การปรากฏตัว (ซุฮูร) ของอิมามมะฮ์ดี (อ.) จุดสิ้นสุดของฟิตนะฮ์ (วิกฤตการณ์ที่เลวร้าย) ของชาวยิวในโลก
การปรากฏตัว (ซุฮูร) ของอิมามมะฮ์ดี (อ.) จุดสิ้นสุดของฟิตนะฮ์ (วิกฤตการณ์ที่เลวร้าย) ของชาวยิวในโลก
ด้วยการสถาปนารัฐที่ผิดกฎหมายของอิสราเอลและการแย่งชิงดินแดนปาเลสไตน์ วิกฤตการณ์ที่เลวร้าย (ฟิตนะฮ์) ในโลกอิสลามได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นและจนถึงปัจจุบันนี้เลือดของประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากมายได้ถูกหลั่งลงสู่พื้นดิน ตามการแจ้งข่าวถึงอนาคตจากคำพูดของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ฟิตนะฮ์ (วิกฤตการณ์) ครั้งใหญ่นี้จะสิ้นสุดลงได้ด้วยการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) เท่านั้น
จนถึงขณะนี้มีการสังหารหมู่เกิดขึ้นมากมายในหมู่ประชาชาติอิสลาม แต่หลังจากการยึดครองปาเลสไตน์และการสถาปนาระบอบการปกครองที่กระหายเลือดของอิสราเอล การสังหารหมู่เหล่านี้ได้เกิดขึ้นในรูปแบบที่แตกต่างไปจากยุคสมัยอื่นๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ด้วยการยืนหยัดขึ้นต่อสู้ (กิยาม) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) เครือข่ายของไซออนิสต์สากลจะถูกทำลายลง และแผนการและการสมคบคิดระหว่างประเทศของระบอบการปกครองที่ยึดครองนี้จะถูกถอนรากถอนโคน
ในยุคแรกของอิสลาม เมื่อชาวยิวผู้กดขี่ข่มเหงได้ยืนขึ้นเผชิญหน้าท่านศาสดาผู้ยิ่งของอิสลาม (ซ็อลฯ) และก่อการปลุกปั่นและสร้างความโกลาหลขึ้นเหมือนดังเช่นที่พวกเขาได้กระทำในอดีต พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำให้พวกเขาต้องกระจัดกระจายออกไปทั่วโลก ในคัมภีร์อัลกุรอานได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า :
هُوَ الَّذِي أَخْرَجَ الَّذِينَ كَفَرُوا مِنْ أَهْلِ الْكِتَابِ مِن دِيَارِهِمْ لِأَوَّلِ الْحَشْرِ مَا ظَنَنتُمْ أَن يَخْرُجُوا وَظَنُّوا أَنَّهُم مَّانِعَتُهُمْ حُصُونُهُم مِّنَ اللَّهِ فَأَتَاهُمُ اللَّهُ مِنْ حَيْثُ لَمْ يَحْتَسِبُوا وَقَذَفَ فِي قُلُوبِهِمُ الرُّعْبَ يُخْرِبُونَ بُيُوتَهُم بِأَيْدِيهِمْ وَأَيْدِي الْمُؤْمِنِينَ فَاعْتَبِرُوا يَا أُولِي الْأَبْصَارِ
"พระองค์คือผู้ทรงทำให้บรรดาชาวคัมภีร์ที่ไร้ศรัทธาออกไปจากบ้านเรือนของพวกเขา เป็นครั้งแรกของการถูกขับไล่ออกเป็นกลุ่มๆ พวกเจ้ามิได้คาดคิดกันเลยว่าพวกเขาจะออกไป (ในสภาพเช่นนั้น) และพวกเขาเองก็คิดว่าแท้จริงป้อมปราการของพวกเขานั้นจะป้องกันพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้ แต่การลงโทษของอัลลอฮ์ได้มายังพวกเขาโดยมิได้คาดคิดมาก่อนเลย และพระองค์ทรงทำให้ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขา โดยพวกเขาได้ทำลายบ้านเรือนของพวกเขาด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง และด้วยน้ำมือของบรรดาผู้ศรัทธา ดังนั้นพวกเจ้าจงยึดถือเป็นบทเรียนเถิด โอ้ผู้มีสติปัญญาทั้งหลายเอ๋ย" (1)
แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้ชาวยิวกระจัดกระจายออกไปด้วยมือของศาสนทูตของพระองค์ แต่พระองค์ทรงสัญญากับพวกเขาไว้ในคัมภีร์ต่างๆ ก่อนหน้านั้น ว่าพระองค์จะรวบรวมพวกเขาอีกครั้งในดินแดนแห่งพันธสัญญาก่อนวันกิยามะฮ์ (วันสิ้นโลก) ผลของคำสัญญานี้ได้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลง "บัลโฟร์" ที่น่าอัปยศ พร้อมกับการอพยพของชาวยิวจากทั่วโลกไปยังดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง จิกซออันชั่วร้ายนี้เสร็จสมบูรณ์ด้วยการสนับสนุนของรัฐบาลและสื่อต่างๆ ของตะวันตกต่อรัฐยิวใหม่ที่เรียกว่าอิสราเอลในปาเลสไตน์
พร้อมกับการเริ่มต้นของการสถาปนาระบอบการปกครองที่ผิดกฎหมายนี้ ความขัดแย้งต่างๆ ที่ลุ่มลึกได้ปรากฏขึ้นในหมู่ชาวมุสลิม และเบื้องหลังม่านของความขัดแย้งทั้งหมดนี้ สามารถมองเห็นมือที่ปลุกปั่นของอิสราเอลได้อย่างชัดเจน ทุกๆ วันที่ผ่านพ้นความขัดแย้งต่างๆ เหล่านี้ไป ความขัดแย้งใหม่ๆ ที่ลุ่มลึกยิ่งกว่าก็จะเกิดขึ้นติดตามมา และความหวังแห่งสันติภาพและการกลับมาของสันติภาพก็อ่อนแอลง และไฟแห่งความขัดแย้งและสงครามก็จะลุกโชนมากยิ่งขึ้นในมุมหนึ่งของโลกอิสลาม
วิกฤตการณ์ที่เลวร้ายและความโกลาหลเหล่านี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าผู้ช่วยให้รอดของโลกแห่งมนุษยชาติเพียงคนเดียวและผู้ที่คงเหลืออยู่คนสุดท้ายจากข้อพิสูจน์ (ฮุจญะฮ์) ของพระผู้เป็นเจ้าจะปรากฏตัว (ซุฮูร) ขึ้นและปลดปล่อยโลกมนุษย์จากไฟแห่งสงครามและความบาดหมางกัน (2) สิ่งที่ควรกล่าวถึงก็คือว่าก่อนที่แสงสว่าง (นูร) ของพระผู้เป็นเจ้าจะมาถึง ชาวมุสลิมไม่ควรละความพยายามในทิศทางของการเสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นปึกแผ่นในการยืนหยัดเผชิญหน้ากับศัตรูที่กระหายเลือด
แหล่งอ้างอิง :
1. อัลกุรอานบทอัลฮัชร์ โองการที่ 2
2. ซุกูฏ อิรออีล (การล่มสลายของอิสราเอล), ฮาหมัด ฟัตลาวี, หน้า 183, บุสตาน กิตาบ, แปลจากภาษาอาหรับเป็นภาษาเปอร์เซียโดย มุฮัมมัด บากิร ซุลก็อดร์
บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ