เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

โอ้ปวงบ่าวของฉันในทุกเช้าที่พวกเจ้าตื่นขึ้นมา ฉันได้มอบสิ่งดีงามให้แก่เจ้าในทุกวัน

1 ทัศนะต่างๆ 05.0 / 5

โอ้ปวงบ่าวของฉันในทุกเช้าที่พวกเจ้าตื่นขึ้นมา ฉันได้มอบสิ่งดีงามให้แก่เจ้าในทุกวัน

 

โดย ดร.นัศรุลลอฮ์ สิคอวะตี ลอดอนี
ท่านเชคได้กล่าวเกี่ยวกับฮะดิษกุดซี
คำกล่าวที่ถูกรายงานโดยท่านศาสดาซึ่งเป็นคำตรัสของเอกองค์อัลลอฮ์(ซบ.)
ฮะดิษที่รายจากท่านศาสดา จากแหล่งอ้างอิงของพี่น้องอะลิซซุนนะฮฺ จะหาได้จากแหล่งอ้างอิงที่มีนามว่าศอฮิ ซึ่งโดยรวมจะมีประมาณ 4,000 กว่าฮะดิษ
ส่วนแหล่งอ้างอิงจากสายธารของชีอะฮ์อิมามียะห์
สามารถหาได้จาก กุตุบ อัรบะอะฮ์(หนังสือทั้ง4เล่ม)
ซึ่งโดยรวมจะมีประมาณ 3,000-4,000 กว่าฮะดิษด้วยกัน ซึ่งฮะดิษทั้งหมดที่มีนั้นไม่ใช่รายงานเพียงจากท่านศาสนาเพียงเท่านั้นแต่ยังมีรายงานของ
บรรดาอิมามท่านอื่นๆรวมอยู่ด้วย
 ในส่วนจำนวนของ ฮะดิษกุดซีจะมีจำนวนไม่มาก และถือเป็นฮะดิษที่มีความพิเศษอย่างยิ่ง
บางทัศนะกล่าวว่ามี100 ฮะดิษ และบางทัศนะกล่าวว่ามี200ฮะดิษ
ฮะดิษบทหนึ่ง เอกองค์อัลลอฮ์(ซบ.) ได้ตรัสไว้ว่า
โอ้ปวงบ่าวของฉันในทุกเช้าที่พวกเจ้าตื่นขึ้นมา ฉันได้มอบสิ่งดีงามให้แก่เจ้าในทุกวัน
แต่ในทางกลับกันพวกเจ้ากลับทำสิ่งที่ตรงกันข้ามคือการส่งสิ่งที่ไม่ดีกลับคืนมายังฉัน
(เกี่ยวกับความเมตตาของพระองค์)
ท่านเชคได้กล่าวต่อว่า
ถ้าหากว่ามนุษย์รู้ว่ามีผู้ใดที่มีความรักต่อเขา
มากๆ รักเขายิ่งกว่าการที่เขารักตัวเองเสียด้วยซ้ำ
ถ้าเปรียบเทียบกับบุคคลบนโลกนี้ บุคคลที่จะมีความรักต่อเราได้มากที่สุดนั่นก็คือผู้ที่เป็นมารดา ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีความรักใดที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักของแม่
ผู้ที่เป็นบิดาก็มีความรักต่อลูกของตนเองด้วยเช่นเดียวกัน แต่ผู้เป็นบิดาจะแสดงความรู้สึกออกมาช้ากว่า ซึ่งคนเป็นมารดาจะแสดงมันออกมาได้ชัดเจนกว่านั่นเอง
ผู้ที่เป็นบิดามารดาความรักที่เขามีต่อลูกนั้นล้วนเป็นความรักที่มีเพื่อลูกไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่อย่างใด
ถ้ามีใครมาบอกเราว่ามี ท่านหนึ่งที่มีความรักต่อเรามากกว่าผู้ที่เป็นมารดาและบิดาของเราเสียอีก
แล้วเขาก็เฉลยว่าท่านผู้นั้น
คือเอกองค์อัลอัลลอฮ์(ซบ.)
ซึ่งคำตอบของคำถามนี้เราจะสามารถรู้สึกและรับรู้ถึงความรักนี้ได้ก็ต่อเมื่อ มีเงื่อนไขว่า "เราต้องเชื่อ"
เชื่อว่าเอกองอัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงรักเรามากกว่าผู้เป็นบิดามารดาของเรา
ถ้าเราสามารถมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้แล้ว
ในหัวใจของเราจะรู้สึกมีความละอาย ต่อความรักที่เราได้รับจากพระองค์กับสิ่งที่เราส่งคืนกลับไปยังพระองค์
การช่วยเหลือจากพระองค์ไปยังมนุษย์
เราจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนระหว่างความช่วยเหลือที่มาจากมนุษย์กับความช่วยเหลือที่มาจากเอกองค์อัลลอฮ์(ซบ.)
ดังเช่นความช่วยเหลือของพระองค์ทุกๆการช่วยเหลือที่มาจากพระองค์ย่อมมีความรักแอบแฝงอยู่ในทุกความช่วยเหลือเหล่านั้นทั้งสิ้น
รวมถึงการลงโทษที่มีมายังมนุษย์ในนั้นก็แอบแฝงความช่วยเหลือไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
พระองค์ต้องการจะสื่อว่าพระองค์มอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงามรวมถึงความรักให้กับมนุษย์อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตามที่มนุษย์มีความจำเป็น พระองค์ได้เตรียมพร้อมไว้ให้กับมนุษย์แล้วทั้งสิ้น
แต่เหตุใดพวกเจ้าเหล่ามนุษย์จึงวิ่งตามหาและหมกมุ่นอยู่กับการทำบาป
สิ่งที่เราเหล่ามนุษย์ควรจะปฏิบัติคือออกห่างจากการทำบาป
ดังนั้นถ้าหากว่าเราเชื่อว่าพระองค์ทรงมีความรักต่อเราจริงๆ ในทางกลับกันเราก็จะมอบความรักกลับไปยังพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ถ้าหากว่าเรานั้นไม่ได้มีความเชื่อ ว่าพระองค์ทรงมีความรักต่อเรา ก็จะไม่เกิดการสนองตอบกลับซึ่งความรัก
ทำอย่างไรถึงจะเชื่อว่าพระองค์ทรงรักเรา
ดังนั้นถ้าหากว่าเรารู้ว่ามีบุคคลใดบุคคลหนึ่งมีความรักต่อเราเราจงเชื่อ และสิ่งนี้จะเป็นตัวก่อความเชื่อขึ้นในหัวใจของเราในที่สุด
เพื่อที่เราจะส่งกลับคืนสิ่งที่ดีๆไปยังพระองค์
1.เราจะต้องยืนหยัดและมั่นคงอยู่บนความดี
2. เมื่อเรายืนหยัดอยู่บนความดีผลของความดีเหล่านั้นก็จะส่งต่อไปสู่สังคม
3. เมื่อสังคมเรามีแต่ความดีงาม ดังนั้นความชั่วร้ายก็จะหมดลงไปเรื่อยๆในที่สุด
ดังเช่นท่านอิมามโคมัยนี(รฎ.)ที่ได้ทำให้เห็นแล้วว่า ผลของการทำตามคำสั่งของพระองค์นั้น
ทำให้ท่านได้พบกับบั้นปลายชีวิตที่ดีและสร้างสังคมแบบอย่างเฉกเช่นอิหร่านไว้แก่บุคคลรุ่นหลังอีกด้วย

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม