ความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ.)
ความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ.)
ท่านทั้งหลายต่างทราบดีว่า บางกรณี การอยู่ร่วมสมัย ร่วมช่วงเวลาเดียวกัน อาจเป็นสิ่งที่ยับยั้งไม่ให้มนุษย์รู้จักตัวตนของดวงดาวอันเจิดจรัสในโลกแห่งมนุษย์ ส่วนใหญ่มักไม่ถูกรู้ในสมัยชีวิตของตน เว้นเพียงบรรดาศาสดาและเอาลียาจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ความเจิดจรัสของพวกเขาถูกรู้จักในยุคที่พวกเขามีชีวิตอยู่
ทว่า ยกเว้นบุคลากรของพระเจ้าบางท่านที่ผู้คนร่วมสมัยรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพวกเขา ในช่วงที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ก็มีไม่กี่คนหรือมีคนจำนวนจำกัดที่จะรับรู้แบบนี้ได้ ซึ่งท่านหญิงฟาฏิมมะฮ์(สลามุลลอฮิอลัยฮา)ก็เป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้น
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์อัซซะฮ์รอ (สลามุลลอฮิอลัยฮา) ไม่เพียงแต่บิดา,สามี,บุตร และบรรดาชีอะฮ์ที่เป็น "คอส"ของพระนางจะกล่าวยกย่องเชิดชูต่อพระนาง ทว่า แม้แต่ผู้ที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ในระดับที่ใกล้ชิดกับผู้ยิ่งใหญ่ ก็ยังเอ่ยยกย่องชื่นชมความยิ่งใหญ่ของท่านหญิง ขอให้พิจารณาตำรับตำราที่ถูกประพันธ์เกี่ยวกับเรื่องราวของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (สลามุลลอฮิอลัยฮา)โดยนักรายงานฮาดิษอะฮ์ลิซุนนะฮ์ พบว่า มีริวายัตจำนวนมากถูกกล่าวยกย่องสรรเสริญท่านหญิงผ่านริมฝีปากของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) หรือรายงานที่แสดงถึงพฤติกรรมของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ต่อท่านหญิง หรือ รายงานจากคำกล่าวของบุคคลเช่นภรรยาบางท่านของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และผู้อื่น
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (สลามุลลอฮิอลัยฮา) คือ หนึ่งในบุตรีของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ซึ่งตามรีวายัตท่านศาสดา (ศ็อลฯ) มีบุตร 4 ท่าน ซึ่งคนเล็ก คือ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(สลามุลลอฮิอลัยฮา) ตามรายงานอายุที่มากที่สุดของท่านหญิงอยู่ในช่วง 17 ถึง 22 ปี โดยตลอดระยะเวลาอันสั้นนี้ บานู (ท่านหญิง) ผู้ยิ่งใหญ่มีบทเรียน ,เหตุการณ์อันเป็นอุทาหรณ์ และการอิลฮามอย่างมากมาย ซึ่งแต่ละวาระล้วนจำเป็นต้องขยายความแยกเป็นประเด็นอีก
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ซะฮ์รอ (สลามุลลอฮิอลัยฮา) คือ หนึ่งในบุคคลที่เป็นแกนหลัก เป็นหน้าเป็นตาแห่งการปฏิวัติอิสลามในช่วงสมัยชีวิตของท่าน ท่านอยู่ในสถานะ บานู (นายหญิง) ผู้อยู่ในแถวหน้าของอิสลาม ไม่มีวาระสำคัญใดที่จะไม่มีท่านหญิงเข้าร่วมอยู่ในวาระนั้นทั้งในสมัยการเบียะซัต(แต่งตั้งศาสดา)ทั้งในสมัยรีซาลัต(เผยแพร่สาส์น) ทั้งในสมัยการฮิญรัตซึ่งได้ผ่านเข้ามาในหมู่มุสลิม ท่านล้วนมีบทบาทในทุกๆวาระ
(นอกจากนี้)การให้เกียรติของท่านศาสดา (ศ็อล) แบบเป็นพิเศษที่น่าแปลกใจต่อผู้ที่เป็นทั้งนายหญิง (ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (สลามุลลอฮิอลัยฮา) และเป็นทั้งบุตรีของตน ยังแสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งและความยิ่งใหญ่ในอัตลักษณ์ของผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ การที่มีคำกล่าวจากท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ระบุว่า
(فداها ابوها)
“ขอให้ผู้เป็นบิดาของนางพลีเพื่อนาง”
"ประโยคคำกล่าว" ถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่ง ตามรายงานที่สืบมาถึงเรา ระบุว่า ทุกการเดินทางของท่านศาสดา(ศ็อลฯ) จะมีการร่ำลาและคนสุดท้ายที่ท่านศาสดาจะบอกลา คือ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ซะฮ์รอ(สลามุลลอฮิอลัยฮา)
และคนแรกที่ท่านจะเข้าพบหลังจากกลับจากการเดินทาง คือ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์อัซซะฮ์รอ (สลามุลลอฮิอลัยฮา)
เบื้องหน้าท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (สลามุลลอฮิอลัยฮา) ความยิ่งใหญ่ของท่านศาสดา (ศ็อล) ถูกแปลงเป็นการอยู่ในสภาวะแห่งการให้เกียรติ และท่านศาสดา (ศ็อล) จึงมักต้อนรับบุตรีผู้อยู่ในวัยเยาว์ของท่านด้วยการให้เกียรติเสมอ ในแบบที่บรรดาผู้เห็นเหตุการณ์ต่างรู้สึกว่า นี่คือการปฏิบัติที่พิเศษไม่ธรรมดา ซึ่งมันคือสิ่งสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ในอัตลักษณ์ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์อัซซะฮ์รอ (สลามุลลอฮิอลัยฮา)
สรุปเนื้อหา
ความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์อัซซะฮ์รอ (สลามุลลอฮิอลัยฮา) จากรายงานฮาดิษของท่านศาสดา(ศ็อล) รายงานฮาดิษของอิมามอาลี(อ) รายงานฮาดิษจากบรรดาอิมามผู้เป็นบุตรหลานของท่านหญิง (สลามุลลอฮิอลัยฮา)รายงานจากภรรยาบางท่านของศาสดา(ศ็อลฯ) รวมไปถึงรายงานจากชีอะฮ์ผู้ใกล้ชิด รายงานจากผู้ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับท่านหญิง ซึ่งสามารถพบเจอได้ทั้งในตำราฮาดิษของอะฮ์ลิซุนนะฮ์ และชีอะฮ์ โดยรูปแบบการแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(สลามุลลอฮิอลัยฮา) จากท่านศาสดา (ศ็อล) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- ประเภทแรก คือ การกล่าวถึงโดยตรง โดยใช้คำพูดที่มีนัยยะสำคัญ เช่น มารดาของผู้เป็นบิดา , ขอให้บิดาพลีให้แก่ผู้เป็นบุตรี และอื่นๆ
- ประเภทที่สอง คือ พฤติกรรมและท่าทีการปฏิบัติของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ต่อท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (สลามุลลอฮิอลัยฮา) เช่นใ นช่วงอำลาก่อนเดินทาง หรือ ในช่วงหลังกลับมาจากเดินทาง ซึ่งท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้แสดงออกให้เห็นและปฏิบัติกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (สลามุลลอฮิอลัยฮา) อย่างพิเศษ ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)
อ้างอิง มนุษย์ 250 ปี เล่ม 3 หน้า 110-111