ในวันที่ท่านอิมามมะฮ์ดี อ. ปรากฏกาย ประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านคือ อิมามมะฮ์ดี ตัวจริง…?
ในวันที่ท่านอิมามมะฮ์ดี อ. ปรากฏกาย ประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านคือ อิมามมะฮ์ดี ตัวจริง…?
เมื่ออิมามมะฮ์ดีปรากฏกาย ประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่าท่าน คือ อิมามมะฮ์ดี อ. ที่ทุกคนรอคอยอยู่จริง ? พูดง่ายๆ รู้ได้ไงว่าเป็น ตัวจริง
divider
มีผู้ตั้งคำถามว่า ในวันที่ท่านอิมามมะฮ์ดี อ. ปรากฏกาย ประชาชนทั่วไปจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านคือ อิมามมะฮ์ดี ตัวจริง…?
ข้าพเจ้าจะขอทำความเข้าใจง่ายๆ สั้นๆ ด้วยคำอธิบายที่เรียบง่ายอย่างนี้ว่า
1. ความศรัทธาต่ออิมามมะฮ์ดี อ. และการรู้จักท่าน อ. ก่อนการปรากฎกาย
กล่าวคือ การสร้างความรักความศรัทธาต่อองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. และการสร้างความสัมพันธ์ต่อท่านอิมามมะฮ์ดี อ. ด้วยกับการศึกษาเรื่องราวของท่านอย่างถ่องแท้ ในแง่มุมต่างๆ ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์โดยผ่านท่านให้เราได้รู้จักกับอิมาม อ. อย่างผู้ที่ควรรู้จักจริงๆ สิ่งเหล่านี้แหละจะเป็นเกราะกำบังให้กับเราท่านได้หลุดพ้นจากผู้แอบอ้างที่จอมปลอมทั้งหลาย
ท่านอิมามศอดิก อ. กล่าวว่า :
“บุคคลที่ยอมรับในความสัตย์จริงของอิมามมะฮ์ดี อ.(ในวันที่ท่านปรากฏกาย)คือผู้ที่มีความศรัทธาที่มั่นคงมาก่อนแล้ว”เมื่อเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และเรียนรู้ถึงคุณลักษณะที่จำเป็นต่างๆของผู้เป็นอิมามในฐานะตัวแทนของพระองค์แล้ว เขาก็ไม่ต้องหวาดหวั่นสิ่งใดอีก เพราะเมื่อถึงเวลานั้น พระองค์จะเปิดหัวใจของเขา และทำให้เขาได้ประจักษ์ชัดว่า นั้นคือ อิมามมะฮ์ดี อ. บุรุษที่โลกรอคอย ดังที่พระองค์ทรงแจ้งข่าวดีแก่ผู้ที่เพียรพยายามและศรัทธามั่นต่อพระองค์ พระองค์จะเป็นผู้ชี้หนทางแก่เขาเอง เมื่อเวลานั้นมาถึง
وَالَّذِينَ جَاهَدُوا فِينَا لَنَهْدِيَنَّهُمْ سُبُلَنَا
และบรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรนในทางของเราแน่นอนเราจะชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาสู่ทางของเร
ฉะนั้นหน้าที่ของศรัทธาชน ณ ตอนนี้ หาใช่เวลาที่จะถามว่า เราจะรู้จักอิมาม อ. ได้อย่างไรเมื่อท่านปรากฏกาย แต่ต้องถามว่า วันนี้เรารู้จักอิมาม อ. แห่งยุคสมัยของเราดีพอแล้วหรือยัง ? เพราะบุคคอลที่ไม่รู้จักอิมามแห่งยุคสมัยของตน เขาผู้นั้นถูกเปรียบเปรยว่า ตายเยี่ยงพวกญาฮิลียะฮ์ ดังวจนะของท่านร่อซูล ศ. ที่ว่า
مَنْ ماتَ وَ لَمْ يَعْرِفْ إمامَ زَمانِهِ ماتَ مَيْتَةً جاهِلِيَّةً
“ผู้ใดที่ตายลงโดยที่เขาไม่รู้จักอิมามแห่งยุคสมัยของเขา เขาได้ตายในสภาพ ญาฮิลียะฮ์”(ยุคโฉดเขลาก่อนอิสลาม)
2. ท่านอิมามมะฮ์ดี อ. ปรากฎกายมาเพื่อการปฏิวัติโลก
พระประสงค์ของพระเจ้าปรารถนาให้อิมามท่านสุดท้ายเป็นผู้กอบกู้โลก และมาปฎิวัติโลก ไม่ใช่มาในฐานะนักดาอีฮ์(นักเผยแพร่)ทั่วไปที่มักชอบแอบอ้างกัน
ท่านอิมาม อ. มาพร้อมกับคำประกาศที่กึกก้องที่ดังกระหึ่มไปทั่วโลก และจะไม่มีผู้ใดที่จะไม่ได้ยินคำประกาศนี้ของท่าน แม้พวกเขาจะอยู่ในหุบเขาที่ไกลโพ้นก็ตาม
ดังนั้น เมื่อท่านปรากฎกาย การปฏิวัติโลกของท่านก็จะเกิดขึ้น กลุ่มมหาอำนาจและซาตานตัวใหญ่ก็จะเริ่มต่อต้านท่าน เมื่อนั้นแหละสงครามโลกก็จะอุบัติขึ้นและมันก็จะจบลงด้วยการพิชิตโลกทั้งผองของท่านอิมามมะฮ์ดี อ. ตามคำพยากรณ์ ฉะนั้นจะมีอะไรให้สงสัยอีก ว่า “ท่านไม่ใช่อิมามมะฮ์ดี อ.” พระองค์อัลลอฮ์ทรงตรัสถึงวันที่อิสลามได้พิชิตโลกไว้ในซูเราะห์อัล-นัศร์ อายะที่ 1-2 ว่า
« إِذَا جَاء نَصْرُ اللَّهِ وَالْفَتْحُ وَرَأَيْتَ النَّاسَ يَدْخُلُونَ فِي دِينِ اللَّهِ أَفْوَاجًا»
เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ และการพิชิตได้มาถึง เจ้าก็จะได้เห็นประชาชนทยอยกันเข้ามาในศาสนาของอัลลอฮ์เป็นกลุ่ม ๆ เป็นกลุ่มๆ
(ฉะนั้น จงอย่ากลัวไปเลยว่าเราจะแยกแยะอิมามมะฮ์ดีไม่ได้ แต่จงกลัวมากกว่า ก็คือ เราจะได้เป็นทหารของท่านหรือไม่ เพราะความศรัทธาที่อ่อนแอของเรา)
3. การปรากฎกายขออิมามมะฮ์ดี อ. จะมาพร้อมกับเครื่องหมาย และสัญญาณต่าง ๆ ที่ประจักษ์ชัด และจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้คนว่า นั้นคือ ท่านอิมามมะฮ์ดี อ. จริง ๆ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้แอบอ้างตน
ฉะนั้น การกล่าวอ้างการปรากฏกาย (ซุฮูร) ก่อนการเกิดขึ้นของสัญญาณต่างๆเหล่านี้ คือเรื่องโกหกและเป็นสิ่งมดเท็จ ตัวอย่างรายงานฮะดีษที่ระบุถึงสัญญาณต่างๆก่อนการมาของท่านอิมามมะฮ์ดี อ. ไว้ เช่นท่านอิมามซัจญาด อ. กล่าวว่า :
“แท้จริงเรื่อง (การมา) ของกออิม (อิมามมะฮ์ดี) เป็นสิ่งที่แน่นอนจาก อัลลอฮ์ และเรื่อง (การมา) ของซุฟยานี ก็เป็นสิ่งที่จะเกิดอย่างแน่นอนจากอัลลอฮ์ และกออิมจะไม่ปรากฏตัวนอกจากมาพร้อมกับซุฟยานี”
ท่านอิมามซอดิก อ. กล่าวว่า :
“การปรากฏตัว (และการยืนหยัดขึ้น) ของบุคคลสามคนคือ คูรอซานี ซุฟยานี และยะมานี จะเกิดขึ้นในปีเดียวกัน ในเดือนเดียวกัน ในวันเดียวกัน”
ท่านอิมามอะลี อ. กล่าวว่า :
“และบุรุษผู้หนึ่งจากครอบครัว (อะฮ์ลุลบัยต์) ของฉันจะปรากฏตัวขึ้นในแผ่นดินฮะรอม (กะอ์บะฮ์) เมื่อข่าว (การปรากฏตัวของเขา) ไปถึงซุฟยานี เขาจะส่งทหารกองทัพหนึ่งของตนไปยังเขา ดังนั้นเขาจะทำสงครามกับทหารเหล่านั้น และเมื่อนั้นตัวซุฟยานีเองจะออกเดินทางไปพร้อมกับผู้ร่วมทางของตนเพื่อทำสงครามกับเขา จนกระทั่งเมื่อผ่านแผ่นดิน (ที่มีชื่อว่า) “บัยดาอ์” ธรณีจะสูบพวกเขา โดยที่จะไม่มีคนใดจากพวกเขารอดชีวิตไปได้ นอกจากเพียงคนเดียวที่จะแจ้งข่าวเกี่ยวกับพวกเขา”
4. เมื่ออิมามมะฮ์ดี อ. ปรากฎกาย ท่านนบีอีซา อ. ก็จะกลับมาอีกครั้งเพื่อเชื่อเหลือในภาระกิจของท่านอิมามมะฮ์ดี
เมื่อนบีอีซา อ. ลงมาช่วยเหลือท่านอิมามมะฮ์ดี อ. แน่นอนว่ากลุ่มคนที่เป็นประชาชาติของท่าน ต่างก็จะทยอยกันมาช่วยเหลือ และวันนั้นเราคงจะได้เห็นการรวมกันเป็นหนึ่งของคนจากสองศาสนา คริสและอิสลาม และรวมไปถึงมนุษย์ที่มีหัวใจเป็นธรรม และรักความยุติธรรม รังเกียจการกดขี่ ก็จะทยอยเข้าสัตยาบันต่อท่านอิมามมะฮ์ดี อ. เมื่อเป็นเช่นนี้จะมีอะไรให้สงสัยอีกว่า “ท่านไม่ใช่อิมามมะฮ์ดี อ. ที่โลกรอคอย”
หนังสือศอฮิห์มุสลิม ในหมวด กิตาบุล อิมาน ได้กล่าวถึงเรื่อง อิมามมะฮ์ดี อ. โดยมีรายงานจาก อบู ฮุรอยเราะฮ์ ว่า ท่านนบี ศ. ได้กล่าวว่า
“ท่านทั้งหลายมีความเห็นเป็นเช่นไร หากว่า อิบนิ มัรยัม (ท่าน นบี อีซา) จะลงมาจากฟากฟ้า และผู้นำท่านก็มาจากพวกท่าน”
มีฮะดีษบทหนึ่ง จากศ่อฮิห์มุสลิม ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า มีรายงานจากท่าน ญาบิร ได้ยินท่านร่อซูล ได้กล่าวว่า
“จะมีชนกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันที่ยังคงสู้ต่อไป เพื่อให้สัจธรรมปรากฏขึ้น จะกระทั่งถึงวันกิยามะห์ ท่านนบี ได้กล่าวต่อไปอีกว่า และอีซา อิบนิ มัรยัม ก็จะลงมาจากฟากฟ้า และผู้นำของพวกเขา ก็จะกล่าวแก่ นบีอีซา ว่าเชิญท่านมาเป็นอิหม่ามนำละหมาดพวกเราเถิด ท่านนบีอีซา ตอบว่า ไม่ได้หรอก เพราะพวกท่านทั้งหลายนั้นต่างก็มีผู้นำอยู่แล้ว ที่อัลลอฮฺ ได้ทรงให้เกียรติ สำหรับประชาชาตินี้”
คำว่า “ผู้นำ” ที่ถูกระบุในฮะดีษนี้ ก็คือ อิมามมะฮ์ดี อ. นั่นเอง เพราะมีรายงานฮะดีษ ที่ปรากฏอย่างชัดเจน (ว่าคือ อิมามมะฮ์ดี ) ในสายสืบของท่านฮาริษ บิน อะบี อุซามะต์ โดยรายงานมจากท่านญาบิร บิน อับดุลลอฮฺ ซึ่งท่านนบี ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า
“อีซา อิบนิ มัรยัม จะลงมา (จากฟากฟ้า) และผู้นำพวกเขา คือ อิมามมะฮ์ดี อ. จะกล่าวกับอีซาว่า ขอเชิญท่าน มานำละหมาดพวกเราเถิด อีซากล่าวว่า ไม่หรอก แท้จริงพวกเขาก็มีผู้นำซึ่งกันและกันที่อัลลอฮ์ ทรงให้เกียรติ แก่ประชาชาตินี้อยู่แล้ว”
(ท่าน อิบนิ ก็อยยิม ได้กล่าวว่า หะดีษดังกล่าวนี้เป็นหะดีษที่มีสายสืบดีมาก)
نهم ربيعالاول سالروز آغاز ولايت و امامت و زعامت امام زمان عليهالسلام
ฉะนั้นจึงสรุปใจความได้ว่า :
ในวันที่ท่านอิมามมะฮ์ดี อ. ปรากฏตัว และประกาศการบัยอัต และเรียกร้องสู่การปกครองโลกภายใต้อำนาจรัฐที่มาจากอัลลอฮ์ ซ.บ. เป็นวันที่ชัดเเจ้งที่สุด จะไม่มีใครสงสัยในตัวของท่านอิมามมะฮ์ดี อ. แต่ที่ลุกขึ้นต่อต้าน ใช่ว่า พวกเขาไม่เชื่อว่านั้นคือ อิมามมะฮ์ดี อ. แต่พวกเขาต่อต้านในฐานะ ที่พวกเขาตั้งตนเป็นศัตรูกับท่านอิมามมะฮ์ดี ต่างหากเล่า
และในมุมกลับกันหากเป็นตัวปลอม หรือผู้แอบอ้าง จะผ่านไปกี่ปี หรือผ่านไปปีแล้วปีเล่า ก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆทั้งสิ้น อาจจะมีกระแสบ้าง แต่สักพักก็จะเงียบหายไป ดังที่เราเห็นมาตลอดในหน้าประวัติศาสตร์ แม้แต่ยุคปัจจุบันที่มีให้เห็นอยู่ตลอด เช่น ลัทธิบาไฮ ของบะฮาอุลลอฮ์ (พ.ศ 2360-2435) หรือลัทธิยะมานีปลอม ของอะห์มัด กอเฎี้ยะ (ในปี ค.ศ. 1999) ที่ไม่สามารถสร้างเเรงกระเพื่อมได้มากมายนัก และในที่สุดก็จะหายไปกับสายลม ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะนั้นคือ “ของปลอม”