วิเคราะห์เรื่องราวของอิมามมะฮ์ดี ตอนที่ 8

วิเคราะห์เรื่องราวของอิมามมะฮ์ดี ตอนที่ 8

เราได้กล่าวถึงสภาพการณ์ยุคการปกครองของราชวงศ์อับบาซียะฮ์
1.สภาพการเมือง และ 2.สภาพทางสังคม (ไปแล้ว) ต่อไปนี้จะกล่าวถึง
3.สภาพความคิด  
3. สภาพความคิด

จุดกำเนิดมุอ์ตะซิละฮ์
แนวคิดของมุอ์ตะอ์ซิละฮ์เกิดขึ้นปลายศตวรรษที่ 1 ของฮิจญ์เราะฮ์ศักราช(สมัยราชวงศ์อุมัยยะฮ์ปกครอง)คือ
หลังจาก วาศิล บิน อะตอ (ฮ.ศ.80 - 131) แยกตัวออกจาก ฮาซัน อัลบัซรี่ อาจารย์ของเขา(ฮ.ศ.21 - 110) ประเทศอิรักคือแหล่งกำเนิดมัซฮับมุอ์ตะอ์ซิละฮ์ มัซฮับนี้ยึดสติปัญญาเป็นหลัก
แนวคิดมุอ์ตะอ์ซิละฮ์ได้อยู่มาจนถึงสมัยของกาหลิบมะอ์มูน พวกมุอ์ตะอ์ซิละฮ์สามารถเอาชนะปัญหาการถกเถียงและปัญหาต่างๆทางการเมือง
กาหลิบมะอ์มูน(ฮ.ศ.198 - 218) ได้ประกาศให้เป็นมัซฮับมุอ์ตะฮ์ซิละฮ์เป็นมัซฮับทางการของอาณาจักรอิสลาม  มัซฮับนี้มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในสมัยนี้
กาหลิบมะอ์มูน อับบาซี่ (ครองราชย์ ฮ.ศ. 198)ได้ประกาศให้มัซฮับมุอ์ตะอ์ซิละฮ์ เป็นมัซฮับทางการของรัฐ
ต่อมา
กาหลิบมุอ์ตะซิม(ครองราชย์ ฮ.ศ. 218)ได้ให้มัซฮับมุอ์ตะอ์ซิละฮ์เป็นมัซฮับทางการของรัฐ
ต่อมา
กาหลิบอัลวาษิ๊ก(ครองราชย์ ฮ.ศ. 227)ก็ได้ให้มัซฮับมุอ์ตะอ์ซิละฮ์เป็นมัซฮับทางการของรัฐ
สามกาหลิบนี้ยึดถือมัซฮับมุอ์ตะอ์ซิละฮ์ มีความเชื่อว่า คัมภีร์กุรอ่านคือมัคลู๊ก(สิ่งถูกสร้าง) และบังคับให้อุละมาอ์ซุนนี่และชาวซุนนี่สามยุคนั้นเชื่อว่ากุรอ่านคือมัคลู๊ก ใครไม่เชื่อเช่นนี้จะถูกลงโทษเฆี่ยนตีหรือถูกประหารชีวิต
เมื่อกาหลิบวาษิ๊กเสียชีวิต
กาหลิบอัลมุตะวักกิล ขึ้นครองราชย์ ฮ.ศ.232 #อุละมาอ์อะฮ์ลุลฮะดีษได้ชักนำเขาให้ออกจากมัซฮับมุอ์ตะซิละฮ์ไปยึดถือมัซฮับอะฮ์ลุลฮะดีษ
ในสมัยกาหลิบอัลมุตะวักกิลจึงมีการปราบปรามพวกมุอ์ตะซิละฮ์และพวกชีอะฮ์อย่างรุนแรง และได้นำเอาพวกอะฮ์ลุลฮะดีษกับอะฮ์ลุซซุนนะฮ์มารวมเป็นกลุ่มเดียวกัน
นักวิเคราะห์ได้วิจารณ์แนวคิดของกาหลิบมะอ์มูนในเรื่องการปกครอง ไว้ดังนี้
1.กาหลิบมะอ์มูนประกาศให้มัซฮับมุอ์ตะอ์ซิละฮ์เป็นมัซฮับทางการ เป้าหมายคือต้องการเอาพวกมุอ์ตะอ์ซิละฮ์มาเผชิญหน้ากับพวกชีอะฮ์ยุคนั้น
2.กาหลิบมะอ์มูนส่งเสริมให้แปลตำรากรีกเกี่ยวกับตรรกะและปรัชญาเพื่อมาเผชิญหน้ากับแนวคิดมุอ์ตะอ์ซิละฮ์อีกที
3.พวกอับบาซียะฮ์ต้องเผชิญหน้ากับขบวนการปฏิวัติของพวกอะละวีย์มาตลอด กาหลิบมะอ์มูนจึงวางอุบายแต่งตั้งอิมามอะลีอัลริฎอ อะฮ์ลุลบัยต์นบีเป็น “วะลียุลอะฮ์ดิ-ผู้ที่จะเป็นกาหลิบต่อจากเขา”เพื่อให้ฝ่ายอะละวียะฮ์เลิกต่อต้านเขา
เป้าหมายที่กาหลิบมะอ์มูนบังคับอิมามอะลีริฎอให้ยอมรับตำแหน่งวะลียุลอะฮ์ดินั้น เขาต้องการให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่า อิม่ามอะลีริฎอลุ่มหลงในตำแหน่งทางโลก ไม่สมถะ
แต่อิมามอะลีริฎอได้ทำให้แผนการณ์ของกาหลิบมะอ์มูนล้มเหลวหมด
ดังนั้น กาหลิบมะอ์มูนจึงลงมือสังหารอิมามอะลีริฎอ(อ)ด้วยยาพิษ
อบุศศ็อลต์ สาวกคนสนิทของอิมามอะลีริฎอ(อ) กล่าวว่า
إن المأمون إنما كان يكرمه ويحبه لمعرفته بفضله وجعل له ولاية العهد من بعده ليرى الناس
การที่กาหลิบมะอ์มูนแสดงตนว่าให้เกียรติให้ความรักต่ออิมามอะลีริฎอ(อ) เพราะเขารู้ถึงความสูงส่งของอิม่าม เขาจึงแต่งตั้งอิม่ามให้เป็นวะลียุลอะฮ์ดิ สืบต่อจากเขานั้น เพื่อ(ต้องการ)ให้ประชาชนเห็นว่า
أنه راغب في الدنيا فيسقط محله من نفوسهم فلما لم يظهر منه في ذلك للناس
อิม่ามมีความปรารถนา(ในตำแหน่ง)ทางโลก แล้วฐานภาพของอิมามจะได้เสื่อมศรัทธาจากประชาชน แต่เมื่ออิมามมิได้แสดงสิ่งนั้นออกมาจากตัวท่านให้ประชาชนเห็นเช่นนั้น
إلا ما أزداد به فضلا عندهم ومحلا في نفوسهم جلب عليه المتكلمين من البلدان طمعا في أن يقطعه واحد منهم فيسقط محله عند العلماء (وبسببهم) يشتهر نقصه عند العامة
เว้นแต่ ได้ทำให้ประชาชนเพิ่มความรู้สึกให้เกียรติและประทับใจต่อท่านมากยิ่งขึ้น จึงทำให้บรรดานักวิชาการ(มุตะกัลลิมีน)จากเมืองต่างๆ ต้องการลบท่านออกจากความเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา เพื่อให้สถานภาพของท่านตกไปจากทัศนะของอุละมาอ์ ด้วยสาเหตุนี้พวกเขาสามารถทำให้ท่านลดหย่อนความสำคัญในทัศนะของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์
فكان لا يكلمه خصم من اليهود والنصارى والمجوس والصابئين والبراهمة والملحدين والدهرية ولا خصم من فرق المسلمين المخالفين إلا قطعه والزمه الحجة وكان الناس يقولون
ปรากฏว่าคู่กรณี(ที่ถกเถียงทางวิชาการกับอิม่ามอะลีริฎอ)ที่เป็นพวกยิว,คริสต์,มะญูซี,ซอบิอีน,พราหมณ์,เอทิสต์,ดะฮ์รียะฮ์ รวมทั้งพวกมุสลิมนิกายต่างๆจึงไม่สนทนากับท่าน ยกเว้น ได้ตัดขาดกับท่าน และถือว่า ท่านเป็นฮัจญัต-ข้อพิสูจน์ และฝ่ายประชาชนได้กล่าวว่า
والله إنه أولى بالخلافة من المأمون وكان أصحاب الاخبار يرفعون ذلك إليه فيغتاظ من ذلك ويشتد حسده له
ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า อิม่ามอะลีริฎอนั้นสมควรเป็นผู้ปกครองรัฐมากกว่ากาหลิบมะอ์มูน แล้วพวกหน่วยข่าวจึงแจ้งเรื่องนี้ไปยังกาหลิบ ทำให้กาหลิบโกรธมากและเกิดความอิจฉาริษยาต่ออิมาม
อิม่ามอาลีริฎอจะไม่หักล้างกับกาหลิบมะอ์มูนในเรื่องสิทธิ(การเป็นผู้ปกครอง) แต่อิม่ามจะให้คำตอบแก่กาหลิบมะอ์มูนในเรื่องที่เขาไม่ชอบมันเสียส่วนมาก ทำให้กาหลิบเคืองแค้นและอาฆาตชิงชังอิม่ามมาตลอดแต่เขาไม่แสดงออกมาให้เห็น
فلما اعيته الحيلة في أمره اغتاله فقتله بالسم
เมื่อแผนลวงของกาหลิบมะอ์มูนที่จัดการอิม่ามล้มเหลว เขาจึงลงมือสังหารอิม่ามด้วยยาพิษ
ดู อุยูนอัคบาร อัลริฎอ (แต่งเชคศอดูก เล่ม 3 หน้า 181 ฮะดีษที่ 3 -907
เชค อะหมัด อัลมาฮูซีกล่าวว่า สายรายงานของมัน ฮาซัน
กาหลิบมะอ์มูนได้สังหาร อิม่ามอาลีริฎอ ซึ่งเป็นบุตรชายของอิมามมูซากาซิม บุตรอิม่ามญะอ์ฟัร บุตรอิม่ามมุฮัมมัดบากิร บุตรอิมามอาลีซัยนุลอาบิดีน บุตรอิม่ามฮูเซน บุตรอิม่ามอะลี บินอบีตอลิบ อะลัยฮิมุสสลาม
หลังจากกาหลิบอัลมะอ์มูนยึดถือแนวคิดมุอ์ตะซิละฮ์ ก็ออกคำสั่งบังคับประชาชนให้กล่าวว่า อัลกุรอานคือมัคลู๊ก(สิ่งถูกสร้าง) ตามแนวคิดของพวกมุอ์ตะซิละฮ์
ปี ฮ.ศ. 218 กาหลิบมะอ์มูนสั่งเจ้าเมืองแบกแดดให้คัดเลือกกอฎี-ผู้พิพากษาและอะฮ์ลุลฮะดีษมาถกปัญหาเรื่องกุรอ่านคือมัคลูก และสั่งให้ขจัดทุกคนที่มีความเห็นขัดแย้งกับความเชื่อนี้
ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งว่า ห้ามยอมรับการปฏิญานตนของทุกคนที่ไม่เชื่อมั่นว่า อัลกุรอาน เป็นสิ่งถูกสร้าง และมีบทลงโทษด้วย ในความเป็นจริง การทำเช่นนี้ ก็คือ การตรวจสอบหลักความเชื่อโดยเอาอัลกุรอานเป็นข้อทดสอบ ดังเป็นที่รู้กันในประวัติศาสตร์
1.กาหลิบมะอ์มูน 2.กาหลิบมุอ์ตะซิม 3.กาหลิบวาษิ๊กคือซุนนี่ที่ยึดถือแนวคิดมุอ์ตะอ์ซิละฮ์
ส่วนกาหลิบมุตะวักกิลคือซุนนี่ยึดถือตามแนวคิดของอะฮ์ลุลฮะดีษ
ทั้งกลุ่มมุอ์ตะอ์ซิละฮ์และกลุ่มอะฮ์ลุลฮะดีษก็คือ #อะฮ์ลุซซุนนะฮ์ทั้งคู่
มุอ์ตะฮ์ซิละฮ์เชื่อว่า กุรอ่านคือมัคลู๊ก(สิ่งถูกสร้าง) / อะฮ์ลุลฮะดีษเชื่อว่า กุรอ่านคือคอลิก(ผู้สร้าง)
แนวคิดนี้จะถูกหรือผิดก็ขึ้นอยู่ที่ว่า กาหลิบคนไหนเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูพวกเขา
คำสั่งเสียของกาหลิบมะอ์มูนต่ออัลมุอ์ตะซิมกาหลิบคนต่อไปคือ บังคับประชาชนให้ยอมว่ากุรอ่านคือมัคลูก
เมื่อกาหลิบมุอ์ตะซิมขึ้นครองราชย์ ก็ได้บีบคั้นอุละมาอ์ซุนนี่กลุ่มอะฮ์ลุลฮะดีษให้ยอมรับแนวคิดเรื่องกุรอ่านคือมัคลูก
ฝ่ายอุละมาอ์อะฮ์ลุลฮะดีษได้ปฏิเสธความเชื่อนี้ของพวกมุอ์ตะซิละฮ์ และยอมถูกจับขังและถูกทรมาณ
ปี ฮ.ศ 227 – 232 กาหลิบอัลวาษิ๊กขึ้นครองราชย์ก็ได้ให้การสนับสนุนแนวคิดมุอ์ตะซิละฮ์ อย่างเข้มงวดจริงจังโดยเฉพาะชาวเมืองแบกแดด ถึงขั้นกำหนดเงื่อนไขการเป็นมุสลิมว่า “ต้องยอมรับว่าอัลกุรอานเป็นสิ่งถูกสร้าง”
การบีบบังคับและการใช้ความรุนแรงในเรื่องนี้ ถึงขั้นที่ทำให้อุละมาอ์ซุนนี่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก เช่น อิหม่ามอะห์มัด  ถูกโบยถูกขังคุก
ประชาชนเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว จนทำให้ชาวเมืองแบกแดดลุกขึ้นต่อสู้โดยการนำของ อะหมัด บิน นัศร์ อัลคุซาอี โดยมีข้อเรียกร้องให้กาหลิบอัลวาษิกออกจากตำแหน่ง
แต่กาหลิบอัลวาษิกไหวตัวทันกับพวกก่อการปฏิวัติกลุ่มนี้ เขาจึงฆ่าผู้นำของขบวนการนี้ด้วยมือเขาเอง
ขณะเดียวกัน ยูซุฟ บิน ยะห์ยา อัลบุวัยตี ลูกศิษย์คนหนึ่งของอิมามอัชชาฟิอี ยอมถูกทรมาณในคุกจนเสียชีวิต
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การบีบคั้นทางความคิดอย่างรุนแรงเช่นนี้ เกิดขึ้นจากแผนการของพวกมุอ์ตะซิละฮ์นั่นเอง
เมื่อกาหลิบอัลวาษิกตาย อัลมุตะวักกิลได้ขึ้นเป็นกาหลิบ ปี ฮ.ศ 232 - 247 เขาเปลี่ยนเป้าหมายและแนวทางการเมืองของบรรดากาหลิบในอดีตทั้งหมด แต่ที่เหมือนกันคือ การใช้ความรุนแรง
อัลมุตะวักกิลให้การสนับสนุนพวกอะฮ์ลุลฮะดีษ และปราบพวกมุอ์ตะซิละฮ์และชีอะฮ์
กาหลิบคนนี้ได้แสวงหาความพึงพอใจจากพวกที่เคียดแค้นพวกมุอ์ตะซิละฮ์และพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากกาหลิบคนใหม่
ญะลาลุดดีน อัสซูยูตี บันทึกในตารีคุลคุละฟาอ์ หน้าที่ 143 ว่า
وبالغوا في الثناء عليه والتعظيم له حتى قال قائلهم الخلفاء ثلاثة... في إحياء السنة
พวกเขา(กลุ่มอะฮ์ลุลฮะดีษ)ได้ยกย่องสรรเสริญกาหลิบอัลมุตะวักกิลอย่างมากมาย โดยถือว่ากาหลิบคนนี้คือ หนึ่งในสามคอลีฟะฮ์ที่ฟื้นฟูซุนนะฮ์และทำลายบิดอะฮ์(คือท่านอบูบักร,ท่านอุมัรบินอับดุลอะซีซและอัลมุตะวักกิล)
กาหลิบอัลมุตะวักกิลได้ดำเนินนโยบายพิเศษในการกำจัดพวกมุอ์ตะซิละฮ์และชีอะฮ์
โดยใช้วิธีตรวจสอบความเชื่อด้านมัซฮับของคนด้วยการทดสอบ ตามวิธีการในสมัยกาหลิบมะอ์มูน
กาหลิบอัลมุตะวักกิลได้แต่งตั้ง อัลญัรญะรออีและอิบนุคอ-กอน อันเป็นที่รู้กันว่า สองคนนี้มีนโยบายทางการเมืองที่รุนแรงต่อพวกชีอะฮ์ และกาหลิบได้จัดตั้งทหารหน่วยพิเศษชื่อ “ชากิรียะฮ์” เพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะ
กาหลิบอัลมุตะวักกิลดำเนินการทุกวิถีทางอย่างเข้มงวดในการกำจัดพวกชีอะฮ์ และคนตระกูลอะละวีย์ เช่น การทำลายสุสานอิมามฮุเซน(อ)ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว
ในสมัยกาหลิบอัลมุตะวักกิล
ยังมีการรวบรวมตำราที่ประมวลเรื่องราวของนักรายงานฮะดีษและตำราฮะดีษของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์เช่น
มุศนัฟของอิบนุอบีชัยบะฮ์ ตาย ฮ.ศ 235
ซอฮิฮ์บุคอรี ตาย ฮ.ศ 256
ซอฮิฮ์มุสลิม ตาย ฮ.ศ 261
นี่คือภาพรวมที่ได้เปิดเผยถึง สภาพการเมือง สภาพสังคม และสภาพความคิดในยุคที่สองของราชวงศ์อับบาซียะฮ์
สิ่งที่กาหลิบอับบาซียะฮ์ทุกคนปฏิบัติเหมือนกันหมดคือ กำจัดอิม่ามทุกคนที่สืบเชื้อสายมาจากอิม่ามอะลี(อ) รวมทั้งกำจัดแนวคิดชีอะฮ์ พวกอะละวียะฮ์และบรรดาชีอะฮ์

บทความโดย เชคอับดุลญะวาด สว่างวรรณ