อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 14]บทบัญญัติว่าด้วยเรื่อง 12 อิมาม
อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 14]บทบัญญัติว่าด้วยเรื่อง 12 อิมาม
โดย เชคอันศอร เหล็มปาน
หลังจากการเป็นผู้นำและการเป็นตัวแทนคนต่อไปภายหลังท่านศาสดา ศ. ของท่านอะมีรุลมุมินีน อาลี อิบนิ อบีฏอลิบ ได้ถูกยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บัดนี้จะขอกล่าวถึงความเป็นผู้นำของอิมามทั้งหลายภายหลังจากท่านอิมาม อะลี อ. สรุปได้ว่า มีริวายะฮ์ต่าง ๆมากมายที่ถูกจารึกไว้ทั้งในตำราของมุสลิมชาวชีอะห์และอะฮ์ลุสซุนนะฮ์ ซึ่งทั้งหมดต่างกล่าวถึงสภาวะการเป็นผู้นำภายหลังจากท่านศาสดา ศ. ว่ามี 12 คน ไม่มากและน้อยกว่านั้นอีกแล้ว
ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ. ได้กล่าวถึงเรื่องตำแหน่งอิมามไว้ในหลาย ๆ วาระ ทั้งมุสลิมชาวชีอะฮ์ และชาวซุนนีห์ได้รายงานไว้ในตำราของตน บางครั้งจะพูดถึงเรื่องนี้ด้วยคำว่า อิมาม แต่บางครั้งก็ใช้คำว่า ค่อลีฟะฮ์ และบางครั้งใช้คำว่า วิลายะฮ์ หรือ อัล-อะมาเราะฮ์ (อำนาจบริหารการปกครอง) เช่น
บางครั้งจะพูดถึงเรื่องตำแหน่งผู้นำ 12 ด้วยคำว่า อิมาม
ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ. ได้กล่าวว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ : الْأَئِمَّةُ مِنْ بَعْدِيْ إثْناَ عَشَرَ، أوَّلُهُمْ أنْتَ ياَ عَلِيُّ، وَآخِرُهُم الْقاَئِمُ الَّذِيْ يَفَتْحُ اللهُ عَلَى يَدَيْهِ مَشَارِقُ الْأَرْضِ وَمَغَارِبُهَا
บรรดาอิมาม(ผู้นำ)ภายหลังจากฉันนั้นจะมี 12 คน คนแรก คือเจ้าโอ้อะลี และคนสุดท้ายของพวกเขาคือ อัล-กออิม ซึ่งอัลลอฮ์จะประทานชัยชนะให้ไว้ในมือทั้งสองของเขา ทั้งโลกทางตะวักออกและตะวันตก
บางครั้งจะพูดถึงเรื่องตำแหน่งผู้นำ ด้วยคำว่า ค่อลีฟะฮ์ มีฮะดีษจากท่านนบี ศ. ว่า
ท่านนบี ศ. กล่าวว่า “จะมีค่อลีฟะฮฺสำหรับพวกท่านสิบสองคน ทุกคนล้วนเป็นชาวกุเรช”
جابِرُ بنُ سَمُرَةَ: سَمِعتُ رَسولَ اللّهِ یومَ جُمُعَةٍ عَشِیةَ رُجِمَ الأَسلَمِی یقولُ: لا یزالُ الدّینُ قائِماً حَتّى تَقومَ السّاعَةُ، أو یکونَ عَلَیکمُ اثنا عَشَرَ خَلیفَةً، کلُّهُم مِن
قُرَیشٍ
صحیح مسلم، ج ۳، ص ۱۴۵۳، ح ۱۰؛
จากท่านญาบิร บินซะมุเราะฮฺ กล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ศ. กล่าวว่า “อิสลามยังคงอยู่อย่างมีเกียรติ จนกว่าจะมีสิบสองค่อลีฟะฮ์” หลังจากนั้นท่าน ศ. ได้กล่าวคำๆหนึ่ง ซึ่งฉันไม่เข้าใจจึงถามบิดาว่า “ท่านพูดอะไร” ท่านบิดาตอบว่า “ทุกคนเป็นชาวกุเรช”
บางครั้งจะพูดถึงเรื่องตำแหน่งผู้นำ ด้วยคำว่า อัล-อะม่าเราะห์[الأَمارة] มีฮะดีษจากท่านนบี ศ. ว่า
جابِرُ بنُ سَمُرَةَ: سَمِعتُ النَّبِی یقولُ: یکونُ اثنا عَشَرَ أمیراً. فَقالَ کلِمَةً لَم أسمَعها، فَقالَ أبی: إنَّهُ قالَ: کلُّهم مِن قُرَیشٍ
صحیح البخاری، ج ۶، ص ۲۶۴۰، ح ۶۷۹۶
จากท่านญาบิร บินซะมุเราะฮฺ กล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ศ. กล่าวว่า “อิสลามยังคงอยู่อย่างมีเกียรติ จนกว่าจะมี 12 อะมีร” หลังจากนั้นท่าน ศ. ได้กล่าวคำๆหนึ่ง ซึ่งฉันไม่เข้าใจจึงถามบิดาว่า “ท่านพูดอะไร” ท่านบิดาตอบว่า “ทุกคนเป็นชาวกุเรช”
บางครั้งจะพูดถึงเรื่องตำแหน่งผู้นำ ด้วยคำว่า“วิลายะฮ์” มีฮะดีษจากท่านนบี ศ. ว่า
عَنْ جَابِرِ بْنِ سَمُرَةَ، قَالَ سَمِعْتُ النَّبِيَّ صلى الله عليه وسلم يَقُولُ ” لاَ يَزَالُ أَمْرُ النَّاسِ مَاضِيًا مَا وَلِيَهُمُ اثْنَا عَشَرَ رَجُلاً ” فَقَالَ ” كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ
ص407 – كتاب فتح المنعم شرح صحيح مسلم – باب الناس تبع لقريش والخلافة في قريش
การปกครองยังคงผ่านไปเรื่อย ๆจนกว่าจะได้มีบุรุษจากพวกกุเรช สิบสองคนมาปกครองพวกเขา”
การแต่งตั้งบรรดาอิมาม อ. โดยการเอ่ยนาม
ยังมีริวายะฮ์ประเภทที่ท่านศาสดา ศ. ได้เอ่ยนามอิมามทั้ง 12 เช่น เชคสุลัยมาน กันดูซีย์ ผู้รู้ที่ทรงคุณวุฒิของอะฮ์ลุสซุนนะฮ์ได้บันทึกไว้ในหนังสือยะนาบิอุ้ลมะวัดดะฮ์ว่า
أَخْبَرَنِي أَبُو اَلْمُفَضَّلِ مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اَللَّهِ بْنِ اَلْمُطَّلِبِ اَلشَّيْبَانِيُّ قَالَ حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ مُطْرِقِ بْنِ سَوَادِ بْنِ اَلْحُسَيْنِ اَلْقَاضِي اَلْبُسْتِيُّ بِمَكَّةَ قَالَ حَدَّثَنِي أَبُو حَاتِمٍ اَلْمُهَلَّبِيُّ اَلْمُغِيرَةُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ مُهَلَّبٍ قَالَ حَدَّثَنَا عَبْدُ اَلْغَفَّارِ بْنُ كَثِيرٍ اَلْكُوفِيُّ عَنْ إِبْرَاهِيمَ بْنِ حُمَيْدٍ عَنْ أَبِي هَاشِمٍ عَنْ مُجَاهِدٍ عَنِ اِبْنِ عَبَّاسٍ قَالَ: قَدِمَ يَهُودِيٌّ عَلَى رَسُولِ اَللَّهِ صَلَّى اَللَّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ يُقَالُ لَهُ نَعْثَلٌ فَقَالَ يَا مُحَمَّدُ إِنِّي أَسْأَلُكَ عَنْ أَشْيَاءَ تَلَجْلَجُ فِي صَدْرِي مُنْذُ حِينٍ فَإِنْ أَنْتَ أَجَبْتَنِي عَنْهَا
يَا مُحَمَّدُ فَأَخْبِرْنِي عَنْ وَصِيِّكَ مَنْ هُوَ فَمَا مِنْ نَبِيٍّ إِلاَّ وَ لَهُ وَصِيٌّ وَ إِنَّ نَبِيَّنَا مُوسَى بْنَ عِمْرَانَ أَوْصَى إِلَى يُوشَعَ بْنِ نُونٍ فَقَالَ نَعَمْ إِنَّ وَصِيِّي وَ اَلْخَلِيفَةَ مِنْ بَعْدِي عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ عَلَيْهِ السَّلاَمُ وَ بَعْدَهُ سِبْطَايَ اَلْحَسَنُ وَ اَلْحُسَيْنُ تَتْلُوهُ تِسْعَةٌ مِنْ صُلْبِ اَلْحُسَيْنِ أَئِمَّةٌ أَبْرَارٌ قَالَ يَا مُحَمَّدُ فَسَمِّهِمْ لِي قَالَ نَعَمْ إِذَا مَضَى اَلْحُسَيْنُ فَابْنُهُ عَلِيٌّ فَإِذَا مَضَى فَابْنُهُ مُحَمَّدٌ فَإِذَا مَضَى فَابْنُهُ جَعْفَرٌ فَإِذَا مَضَى جَعْفَرٌ فَابْنُهُ مُوسَى فَإِذَا مَضَى مُوسَى فَابْنُهُ عَلِيٌّ فَإِذَا مَضَى عَلِيٌّ فَابْنُهُ مُحَمَّدٌ فَإِذَا مَضَى مُحَمَّدٌ فَابْنُهُ عَلِيٌّ فَإِذَا مَضَى عَلِيٌّ فَابْنُهُ اَلْحَسَنُ فَإِذَا مَضَى اَلْحَسَنُ فَبَعْدَهُ اِبْنُهُ اَلْحُجَّةُ بْنُ اَلْحَسَنِ بْنِ عَلِيٍّ عَلَيْهِ السَّلاَمُ فَهَذِهِ اِثْنَا عَشَرَ إِمَاماً
وَ إِنَّ اَلثَّانِيَ عَشَرَ مِنْ وُلْدِي يَغِيبُ حَتَّى لاَ يُرَى وَ يَأْتِي عَلَى أُمَّتِي زَمَنٌ لاَ يَبْقَى مِنَ اَلْإِسْلاَمِ إِلاَّ اِسْمُهُ وَ لاَ مِنَ اَلْقُرْآنِ إِلاَّ رَسْمُهُ فَحِينَئِذٍ يَأْذَنُ اَللَّهُ لَهُ بِالْخُرُوجِ فَيُظْهِرُ اَلْإِسْلاَمَ وَ يُجَدِّدُ اَلدِّينَ
ท่านมุญาฮิดได้รายงานจาก ท่านอิบนุ อับบาส (ร.ฎ.) ว่าได้มีชายยะฮูดีคนหนึ่งนามว่า นุษัล ได้มาหาท่านศาสดา ศ. และพูดกับท่านศาสดาว่า โอ้มุฮัมมัดฉันมีปัญหาหนักอกอยู่ในใจหลายประการ ซึ่งต้องการถามจากท่าน (หลังจากนั้นเขาได้ถามปัญหาต่างๆ และท่านศาสดาได้ตอบเขา จนมาถึงปัญหาผู้ที่เป็นตัวแทนของท่านศาสดา) ท่านศาสดา ศ. ได้ตอบว่า ตัวแทนของฉันคือ อาลีบุตรของอบู ฏอลิบ และหลังจากเขาหลานชายทั้งสองของฉัน ฮะซัน และ ฮุเซน และหลังจากทั้งสอง มีอิมามอีก 9 ท่านซึ่งมาจากเชื้อสายของ ฮุเซน
ยะฮูดี คนนั้นได้พูดต่อ ว่า ท่านช่วยบอกนามของเขาเหล่านั้นด้วย ท่านศาสดา ศ. กล่าวว่า หลังจากฮุเซน บุตรของเขา อาลี หลังจากอาลี บุตรของเขา มุฮัมมัด หลังจากมุฮัมมัด บุตรของเขา ญะอฺฟัรฺ หลังจากญะอฺฟัรฺ บุตรของเขา มูซา หลังจากมูซา บุตรของเขาอาลี หลังจากาะลี บุตรของเขา มุฮัมมัด หลังจากมุฮัมมัด บุตรของเขา ฮะซัน หลังจากฮะซัน บุตรของเขา มุฮัมมัดมะฮ์ดี พวกเขาทั้งหมดมี 12 คน ท่านศาสดา ศ. ได้พูดจนถึงประโยคที่ว่า อิมามที่สิบสอง เป็นบุตรหลานของฉัน เขาจะหายตัวไป จะไม่มีใครได้เห็นเขาอีก และเขาจะปรากฏตัวต่อประชาชาติอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออิสลามไม่มีอะไรเหลืออีกนอกจาก ชื่อของมัน และไม่มีอะไรหลงเหลือจากอัลกุรอาน นอกจากรูปลักษณ์ ในเวลานั้นอัลลอฮ์ จะอนุญาตให้เขาปรากฏตัวออกมาเพื่อ ฟื้นฟูอิสลามใหม่อีกครั้ง
นามของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ทั้ง 12
ชีอะฮ์ได้กล่าวว่า จำนวนอิมามมะอฺศูมีนหลังจากนบี ศ. นั้นก็คือ 12 ท่าน ไม่มากไปกว่านี้ และไม่น้อยไปกว่านี้อีก และแน่นอนที่สุด ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ. ได้กล่าวถึงรายนามของพวกเขา และระบุจำนวนของพวกเขาไว้ ดังนี้
ท่านอิมามอะมีรุลมุอฺมินีน อะลี บิน อะบีฏอลิบ อ. ประสูติ 10 ปีก่อนการบิอฺซัต (แต่งตั้งท่านมุฮัมมัดให้เป็นศาสดา) ชะฮีด ปี ฮ.ศ.ที่ 40 ฝังอยู่ ณ สุสานที่เมือง นะญัฟอัชรอฟ ประเทศอีรัก
ท่านอิมามฮะซัน บิน อะลี อ. มีฉายานามว่า มุจตะบา ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 3 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 50 ฝังอยู่ ณ สุสานญันนะตุลบะกีอฺ เมืองมะดีนะฮฺ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ท่านอิมามฮุซัยนฺ บิน อะลี อ. มีฉายานามว่า ซัยยิดุชชุฮะดา ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 4 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 61 ฝังอยู่ ณ สุสานเมือง กัรบะลา ประเทศอีรัก
ท่านอิมามอะลีบิน ฮุซัยนฺ อ. มีฉายานามว่า ซัยนุลอาบิดีน ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 38 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 94 ฝังอยู่ ณ สุสานญันนะตุลบะกีอฺ เมืองมะดีนะฮฺ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ท่านอิมามมุฮัมมัด บิน อะลี อ. มีฉายานามว่า บากิรุลอุลูม ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 57 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 114 ฝังอยู่ ณ สุสานญันนะตุลบะกีอฺ เมืองมะดีนะฮฺ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ท่านอิมามญะอฺฟัร บิน มุฮัมมัด อ. มีฉายานามว่า ซอดิก ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 83 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 148 ฝังอยู่ ณ สุสานญันนะตุลบะกีอฺ เมืองมะดีนะฮฺ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ท่านอิมามมูซา บิน ญะอฺฟัร อ. มีฉายานามว่า อัลกาซิม ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 128 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 183 ฝังอยู่ ณ สุสานเมืองกาซิเมน ประเทศอิรัก
ท่านอิมามอะลีบิน มูซา อ. มีฉายานามว่า อัรริฏอ ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 148 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 203 ฝังอยู่ ณ สุสานเมืองโคราซาน (มะชัด) ประเทศอิหร่าน
ท่านอิมามมุฮัมมัด บิน อะลี อ. มีฉายานามว่า ญะวาด ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 195 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 220 ฝังอยู่ ณ สุสานเมืองกาซิเมน ประเทศอิรัก
ท่านอิมามอะลีบิน มุฮัมมัด อ. มีฉายานามว่า ฮาดี ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 212 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 254 ฝังอยู่ ณ สุสานเมืองซามัรรอ ประเทศอิรัก
ท่านอิมามฮะซัน บิน อะลี อ. มีฉายานามว่า อัซการียฺ ประสูติ ปี ฮ.ศ. ที่ 232 ชะฮีด ปี ฮ.ศ. ที่ 260 ฝังอยู่ ณ สุสานเมืองซามัรรอ ประเทศอิรัก
ท่านอิมามมุฮัมมัด บิน ฮะซัน อ. ถูกรู้จักในนามของ อิมามฮุจญัต หรืออิมามมะฮ์ดี
อิมามมะฮ์ดี อ. ท่านเป็นอิมามที่ 12 มีชีวิตอยู่ตราบจนถึงปัจจุบันในสภาพที่เร้นกายตามพระบัญชา ของอัลลอฮ์ ซบ. และจะปรากฏกายอีกครั้งตามพระประสงค์ของพระองค์ ซึ่งเป็นไป ตามสัญญาที่อัลกุรอานได้กล่าวไว้ในซูเราะฮ์นูร:54, เตาบะฮฺ:33, ฟัตฮฺ:28, ซอฟ:9, และฮะดีซมุตะวาติร ที่กล่าวว่าอิสลามจะปกครองทั่วแผ่นดิน
ชีวประวัติของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ อ.บันทึกอยู่ในตำราประวัติศาสตร์ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากตำราเหล่านั้น ซึ่งไม่อาจที่จะนำมากล่าวในหนังสือที่มี ความจำกัดในเนื้อหาสาระ ส่วนประเด็นที่กล่าวว่า ท่านอิมามมะฮ์ดีย์ อ. ยังมีชีวิตอยู่ ตราบจนถึงปัจจุบันเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ที่ทรงทำให้โลกไม่ปราศจาก เหตุผลของพระองค์ ส่วนรายระเอียดและเหตุผลจะนำเสนอในข้อต่อไป อินชาอัลลอฮ์