมารดา

#ตามหลักฐานที่มัสอูดีอ้างถึงก็คือ

อิมามฮาซันอัสการี ได้ขอร้องจากมารดาของท่าน(ฮะดีษ)เรื่องการทำฮัจญ์ในปี ฮ.ศ.259 และตั้งแต่นั้นมานางได้ไปยังเมืองมักกะฮ์ (ฮะดีษ)พร้อมกับหลานชายของนางเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ ภายใต้การดูแลของอะหมัด  บิน มัซฮัร หนึ่งในบรรดาผู้ใกล้ชิดของอิมามมะฮ์ดี
เมื่อพวกเขาได้ทำเสร็จ พวกเขาได้พำนักที่เมืองมะดียะฮ์ในตอนเดินทางกลับ และที่นั่นอิมามมะฮดีได้ถูกซ่อน

#มีบางรายงานได้มาสนับสนุนเรื่องนี้

อบูฮาชิม อัลญะอ์ฟะรีได้รายงานว่า “ฉันได้ถามอบูมุฮัมมัด(อิมามฮาซันอัสการี)ว่า ด้วยเกียรติยศของท่าน ฉันถูกปิดกั้นจนมิอาจซักถามท่านในเรื่องหนึ่ง ท่านจะอนุญาตให้ฉันถามท่านจะได้ไหม ?
อิมามตอบว่า “จงถามมาเถิด”
โอ้นายของข้า ท่านมีบุตรชายหรือ ?
อิม่ามตอบว่า “ใช่แล้ว”
ฉันกล่าวอีกว่า “มีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน แล้วคนที่ฉันถามหาอยู่ที่ไหน ?
อิม่ามตอบว่า อยู่ที่เมืองมะดีนะฮ์

ตามที่บรรดานักวิเคราะห์ได้สรุปไว้คือ สาเหตุหลักที่ทำให้อิมามฮาซันอัสการี ส่งบุตรชายของท่านไปที่เมืองมะดีนะฮ์ ก็คือ ท่านเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตลูกน้อยของท่านถ้าหากพำนักอยู่ในอิรัก

ตอนต่อไป เราจะอธิบายถึงรายละเอียดเกี่ยวกับความเลวร้ายต่างๆที่บรรดาสมุนของพวกอับบาซียะฮ์ ได้วางแผนเพื่อจะจับกุมตัวอิมามมะฮ์ดี อินชาอัลเลาะฮ์

#ฆ็อยบัตซุฆรอ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่อิมามฮาซัน อัสกะรีถูกพวกอับบาซียะฮ์วางยาพิษจนเสียชีวิต ปีฮ.ศ. 260 จนถึง ปีฮ.ศ. 329 เป็นเวลา 70 ปี การไม่ปรากฏตัวของอิมามมะฮ์ดีครั้งนี้ เรียกว่า “ฆ็อยบัต ซุฆรอ” เพราะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
ถึงแม้ว่าอิมามมะฮ์ดีจะหายตัวไปจากผู้คนในช่วงนั้นก็ตาม แต่ท่านมิได้ขาดการติดต่อกับบรรดาผู้ปฏิบัติตามแนวทางอะฮ์ลุลบัยต์นบี
อิมามมะฮ์ดีจะติดต่อกับประชาชนโดยผ่านการ นาอิ๊บคอศ (ตัวแทนพิเศษ)ของท่าน
บรรดาชีอะฮ์จึงสามารถนำปัญหาของพวกเขาเสนอไปยังอิมามมะฮ์ดีโดยมี “นาอิ๊บคอศ” เป็นสื่อกลาง และได้รับคำตอบโดยผ่าน “นาอิ๊บคอศ” ของท่าน
ในช่วงเวลานั้น มีบางคนสามารถพบเห็นอิมามมะฮ์ดีโดยอาศัย “นาอิ๊บคอศ” เป็นสื่อกลาง

#นาอิ๊บคอศ(ตัวแทน) ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า พวกเขาคือ ตัวแทนของอิมามมะฮ์ดี หรือทูตทั้งสี่ เป็นผู้สำรวมตน มีความสมถะ และมีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ และเป็นอุละมาอ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ตามลำดับดังต่อไปนี้

1.อบูอัมรู อุษมาน บินสะอีด อัลอุมรี ตั้งแต่ปี ฮ.ศ. 260 จนถึงปีที่เสียชีวิต คือ ฮ.ศ. 267

2.อบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บินอุษมาน อัลอุมรี ตั้งแต่ปีที่ตัวแทนคนที่ 1 เสียชีวิต จนถึงปี ฮ.ศ. 305

3.อบูกอซิม ฮุเซน บินรูห์ อันนูบัคตี  ตั้งแต่ปี ฮ.ศ. 305  ถึงปี ฮ.ศ. 326

4.อบุลฮาซัน อะลี บินมุฮัมมัด อัซซะมะรี ตั้งแต่ปี ฮ.ศ. 326 จนถึงปี ฮ.ศ. 329

#2. #ฆ็อยบะฮ์ กุบรอ คือ ช่วงเวลาที่ไม่ปรากฏตัวระยะยาวนาน
>>>>>>>>>>

เริ่มตั้งแต่การฆ็อยบัตซุฆรอ จนถึงฆ็อยบัตกุบรอ และดำเนินต่อมาจนถึงยุคปัจจุบัน จนกว่าจะถึงยุคปรากฏตัวของอิม่ามมะฮ์ดี(อัซรุซ-ซุฮูร) หมายความว่า เป็นช่วงเวลาในการปูพื้นฐานให้เกิดการยอมรับความเป็นอิม่ามผู้นำของท่าน และยอมรับรัฐบาลของท่านที่จะมาปกครองโลก
ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็น ช่วงเวลาแห่งการทดสอบมนุษย์และบรรดาผู้ศรัทธาเป็นช่วงเวลาการทดสอบความศรัทธาและกิจการงาน
ช่วงเวลาที่ยาวนานนี้ อิม่ามมะฮ์ดี ผู้เป็นข้อพิสูจน์ของอัลลอฮ์ก็ยังคงดำรงชีพอยู่ เปรียบดัง ดวงอาทิตย์ที่ถูกบดบังไว้ด้วยก้อนเมฆ

#ขณะที่การฆ็อยบัตถูกแบ่งออกเป็น 2 ระยะ

ตำแหน่งผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทน(นาอิ๊บ) ก็มีสองลักษณะด้วยเช่นกัน โดยแบ่งเป็นนาอิ๊บ(ตัวแทน)ของอิมามมะฮ์ดีออกเป็น

1. #นาอิ๊บคอศ คือบุคคลทั้งสี่นี้
อุษมาน บินสะอีด อัลอุมรี
มุฮัมมัด บินอุษมาน อัลอุมรี
ฮุเซน บินรูห์ อันนูบัคตี
อะลี บินมุฮัมมัด อัซซะมะรี

2.#นาอิ๊บอาม
อิมามมะฮ์ดีได้กำหนดเงื่อนไขไว้ สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งนาอิ๊บอาม เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติต่างๆครบถ้วน รับหน้าที่รับผิดชอบกิจการงานทั้งทางโลกและทางศาสนา แทนอิมามมะฮ์ดี(อ)

อิสฮาก บิน ยะอ์กูบ เล่าว่า มีจดหมายลงลายเซ็นรับรองจากอิมามมะฮ์ดีผ่านนาอิ๊บคอศชื่อมุฮัมมัด บินอุษมาน อัลอุมรี นั่นคือ ถ้อยคำของอิมามมะฮ์ดี(อ)ที่กล่าวว่า

وأمّا الحوادثُ الواقعةُ فارجعُوا  فيهَا إلى رُواةِ حديثِنَا ، فإنّهُم حُجّتِي عليكُم وأنا حُجّةُ اللهِ

สำหรับเหตุการณ์ใหม่ต่างๆที่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกท่านจงนำไปหา”ผู้รายงานฮะดีษ”ของเรา เพราะพวกเขาคือ ข้อพิสูจน์ของฉันสำหรับพวกท่าน และฉันเป็นข้อพิสูจน์ของอัลลอฮ์
ดูหนังสือ กะมาลุดดีน ผู้แต่งเชคศอดูก เล่ม 2 หน้า 684 ฮะดีษที่ 4

#ท่านมุฮักกิ๊กอันนะรอกีกล่าวว่า

وكذا مَا رَواهُ الصّدوقُ في كمالِ الدّينِ، والشّيخُ في كتابِ الغيبةِ، والطّبرسيّ في الإحتجاجِ، والكشيُّ في رجالهِ بالسّندِ الصّحيحِ العالي

ฮะดีษบทนี้เชคศอดูกได้รายงานไว้ในหนังสือกะมาลุดดีน,เชคตูซี่ได้รายงานไว้ในหนังสืออัลฆ็อยบะฮ์,อัตตอบัรซีได้รายงานไว้ในหนังสืออัลเอี๊ยะห์ติยาจญ์และอัลกัชชีได้รายงานไว้ในหนังสือริญาลของเขา ด้วยสายรายงานที่ซอฮิฮ์สูงส่ง

ดูหนังสือ อะวาอิดุล อัยยาม ผู้แต่ง อันนะรอกี ตายฮ.ศ. 1245  หน้า 442

#คำว่า “ผู้รายงานฮะดีษของเรา” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่ผู้เล่าฮะดีษหรือผู้ถ่ายทอดฮะดีษของอิมามให้ผู่อื่นรับฟังเท่านั้น
แต่หมายถึง
อุละมาอ์ที่มีความเชี่ยวชาญสามารถนำฮุกุ่มบทบัญญัติและวินิจฉัยปัญหาศาสนา ออกมาจากฮะดีษของบรรดาอิมาม(อ)

#ยังมีอีกริวายัตหนึ่ง อิมามศอดิก(อ)ได้กล่าวว่า

فأمَّا مَن كانَ منَ الفُقهاءِ صَائِناً لِنَفسِه، حَافِظاً لِدِينِه مُخالِفاً على هَواه، مُطِيعاً لأمرِ مَولَاه فَلِلعوامِّ أنْ يُقلِّدُوه

ส่วนหนึ่งจากฟุกอฮา(อุละมาอ์ทางนิติศาสตร์ ที่มีคุณสมบัติดังนี้)
1.ผู้รักษาตัวเอง(มิให้มีมลทินด่างพล้อย),
2.ผู้ปกป้องศาสนาของเขา,
3.ผู้ที่ไม่คล้อยตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของเขา
4.ผู้ที่เชื่อฟังคำสั่งของเมาลาของเขา
ดังนั้น เป็นหน้าที่สำหรับคนอะวาม ที่จะต้องเชื่อถือตามเขา

ดู ตัฟซีร อัลมันซูบ อิลัล อิมามอัสการี ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ อายัตที่ 78 -79 หน้าที่ 300

#ด้วยรูปแบบนี้ จึงทำให้กิจการต่างๆของบรรดามุสลิมในยุคฆ็อยบัตกุบรอ จะต้องขึ้นตรงต่อระบบ “#วะลียุลฟะกีฮ์”  
ทำหน้าที่ออกคำวินิจฉัยปัญหาศาสนา มีอำนาจในการพิพากษาและอำนาจการปกครอง
ตามที่ถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่ของบรรดาฟะกีฮ์โดยการชี้นำของบรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)มาตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ และระบบรูปแบบเช่นนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงยุคที่อิมามมะฮ์ดีซุฮูร คือปรากฏตัว

#และหลังจากที่อิมามมะฮ์ดี(อ)ได้ปรากฏตัวแล้ว และได้สถาปนาอำนาจรัฐของท่านแล้ว การทำหน้าที่บริหารกิจการปกครองก็จะอยู่ในอำนาจของเอาลิยาอ์ของอัลลอฮ์ นั่นคืออยู่ในอำนาจการปกครองของอิมามมะฮ์ดี อะลัยฮิสสลาม


บทความโดย เชคญะวาด สว่างวรรณ