ตำแหน่งและฐานันดรของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ฉากครอบครัว


ตำแหน่งและฐานันดรของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ฉากครอบครัว

 

บทที่ 11 ตำแหน่งและฐานันดรของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ)
หัวข้อ ฉากที่สาม ฉากครอบครัว
ฉากที่สาม ฉายภาพของสตรีคนหนึ่งในครอบครัว ในฐานะแม่ ในฐานะภรรยา ในฐานะสตรีคนหนึ่งที่อดทนต่ออุปสรรคนานัปการ ในฐานะสตรีที่สามีออกไปรบทัพจับศึกกว่า 30 สงครามในห้วง แปด-เก้าปี
นายหญิงคนนี้แบกรับและอดทนต่อเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด ไม่เคยขออะไรจากสามีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยเรียกร้องต่อสามีให้ เตรียมสิ่งนั้นสิ่งนี้มาให้ตนเอง 
แน่นอน มันเป็นเรื่องมุบาฮ์ เป็นเรื่องอนุญาตปกติสำหรับสตรี (ที่จะเรียกร้องหรือขอบางสิ่งจากสามีของตนเอง) แต่เรื่องนี้กลับไม่เคยเกิดขึ้นเลยกับท่านหญิง 
นี่หมายความว่าอะไร ?
หมายความว่า ท่านหญิงควบคุม “ทุกความต้องการ” กล่าวคือ ท่านไม่ได้ถูกความต้องการควบคุม แต่ท่านคือผู้ควบคุมและกุมบังเหียรทุกความต้องการ
มีฮาดิษรายงานว่า ((سمیت فاطمة الزهراء))[1] ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ)ถูกเรียกว่า อัซซะฮ์รอ (ที่แปลว่า เปล่งแสง,ส่องประกาย,สว่างไสว) เพราะในหนึ่งวัน ท่านหญิง(อ)ได้ทำให้ดวงตาของท่านอาลี(อ)สว่างไสวถึงสามครั้ง หากสตรีสนับสนุนบุรุษ บุรุษผู้นั้นจะมีพลังเพิ่มเป็นหลายเท่า
นี่คือ สตรีผู้ปราดเปรื่อง ผู้รู้ ผู้รายงานวัจนะ ผู้มีความสัมพันธ์กับมิติเร้นลับ ผู้ที่เทวฑูตเผยตนสนทนาด้วย นี่คือ สตรีที่หัวใจของนาง เหมือนกันกับหัวใจของท่านอาลี(อ) และท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ซึ่งส่องสว่างทั่วพิภพ ทั้งภพแห่ง “มุลก์” และ “มะละกูต”[2] ต่างกันเพียงสถานะหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา อันไม่ใช่ สถานะหน้าที่ของนะบูวัต หรือ อิมามัต หรือ“วะอิลลา”  แต่ในทางจิตวิญญาณแล้วท่านหญิง (อ) ไม่มีความแตกต่างใดๆกับจิตวิญญาณของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และท่านอมีรุลมุอฺมีนีน(อ)เลย

สรุป : ฉากที่สามเป็นฉากครอบครัว หมายถึง มิติชีวิตทางครอบครัวของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ) อิมามเคเมเนอีย์ แนะนำให้เราศึกษาชีวิตของท่านหญิง(อ) ในฐานะ “แม่” ในฐานะ “ภรรยา” ในฐานะของสตรีที่สามีของตนเองออกไปทำศึกสงครามเป็นเวลายาวนาน แล้วเราจะพบว่า ท่านหญิงเป็นผู้ที่แบกรับทุกปัญหาและอุปสรรคนานัปการ เป็นผู้ที่ไม่เคยเรียกร้องหรือขอสิ่งใดจากสามีของตนเองแม้แต่เพียงครั้งเดียว แม้จะเป็นเรื่องปกติ แม้จะไม่ใช่เรื่องผิดที่ภรรยาจะขอบางสิ่งจากสามีของตนก็ตามนอกจากนี้อิมามคาเมเนอีย์ยังอธิบายด้วยว่า เหตุที่ท่านหญิง(อ)ถูกเรียกว่า อัซซะฮ์รอ ก็เพราะบทบาทการสนับสนุนท่านอิมามอาลี(อ) เพราะท่านคือแสงสว่างสำหรับครอบครัว และโลกหล้า เป็นแสงสว่างที่ปลอบประโลมจิตใจของท่านอมีรุลมุอฺมีนีน(อ)อยู่เสมอและตลอดไป
‎[1] بحارالانوار/کتاب تاریخ فاطمة و الحسن والحسین /ابواب تاریخ سیدة نساء العالمین/باب 2/حدیث 14
[2] อาละมุลมุลก์(علم المُلک) หมายถึง โลกแบบซอฮิร ส่วน อาละมุลมะละกูต(علم الملکوت) หมายถึง โลกแบบบาฏิน  ในอัลกุรอ่าน หากกล่าวถึง มะลากูต จะขึ้นด้วย ซุบฮาน «فَسُبْحانَ الَّذي بِيَدِهِ مَلَکُوتُ کُلِّ شَيْ‏ءٍ» แต่หากกล่าวถึงมุลก์ จะขึ้นโองการด้วย ตะบาร๊อก «تَبارَکَ الَّذي بِيَدِهِ الْمُلْکُ» 

 

อ้างอิง มนุษย์ 250 ปี เล่ม 3 หน้า  115