เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

วิเคราะห์เรื่องราวของอิมามมะฮ์ดี ตอนที่ 13

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

วิเคราะห์เรื่องราวของอิมามมะฮ์ดี ตอนที่ 13


สภาพทางความคิด, ทางการเมือง, ทางสังคม ของชีอะฮ์ ยุคราชวงศ์อับบาซียะฮ์ปกครอง

3.สภาพทางสังคม

3.1.สภาพความเป็นอยู่ของชีอะฮ์

ยุคที่พวกอับบาซียะฮ์ปกครอง ชีอะฮ์อยู่ในสภาพที่ยากจน ถูกกดขี่และถูกกีดกันจากตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่เรื่องที่ขมขื่นมากที่สุดคือต้องขาดการติดต่อสัมพันธ์กับอิม่ามของพวกเขา
หรือมีการติดต่อกับอิมามน้อยมาก ทั้งๆที่เมืองต่างๆส่วนมากคือศูนย์กลางของชีอะฮ์ก็ตาม เช่น เมืองกูฟะฮ์, แบกแดด, นัยซาบูรีย์, กุม, มะดาอิน, คูรอซาน,เยเมน, เรย์, อาเซอร์ไบญาน, ซะมัรรอ, ญุรญาน ,บัซเราะฮ์ ฯลฯ

3.1.1. ขาดการติดต่อสัมพันธ์กับอิมาม

ประการแรก ฝ่ายรัฐได้เข้มงวดกวดขันต่ออิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นบีโดยการควบคุมตัวหรือขังคุกไว้ตั้งแต่อิม่ามมูซากาซิม(อิม่ามที่7)จนถึงอิม่ามฮาซันอัสกะรี่(อิม่ามที่11)
ประการที่สอง ทุกคนที่ติดต่อกับอิม่ามต้องถูกลงโทษทรมาน
ทั้งสองประการนี้ได้ก่อให้เกิดความพยายามที่จะติดต่อกับอิม่าม เป็นเรื่องซึ่งทำให้มีการแอบอ้างต่างๆในสังคมชีอะฮ์ ในช่วงเวลาที่อิมามไม่ได้ทำหน้าที่บริหารกิจการต่างๆของท่านโดยตรง

3.1.2. การบีบคั้น

บรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์และชีอะฮ์ผู้ปฏิบัติตามบรรดาอิม่าม ต้องประสบกับการถูกข่มเหง รังแก กดขี่ ด้วยอาชญากรรมต่างๆ
กาหลิบอัลมุตะวักกิลส่งกองทหารชากิรียะฮ์ไปทำลายสุสานอิมามฮูเซน(อ)
กาหลิบฮารูนรอชีดได้สั่งทหารให้จับอิม่ามมูซากาซิม(อิม่ามที่7)ขังคุกมืด ทรมานทำร้ายอิม่าม จนสุดท้ายวางยาพิษอิม่ามเสียชีวิตในคุกมืด แล้วให้นำศพอิม่ามไปวางไว้บนสพานแบกแดดสามวัน แล้วให้ทหารประกาศต่อประชาชนด้วยถ้อยคำดูหมิ่นว่า

هذا إمام الرافضة موسى بن جعفر، وقد مات بموت طبيعي

นี่คืออิม่ามของพวกชีอะฮ์รอฟิเดาะฮ์ ชื่อ มูซา บุตรของญะอ์ฟัร เขาตายปกติ (คือไม่ถูกวางยาหรือถูกฆ่า)

เมื่อประชาชนคนหนึ่งเป็นหมอได้ตรวจสอบญะนาซะฮ์อิม่ามมูซากาซิมที่มีโซ่ตรวนทั้งร่างก็พบว่าร่างอิม่ามโดนวางยาพิษ
กาหลิบมะอ์มูนอับบาซี่ สังหารอิม่ามอะลีริฎอ(อิม่ามที่8)ด้วยยาพิษ
กาหลิบมุอ์ตะซิม สังหารอิม่ามมุฮัมมัดญะวาด(อิม่ามที่9)ด้วยยาพิษ
กาหลิบมุอ์ตัซซุ สังหารอิม่ามอะลีฮาดี(อิม่ามที10)ด้วยยาพิษ

ชีอะฮ์ในอียิปต์ถูกเนรเทศให้ไปอยู่ที่อิรัก  ต่อมาเพิ่มการบีบคั้นมากขึ้น โดยเนรเทศชีอะฮ์ออกจากเมืองมะดีนะฮ์ ในปีฮ.ศ 236

ชาวฮิญาซถูกกาหลิบข่มขู่ว่า ห้ามติดต่อกับบรรดาชีอะฮ์และคนตระกูลอะละวีย์ ,ห้ามสนับสนุนช่วยเหลือด้วยทรัพย์สิน  แต่ก็มีประชาชนจำนวนมากฝ่าฝืนคำสั่งกาหลิบในเรื่องนี้ พวกเขาจึงถูกทรมานถูกลงโทษ

กล่าวได้ว่า นโยบายทางการเมืองที่กาหลิบอัลมุตะวักกิลปฏิบัติกับชีอะฮ์และตระกูลอะละวีย์เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน โหดร้ายมาก

3.1.3. กีดกันจากหน้าที่การงาน

กาหลิบอัลมุตะวักกิลได้ปลด อิสฮาก บิน อิบรอฮีม ออกจากผู้ปกครองเมืองศ็อยมะเราะฮ์(صيمرة)และเมืองซีระวาน(سيروان)สาเหตุเพราะเขาเป็นชีอะฮ์ ผู้ปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์นบี
ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งหน้าที่ของเขา ด้วยสาเหตุเพราะพวกเขามีการติดต่อกับอิมามอะลีฮาดี(อิม่ามที่10)นั่นเอง

3.1.4. การปิดกั้นโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ

กาหลิบอัลมุตะวักกิลได้ยึดที่ดินฟะดักเป็นมรดกของตระกูลอะละวีย์ ซึ่งให้ผลผลิต มากถึง 24,000 ดีนาร เขาได้มอบที่ดินผืนนี้ให้แก่ อับดุลลอฮ์ บิน อุมัร  ผู้สนับสนุนเขาคนหนึ่ง

อบุลฟะร็อจญ์ อัลอิศฟะฮานี ได้บันทึกว่า

وأستعمل المتوكل على المدينة ومكة عمر بن الفرج الرخّجي فمنع آل أبي طالب من التعرض لمسألة الناس، ومنع الناس من البرّ بهم، وكان لا يبلغه أن أحداً أبرَّ أحداً منهم بشيء وإن قلّ إلا أنهكه عقوبة، وأثقله غُرماً

กาหลิบอัลมุตะวักกิลได้แต่งตั้งอุมัร บิน อัลฟะร็อจญ์ อัลร็อคคอญีเป็นผู้ปกครองมะดีนะฮ์และมักกะฮ์
เขาได้ปิดกั้นขัดขวางลูกหลานของอบูตอลิบมิให้ขอความช่วยเหลือสิ่งใดจากประชาชนได้ และได้สั่งห้ามประชาชนมิให้ทำดีใดๆกับพวกเขา จนไม่มีใครแม้แต่คนเดียวจะหยิบยื่นสิ่งใดให้ถึงแก่คนใดในตระกูลอะละวีย์ได้เลย หากประชาชนคนใดได้ขัดขืนกระทำแม้เพียงน้อยนิด เขาจะต้องได้รับโทษอย่างแสนสาหัส ดู มะกอติลุต ตอลิบีน หน้า 599

3.2. สถานะทางสังคมและอิทธิพลของอิมาม(อ)

อิทธิพลทางด้านจิตใจของบรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ที่มีต่อประชาชนนั้น ยังอยู่เหนือการวางแผนการใดๆที่ทางอำนาจรัฐได้กำหนดเอาไว้

อิทธิพลอันนี้ได้แผ่ออกไปอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งครอบคลุมไปถึงราชวังของบรรดากาหลิบอับบาซียะฮ์เองด้วยซ้ำไป

ซึ่งประชาชนส่วนมากได้ให้ความนิยมยกย่องอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นบี โดยเฉพาะเหล่าเสนาอำมาตย์และบรรดาเจ้าเมือง
เพราะพวกเขาตระหนักดีภายในจิตใจอยู่ว่า บรรดาอิมามนั้นมีสิทธิชอบธรรมในตำแหน่งคอลีฟะฮ์
และพวกเขาเล็งเห็นว่า ตำแหน่งนี้เหมาะสมกับบรรดาอิมามแห่งตระกูลอะละวีย์ เพียงแต่พวกเขาต้องปกปิดความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้มิได้แสดงออก

ตอนต่อไป เราจะนำเสนอหลักฐานเกี่ยวกับสถานะทางสังคมของอิมามอะลีฮาดี(อิม่ามที่10) และอิมามฮาซันอัสกะรี่(อิม่ามที่11)

หมายเหตุ :

บรรดาอิมามที่พวกกาหลิบข่มเหงรังแกเข่นฆ่า พวกเขาทั้งหมดล้วนสืบเชื้อสายโดยตรงจากท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ทั้งสิ้น ดังนี้

อิมามฮาซันอัสกะรี่(อิม่ามที่11) เป็นบุตรของอิมามอะลีฮาดี(อิม่ามที่10)
บุตรของอิมามมุฮัมมัดญะวาด(อิม่ามที่9) บุตรของอิมามอะลีริฎอ(อิม่ามที่8)
บุตรของอิมามมูซากาซิม(อิม่ามที่7) บุตรของอิมามญะอ์ฟัรศอดิก(อิม่ามที่6)
บุตรของอิมามมุฮัมมัดบากิร(อิมามที่5) บุตรของอิมามอะลีซัยนุลอาบิดีน(อิม่ามที่4)
บุตรของอิมามฮูเซน(อิม่ามที่3) น้องชายของอิมามฮะซัน(อิม่ามที่2)

อิม่ามที่สองและสาม เป็นบุตรที่เกิดจาก อิมามอะลี บินอบีฏอลิบ(อิม่ามที่1) กับท่านหญิงฟาติมะฮ์ บุตรีของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)

อะฮ์ลุลบัยต์นบีเหล่านี้คือบุคคลที่อัลลอฮ์ตะอาลาตรัสว่า

قُلْ لَا أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلَّا الْمَوَدَّةَ فِي الْقُرْبَى

จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ฉันมิได้ขอค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการนี้ เว้นแต่ เพื่อความรักใคร่ในญาติสนิท

ซูเราะฮ์ อัชชูรอ อายัตที่ 23

บรรดาอิมามเหล่านี้เป็นญาติสนิทที่สุดของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) ทั้งกาหลิบและประชาชนเมื่อเอ่ยกับพวกเขาคนใด จะกล่าวว่า

 يَا بْنَ رَسُولِ اللهِ

 ยับ นะ รอซูลิลลาฮ์ แปลว่า โอ้บุตรของท่านศาสนฑูตแห่งอัลเลาะฮ์

บทความโดย เชคอับดุลญะวาด สว่างวรรณ

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม