วิลาดัตท่านอิมามอะลี อัรริฎอ (อ.)
วิลาดัตท่านอิมามอะลี อัรริฎอ (อ.)
บรรยายโดย ซัยยิดะฮ์ญามีละฮ์ ฮุซัยนี
ส่วนหนึ่งจากคำบรรยาย
เป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า ในวันที่ 1ของเดือน
ซุลเกาะดะฮ์ถือเป็นวิลาดัตของท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอฺศูมะฮ์(ซ.) ผู้เป็นน้องสาวที่รักยิ่งของท่าน
อิมามอะลี อัรริฎอ ผู้เป็น เจ้าของวิลาดัตในวันนี้
คือ วันที่11 ซุลเกาะดะฮ์
ทำให้10วันระหว่าง สองวิลาดัตนี้ถูกเรียกว่า
"10วัน แห่งการเถิดเกียรติ"
เนื่องจากว่าท่านทั้งสอง ถือเป็นผู้ที่มีความประเสริฐอย่างมากมาย
ฮะดิษบทหนึ่งจากท่านอิมามญะวาด(อ.)ได้กล่าวถึงความประเสริฐของท่านหญิงมะอฺศูมะฮ์(ซ.)
ใครก็ตามที่ได้ไปซิยารัตท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอฺศูมมะฮ์(ซ.)ท่านอาของฉัน สวรรค์จะเป็นวาญิบสำหรับเขา
ความประเสริฐของท่านอิมามอะลี อัรริฎอ(อ.)
ตามริวายัต ท่านอิมามริฎอ(อ.) มีฉายานามจำนวนมากกว่า 50 ฉายานาม ณ ตรงนี้จะยกฉายานามที่โด่งดังมาทำการอรรถาธิบาย
1.ริฎอ : ผู้ที่พึงพอใจ
ท่านอิมามริฎอ(อ.)นอกจากจะพึงพอใจในทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านแล้ว ท่านยังทำทุกสิ่งเพื่อให้พระองค์ทรงพึงพอใจในตัวท่านด้วย
เราจะทำอย่างไรให้คุณสมบัตินี้เกิดขึ้นกับเรา
1.เราจะต้องรู้จุดมุ่งหมายของเราเสียก่อนว่าเราจะทำให้ผู้ใดพึงพอใจ
2.มอบหมายทุกการงานแด่พระองค์
وَتَوَكَّلْ عَلَى اللَّهِ وَكَفَىٰ بِاللَّهِ وَكِيلًا
และจงมอบความไว้วางใจแด่อัลลอฮฺและพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้คุ้มครอง (ซูเราะฮ์อะฮ์ซาบ / 3)
2.ระอูฟ : ผู้ที่มีความเมตตา
เป็นความเมตตาที่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เรียกร้องหาอิมามทั้งในยุคสมัยของท่านหรือจะภายหลังจากนั้นท่านก็ไม่เคยปฏิเสธแต่อย่างใด
เรื่องเล่าเกี่ยวกับความระอูฟของท่าน
อิมามริฎอ(อ.) กับการให้ชะฟาอัต
ชายชาวอิหร่านผู้หนึ่ง เป็นคนเมืองมัชฮัด
ซึ่งเขาป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว
ภายหลังจากที่เข้ารักษา หมอได้แจ้งให้ทราบถึงความร้ายเเรงของโรคที่เขาเป็น
ชายผู้นี้ใช้เงินทั้งหมดที่มีทุ่มไปกับการรักษาตัว
แต่ไม่ว่าจะไปหาหมอที่ใดหมอทั้งหมดล้วนแล้วแต่บอกว่า เขาทำได้เพียงกินยาประทังชีวิตไปได้เพียงเท่านั้นในระยะเวลาสั้นๆ
จนกระทั่งเขาได้ไปปรึกษาและได้รับคำแนะนำว่าให้ไปหาหมอที่ประเทศอเมริกา เขาตัดสินใจปรึกษากับที่บ้าน และบิดาของเขาก็ได้ส่งเขาไปรักษาตัวที่อเมริกา หมอได้แจ้งกับญาติของชายผู้นี้ว่าตอนนี้อาการของเขามันหนักมากถึงขั้นที่ หมอมั่นใจเลยว่าอยู่ได้แค่ไม่กี่เดือนและต้องเสียชีวิตแน่นอน
หมอจึงเสนอให้เขาฉีดยาตัวหนึ่งแต่ยาตัวนี้เพียงแค่ทุเลาอาการให้กับเขาเท่านั้น
และเขาก็ตัดสินใจฉีดยาที่ราคาสูงนั้น และกลับมายังบ้านเกิดของเขา อาการของเขาก็แย่ลงเรื่อยๆ วันหนึ่งแม่ของเขาได้พูดกับเขาว่า เราเป็นคนมัชฮัดนะลูก ทำไมลูกถึงไม่ไปหาท่านอิมามริฎอ(อ.) ลูกชายก็ทำท่าไม่พอใจพร้อมกับบอกว่าผมเดินไม่ไหวแล้วแม่ไม่เห็นหรอ ผมไม่อยากไปไหนทั้งนั้นผมเหนื่อย
แม่จึงบอกว่า เดี๋ยวเเม่พาขึ้นรถเข็น เข็นลูกไปก็ได้
ลูกชายก็ยืนกราน จะไม่ไป
แม่ได้ขอร้องอีกว่า ไปสักครั้งเถอะนะ
ในที่สุดลูกก็ยอมไป วันที่เขาไปฮะรัมของท่านกัน
ลูกพี่ลูกน้องของชายหนุ่มนั้นก็มาช่วยเข็นรถเข็น เข้าไปในฮะรัม ทันทีที่เขาได้เห็นโดมทองถึงกับทำให้น้ำตาของเขาไหลออกมา และทำให้หัวใจที่กระวนกระวายของเขานั้นสงบลง
เขาได้กล่าวกับท่านว่าก่อนหน้านีเฉันกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เพียงได้มาหาท่านทุกอย่างมันสงบลง และฉันไม่รู้สึกกลัวอะไรอีกเลย
วันนั้นเขากลับไปบ้านด้วยกับหัวใจที่มีความสงบเป็นอย่างยิ่ง
วันต่อมาเขาขอให้แม่พามาอีก และวันนั้นเขาได้สัญญากับอิมามว่า เขาจะแต่งกลอนมาฝากอิมาม
ในวันถัดไป
เช้าวันรุ่งขึ้นในวันถัดมา
วันนั้นอาการของเขาทรุดลงกว่าเดิมถึงขั้นที่ขยับตัวไม่ได้ เขาได้ขอร้องแม่และลูกพี่ลูกน้องของเขาว่าให้พาเขาไป แต่ทั้งสองปฏิเสธเพราะอาการที่ทรุดลงอย่างมากของเขาแต่เขาก็ได้บอกว่าเขาต้องไปให้ได้ เพราะเขาได้แต่งกลอน และสัญญากับอิมามไว้ว่าจะไปอ่านกลอนให้ท่านฟัง
ในที่สุดเขาก็ได้ไปฮะรัมอีกครั้ง ครั้งนี้เขาขอให้เข็นเขาไป ในซาเรี๊ยะเลย วินาทีนั้นเขาได้อ่านกลอนที่เขาแต่งให้อิมามฟัง และทันได้นั้น เขารู้สึกเหมือนเขาหลุดไปในอีกอะลัมนึง และตอนนั้นในซาเรี๊ยะกลายเป็นว่างเปล่าปราศจากผู้คน แต่มีชายผู้นึงเดินเข้ามาและส่งมือให้เขา และกล่าวว่าจับมือฉันซิ และจงลุกขึ้นยืน ชายผู้นี้ได้ตอบว่า ฉันไม่แม้แต่จะขยับตัวได้ ฉันจะยืนได้อย่างไร ทันใดนั้นทำให้เขาคิดขึ้นได้ว่า ชายที่สนทนากับเขาอยู่ ต้องเป็น
อิมามริฎอ(อ.)แน่เลย เขาจึงลุกขึ้นยืนและเขาก็ตกใจที่ตนเองเหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาขออนุญาตอิมามที่จะจูบเท้าท่าน แต่ท่านอิมามได้กล่าวว่า เจ้าจงไปจูบเท้ามารดาของเจ้าเถิด ด้วยกับดุอา และนมาซในยามค่ำคืนของนางที่วิงวอนขอดุอาใหกับเจ้า ชายผู้นี้ได้สัญญากับท่านอิมาม(อ.)ว่าหลังจากนี้เขาจะไม่พูดโกหก และจะไม่บิดพริ้วต่อสัญญา กับการใช้ชีวิตที่เหลือตอนนี้ตราบลมหายใจสุดท้าย
ทันใดนั้นทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติ และทุกคนเห็นชายผู้นี้ลุกขึ้นยืนและขยับตัวได้ เขาได้วิ่งออกไปหาแม่ ซึ่งแม่ของเขาเองรับรู้ได้ว่าลูกเขาต้องได้รับชะฟาอัตอย่างแน่นอน