ชีอะฮ์เชื่อว่า คัมภีร์อัลกุรอานถูกบิดเบือนจริงหรือ?

ชีอะฮ์เชื่อว่า  คัมภีร์อัลกุรอานถูกบิดเบือนจริงหรือ?

 


ชีอะฮ์เชื่อว่า คัมภีร์อัลกุรอานไม่ถูกตัดทอนหรือเพิ่มเติมแก้ไขใดๆทั้งสิ้น  เพราะอัลลอฮ์ตรัสว่า

 

إِنَّا نَحْنُ نَزَّلْنَا الذِّكْرَ وَإِنَّا لَهُ لَحَافِظُونَ

แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมา และแท้จริงเราคือผู้ปกป้องมัน  (อัลหิจญ์รุ : 9) และ

 

قُل لَّئِنِ اجْتَمَعَتِ الإِنسُ وَالْجِنُّ عَلَى أَن يَأْتُواْ بِمِثْلِ هَذَا الْقُرْآنِ لاَ يَأْتُونَ بِمِثْلِهِ وَلَوْ كَانَ بَعْضُهُمْ لِبَعْضٍ ظَهِيرًا

 

จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) แน่นอนหากมนุษย์และญินรวมกันที่จะนำมาเช่นอัลกุรอานนี้ พวกเขาไม่อาจจะนำมาเช่นนั้นได้ และแม้ว่าบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้ช่วยเหลือแก่อีกบางคนก็ตาม    (อัลอิสรอ : 88 )

 

อัลกุรอานเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความสามารถของมนุษย์และญิน ที่คิดจะเลียนแบบ ต่อเติม ตัดทอนและบิดเบือน ได้มีความพยายามของมนุษย์ตั้งแต่ยุคแรกจนถึงปัจจุบัน เพื่อกระทำการดังกล่าว ถึงแม้จะมีมนุษย์บางคนหลงผิดเชื่อฟังไปบ้างก็ตาม แต่อัลลอฮ์จะทรงปกป้องรักษาคัมภีร์ของพระองค์ ให้พ้นจากการกระทำดังกล่าวจนถึงวันกิยามะฮ์อย่างแน่นอน

 

ฝ่ายซุนนี่คณะเก่าและพวกวาฮาบี ชอบหยิบยกหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “ ฟัศลุลคิตอบ(فَصْلُ الْخِطاَبِ) “ เรียบเรียงโดยมีรซาฮูเซน นูรี อัตต็อบรอซี(มรณะฮ.ศ.1320)มาโจมตีชีอะฮ์ในเรื่องซูเราะฮ์อัลวิลายะฮ์(การแต่งอาลีเป็นคอลีฟะฮ์)ที่บันทึกอยู่ในหนังสือดังกล่าว

 

แต่ฝ่ายซุนนีไม่เคยนำคำพูดของเจ้าของหนังสือเล่มนี้มาเสนอเลยว่า เชคนูรีได้กล่าวอย่างไรเกี่ยวกับซูเราะฮ์นี้  ความจริงเจ้าของหนังสือฟัศลุลคิตอบได้เขียนว่า เขาได้พบซูเราะฮ์วิลายะฮ์นี้ในหนังสือ”ดะบิสตอน มะซาฮิบ“ ซึ่งตีพิมพ์ขึ้นที่บอมเบย์ประเทศอินเดีย โดยอ้างแหล่งอ้างอิงของซูเราะฮ์นี้ว่าได้มาจากหนังสืออัลมะษาลิบของอิบนิชะรอชูบ แต่เขากลับค้นหาต้นฉบับของหนังสือเล่มนี้ไม่พบ

 

ด้วยความอคติที่พวกเขามีต่อชีอะฮ์  พวกเขาจึงกล่าวหาว่า ชีอะฮ์เชื่อว่าซูเราะฮ์วิลายะฮ์ได้หายไปจากอัลกุรอานฉบับนี้ดังนั้นอัลกุรอานเล่มนี้จึงไม่มีความสมบูรณ์

 

ทำไมฝ่ายซุนนี่ จึงไม่มองดูตำราของพวกเขาบ้าง มีนักวิชาการซุนนี่ชาวอียิปต์คนหนึ่งชื่อ“  มุฮัมมัด อับดุลลาตีฟ อิบนุลคอเตบ “ เขาได้ค้นคว้ารวบรวมหะดีษเรื่องตะห์รีฟกุรอ่านที่บันทึกอยู่ในตำราซุนนี่ ไม่ว่าจะเป็นตำราหะดีษซอฮิฮ์ ตำรามาซานีด   ตำราตัฟสีร  ตำราฟิกฮ์(นิติศาสตร์)  ตำราตารีค(ประวัติศาสตร์)และตำราอื่นๆ ซึ่งนักปราชญ์ซุนนี่ผู้นี้ได้ตั้งชื่อหนังสือที่เขาเรียบเรียงขึ้นว่า “ อัลฟุรกอน ”  ตีพิมพ์ครั้งแรกที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ปี ฮ.ศ.1367 สนพ.ดารุลกุตุบ  ต่อมาทางสนพ.ดารุลกุตุบิลอิลมียะฮ์ กรุงเบรุต ประเทศเลบานอนได้นำกลับมาพิมพ์อีกครั้งโดยไม่ได้ระบุปีพิมพ์  หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมเรื่องราวที่อุละมาอ์ซุนนี่ได้รายงานบอกเล่าถึงการตัดทอนเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง บิดเบือนในคัมภีร์กุรอ่านจนทำให้อุละมาอ์อัซฮัรโกรธเคืองเขาเป็นอย่างมาก ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือฝ่ายซุนนี่ไม่เคยกล่าวถึงหนังสือเล่มนี้เลย เพราะหนังสือเล่มนี้คือความอับอายของพวกเขา

 

ดังนั้นหากฝ่ายซุนนี่ได้กลับไปดูตำราหะดีษของพวกเขาก็จะพบรายงานที่ระบุว่า อัลกุรอานถูกตัดออกไปหรือสูญหายไป ซึ่งฝ่ายซุนนี่เองก็ไม่อาจปฏิเสธรายงานเหล่านั้นได้ เพราะเป็นหะดีษที่ถูกต้องเช่น

 

قَالَ حَدَّثَنَا ابْنُ أَبِي مَرْيَمَ عَنْ ابْنِ لَهِيعَةَ عَنْ أَبِى الأَسْوَدِ عَنْ عُرْوَةَ بْنِ الزُّبَيْرِ عَنْ عَائِشَةَ قَالَتْ :كاَنَتْ سُوْرَةُ الْأَحْزَابِ تُقْرَأُ فِيْ زَمَنِ النَّبِيِّ مِائَتَي آيَةً فَلَماَّ كَتَبَ عُثْماَنُ الْمَصاَحِفَ لَمْ يَقْدِرْ مِنْهاَ إِلاَّ عَلَى ماَ هُوَ الْآن 

อุรวะฮ์ บินซุเบรจากท่านหญิงอาอิชะฮ์(รฎ.)เล่าว่า : เดิมทีซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบที่เราเคยอ่านกันในสมัยท่านนะบี(ศ)มีจำนวน 200 อายะฮ์ ต่อมาเมื่อท่านอุษมานได้รวบรวมบันทึกมุศฮัฟต่างๆ เราไม่สามารถ(หาเจอ)อายะฮ์เหล่านั้นได้ นอกจากที่มันมีอยู่ตอนนี้

ดูหนังสืออัลอิตกอน ฟีอุลูมิลกุรอ่าน โดยสิยูตี เล่ม 2 : 66 หะดีษที่ 4118

 

عن عَاصِمِ بْنِ أَبِي النَّجُودِ عَنْ زِرٍّ (بْنِ حُبَيْشٍ) عَنْ أُبَىِّ بْنِ كَعْبٍ قَالَ : كَانَتْ سُورَةُ الأَحْزَابِ تُوَازِي سُورَةَ الْبَقَرَةِ ، فَكَانَ فِيهَا : الشَّيْخُ وَالشَّيْخَةُ ، إِذَا زَنَيَا ، فَارْجُمُوهُمَا الْبَتَّةَ

อาศิม บินอะบิน-นะญูดรายงานจากอุบัย บินกะอับเล่าว่า : เดิมซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบนั้นมีจำนวนเท่าซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ แล้วในนั้นยังมีโองการที่ว่า “ชายชราและหญิงชรา เมื่อทั้งสองทำซีนา ดังนั้นจงขว้างทั้งสอง(ด้วยหิน)”

สถานะหะดีษ : ซอฮิฮ์  ดูซอฮิฮ์อิบนิหิบบาน หะดีษที่ 4428 ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัรนะอูฏี

 

ปัจจุบันซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบมี 73 อายะฮ์ แต่หะดีษข้างต้นรายงานว่า ก่อนหน้านี้มันมีจำนวนเท่ากับซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์นั่นแสดงว่ามี 127 อายะฮ์สูญหายไปจากซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบแล้ว 127 อายะฮ์ดังกล่าวหายไปไหน  นักวิชาการฝ่ายซุนนี่อาจอ้างว่า 127 อายะฮ์ดังกล่าวถูกยกเลิก(มันซูค) ขอถามว่า มันถูกยกเลิกไปหลังจากศาสดามุฮัมมัด(ศ)เสียชีวิตหรือ และมันถูกยกเลิกไปเพราะอะไร  นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างเท่านั้น ซึ่งความจริงหะดีษทำนองนี้ยังมีอยู่ในตำราฝ่ายซุนนี่อีกมาก หะดีษฝ่ายชีอะฮ์ที่รายงานว่า อัลกุรอานถูกตะห์รีฟก็มีจำนวนหนึ่งเช่นกัน ซึ่งถ้าตรวจสอบหะดีษเหล่านั้นมีทั้งสายรายงานที่ไม่น่าเชื่อถือ และมีทั้งต้องตะอ์วีลตีความตัวบทหะดีษเหล่านั้น จะไปยึดความหมายที่แปลตรงๆตามตัวบทมิได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับหะดีษฝ่ายซุนนี่ที่ให้การรับรองว่ามันเป็นสายรายงานที่ซอฮิฮ์

 

ตัวอย่างหะดีษตะห์รีฟกุรอานฝ่ายชีอะฮ์ เช่น

 

 عَلِيُّ بْنُ الْحَكَمِ عَنْ هِشَامِ بْنِ سَالِمٍ عَنْ أَبِي عَبْدِ اللَّهِ (ع) قَالَ : إِنَّ الْقُرْآنَ الَّذِي جَاءَ بِهِ جَبْرَئِيلُ (ع) إِلَى مُحَمَّدٍ (ص) سَبْعَةَ عَشَرَ أَلْفَ آيَةٍ

อาลี บินฮะกัมจากฮิชาม บินซาลิมจากอิม่ามญะอ์ฟัร(อ)กล่าวว่า : แท้จริงอัลกุรอานที่ท่านญิบรออีลนำมายังท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)มีจำนวน 17,000 โองการ

สถานะหะดีษ : ดออีฟ  ดูอัลกาฟี  เล่ม 2 หน้า 634 หะดีษที่ 28 บาบอันนะวาดิร

 

เชคกุลัยนีผู้บันทึกหะดีษนี้ไม่ได้ยอมรับว่าหะดีษบทนี้ถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงบันทึกหะดีษบทนี้ไว้ในหมวด ” บาบ อันนะวาดิร ” ซึ่งหมายถึง หะดีษช๊าซ (الشاذ = แหวกแนว) และมีเพียงหนึ่งหะดีษในหนังสืออัลกาฟีโดยที่ไม่พบในตำราชีอะฮ์เล่มอื่นอีก ส่วนสายรายงานหะดีษนี้ก็มีผู้รายงานเพียงคนเดียวคือ ” ฮิชาม บิน ซาลิม ” มันจึงถูกจัดอยู่ในประเภทหะดีษอาฮ๊าดหรือคอบัรวาเฮ็ด(รายงานไว้เพียงคนเดียว)อีกทั้งยังเป็นหะดีษที่ไม่มัชฮูร(คือไม่เป็นที่รู้จัก) ดังนั้นชีอะฮ์จึงไม่อาจยึดถือหะดีษนี้เป็นหลักฐานได้  ถ้าหากอัลกุรอานฉบับที่ว่ามีจริงๆ ป่านนี้ฝ่ายซุนนี่คงนำอัลกุรอานฉบับดังกล่าวออกมาประจานชีอะฮ์ให้โลกมุสลิมได้รับรู้ไปนานแล้ว

 

ในทางตรงกันข้ามพี่น้องซุนนี่หาได้รู้ไม่ว่า สารบบสายรายงานของอัลกุรอานฉบับปัจจุบันนี้รายโดยชีอะฮ์ทั้งสิ้น กล่าวคือมีซอฮาบะฮ์ 8 คนที่เป็นนักอ่านกุรอ่านที่โด่งดังและหนึ่งในนั้นคืออิม่ามอาลี(อ)การอ่านอัลกุรอ่านจากซอฮาบะฮ์ได้ถูกถ่ายทอดสู่ตาบิอีน(ลูกศิษย์ซอฮาบะฮ์)จนบังเกิดนักอ่านคัมภีร์กุรอ่านที่โด่งดังขึ้น 7 กิรออะฮ์(การอ่าน)

รายชื่อ 7 นักกอรีย์รุ่นตาบิอีน 1. อิบนิอามิร อัชชามี 2. อาศิม อัลกูฟี  3. อิบนิ กะษีร อัลมักกี 4. อะบูอัมรู อัลบัศรี 5. นาฟิ๊อ์ อัลมะดะนี 6. ฮัมซะฮ์ อัลกูฟี 7. อัลกะซาอี อัลกูฟี

ใครจะรู้ว่า 1 ใน 7  นักอ่านข้างต้นมีผู้ที่เป็นชีอะฮ์อาลีถึง 4 คนคือ 1. อาศิม มรณะฮ.ศ. 128    2. อะบูอัมรู มรณะฮ.ศ.154 3. ฮัมซะฮ์ มรณะฮ.ศ. 156  4. อัลกะซาอี มรณะฮ.ศ. 189