34 ปีกับจุดยืนและการส่งต่อสาส์นของอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ.) ภายใต้การปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮ์
34 ปีกับจุดยืนและการส่งต่อสาส์นของอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ.) ภายใต้การปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮ์
" แม้อยู่ใกล้ชิดกับอำนาจแต่มิเคยโอนอ่อนผ่อนตามและเป็นตราประทับความชอบธรรมให้กับผู้กดขี่ "
ภายหลังจากที่ท่านศาสดาเสียชีวิตลงมีเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนแปลงสังคมและประชาชาติอิสลามเกิดขึ้นอย่างมากมาย หากเราศึกษาวิถีปฏิบัติของบรรดาอิมาม เราจะเห็นว่าอิมามแต่ละท่านใช้วิธีในการต่อสู้กับความอธรรมที่แตกต่างกันออกไป ในแต่ละช่วงเวลา แต่ละสถานที่ เพื่อการดำรงรักษาไว้ซึ่งศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ตามแนวทางของท่านศาสดา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะด้วยวิธีการและรูปแบบใดก็ตามบรรดาอะลุลบัยต์ล้วนมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน คือเตือนสติประชาติที่กำลังหลงทางให้กลับเข้าสู่แนวทางของท่านศาสดา ปฏิรูปศาสนาอิสลามที่ถูกบิดเบือน และเชิญชวนประชาชาติไปสู่ความผาสุกที่แท้จริง โดยไม่ยอมอ่อนข้ออยู่ใต้อาณัติของผู้ปกครองที่อธรรม ถึงแม้จะมีอิมามบางท่านได้เข้าใกล้กับศูนย์กลางของอำนาจด้วยการถูกบังคับเช่นการเป็นรัชทายาทของมะอ์มูนคอลิฟะฮ์แห่งราชวงศ์อับบาสิดของอิมามริฎอ(อ.) และการเป็นราชบุตรเขยของคอลิฟะฮ์แห่งจักรววรดิอิสลามแบบที่อิมามญะวาด(อ.)ได้เป็น ซึ่งหากอยู่ในสถานการณ์และสถานที่ที่มีข้อจำกัดพวกท่านก็เลือกที่จะนิ่ง แต่ไม่เคยโอนอ่อนผ่อนตามเป็นลูกไล่ให้ศัตรู จนต้องถูกลอบสังหารและถูกลอบวางยาพิษในที่สุด
โดยทั่วไปบรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ถือเป็นภัยคุกคามของรัฐในทัศนะของผู้ปกครองในขณะนั้นเพราะพวกท่านคือผู้สืบทอดที่แท้จริงของท่านศาสดา และอำนาจอันชอบในการปกครองเป็นของพวกท่าน ฉะนั้นทุกการเคลื่อนไหวทุกบริบทและทุกการกระทำของบรรดาอิมามจึงอยู่ในสายตาอำนาจรัฐเสมอ ในกรณีของท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ.) บทบาทที่ท่านได้แสดงออกมาแม้จะมิใช่การจับดาบออกไปสู้รบในสมรภูมิ หากแต่เป็นการทำสงครามจิตวิทยากับผู้ปกครองจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ความสุขุม ลุ่มลึก และรอบคอบ เพราะหากเกิดความผิดพลาดขึ้นเพียงครั้งเดียวนั้นหมายถึงแนวทางอะลุลบัยต์จะสูญสลายไปด้วย จึงมิใช่เรื่องง่ายดายเลยที่บุรุษผู้หนึ่งสามารถประคับประคองแนวความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา ให้ยังมีที่ยืนอยู่ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน
เมื่อเป้าหมายของรัฐคือต้องการปกปิดเรื่องราวของอิมามฮุเซน(อ.) ภายใต้สถานการณ์ที่มีอันตรายอยู่รอบด้านจากอำนาจของคอลิฟะฮ์เป็นระยะเวลาเกือบ 34 ปีในฐานะผู้นำ อิมามใช้ทุกช่วงจังหวะเวลาในการส่งสาส์น ใช้ทุกยุทธวิธีในรูปแบบของสงครามเย็นต่อสู้กับอำนาจรัฐในการรักษาเรื่องราว และเพื่อกอบกู้สิทธิอันชอบธรรมของลูกหลานศาสดาจากราชวงศ์อุมัยยะฮ์ การต่อสู้กับอำนาจจักรวรรดิของอิมามซัยนุลอบิดีน(อ.)ในขณะนั้นจึงเป็นการต่อสู้เชิงวัฒนธรรม ที่สอดแทรกเรื่องราวในดุอาอ์และวิถีปฏิบัติอย่างแยบยล เช่น การดื่มน้ำ การรับประทานอาหาร การไปซิยารัต รวมไปถึงการบอกเล่าเรื่องราวของอาชูรอกับผู้คนแปลกหน้าต่างเมือง
ซึ่งทั้งหมดนี้เราสามารถที่จะเรียนรู้มุมมองทัศนคติและการดำเนินชีวิตในทุกๆช่วงชีวิตของอิมามซัยนุลอาบิดีนผ่านตำราดุอาอ์ “ซอฮีฟะตุศซัจญาดียะฮ์” ที่มีความครอบคลุมในทุกด้าน ตั้งแต่เรื่องวิถีในโลกแห่งดุนยาไปจนถึงเรื่องทางจิตวิญญาน ที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งในด้านความเชื่อ ความศรัทธา ปัญหาทางสังคม การเมือง สิทธิหน้าที่ จริยธรรมไปจนถึงมิติทางรหัสนัย ซึ่งเปรียบเสมือนสารานุกรมแห่งวิสัยทัศน์ของแนวทางอะลุลบัยต์ที่ถือเป็นมรดกอันล้ำค่าที่บรรดาเหล่าผู้ศรัทธาควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
การทำหน้าที่และภารกิจในสถานการณ์ที่อันตรายเป็นระยะเวลาที่ยาวนานต่อเนื่อง วันนี้ภาพของอิมามซัยนุลอาบิดีนจึงมิใช่แค่การถูกรู้จักเพียงคนป่วยแห่งกัรบาลาแบบที่เราเคยรับรู้อีกต่อไป แต่เป็นอิมามผู้ชาญฉลาด โดยใช้ความปราชญ์เปรื่องของท่านส่งผ่านเรื่องราวอันแท้จริงของอาชูรอในยุคที่มืดดำที่สุดของประวัติศาสตร์ !!!!!!!!
เนื่องในโอกาสวันวะฝาตอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ.)
ฮุซัยนียะห์ซัยยิดุชชุฮะดาอ์
เดือนมุรฮัรรอม ฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 1444