หลักฐานเกี่ยวกับการถือกำเนิดของท่านอิมามอัล-มะฮ์ดี อ. ในตำราชีอะห์และซุนนี่ห์
หลักฐานเกี่ยวกับการถือกำเนิดของท่านอิมามอัล-มะฮ์ดี อ. ในตำราชีอะห์และซุนนี่ห์
โดย เอกภาพ
ในส่วนการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับการการถือกำเนิดของ “อัล-มะฮ์ดี” การมีชีวิต การหายตัวและการยังไม่วะฟาตของท่านนั้น ในส่วนนี้ก็เช่นกัน นักปราชญ์บางส่วนของชาวซุนนะฮ์ก็ไม่ปฏิเสธและเป็นพวกที่เชื่อว่า “อัล-มะฮฺดี” นั้นคือ มุฮัมมัด บินฮะซัน อัล-อัซกะรี อ. อิมามที่ 12 จากบรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ อ. ท่านได้เกิดแล้ว
divider
การถือกำเนิดของท่านอิมามมะฮ์ดี อ.
รายงานจากท่านหญิงฮะกีมะฮ์ บุตรีของท่านอิมามญะวาด อ. กล่าวถึงการถือกำเนิดของท่านอิมามมะฮ์ดีย์ อ. ดังนี้ว่า
ท่านอิมามฮะซัน อัซการีย์ อ. ได้ส่งคนมาหาฉันเพื่อส่งข่าวแก่ฉันว่า คุณอาวันนี้ฉันขอเชิญละศีลอดที่บ้าน เนื่องจากเป็นวันที่ 15 เดือนชะอ์บานพอดี และในค่ำคืนนี้พระเจ้าจะประทานข้อพิสูจน์สุดท้ายของพระองค์ แก่ประชาโลก ฉันถามว่า มารดาของเขาเป็นใคร
อิมาม อ. ตอบว่า นัรญิซคอตูน ฉันกล่าวด้วยความแปลกใจว่า ฉันไม่เคยเห็นครรภ์ของนางเลย
อิมาม อ. กล่าวว่า ดังที่ฉันบอกกับอานั่นแหละ หลังจากนั้นฉันได้เข้าไปหาท่านหญิงนัรญิซ และกล่าวสลามให้นาง พร้อมกับนั่งลงใกล้ ๆ นาง ท่านหญิงพยายามเข้ามาใกล้ ๆ ฉัน นางจับมือฉัน และกล่าวแก่ฉันว่า โอ้นายหญิงของฉันท่านสบายดีหรือ
ฉันกล่าวแก่ท่านหญิงนัรญิซว่า ไม่ใช่ องค์หญิงต่างหากที่เป็นนายหญิงของพวกเรา และเป็นนายหญิงของครอบครัวของเรา นางไม่ยอมรับคำพูดของฉัน แต่กลับกล่าวแก่ฉันว่า โอ้ท่านอา ท่านพูดอะไรออกมา
ฉันกล่าวว่า โอ้บุตรีของฉัน คืนนี้พระผู้เป็นเจ้าจะประทานบุตรชายแก่เธอ เขาจะให้ความสดใส และความสุดแก่โลกนี้และโลกหน้า เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอได้เขินอาย
ท่านหญิงฮะกีมะฮฺ กล่าวอีกว่า หลังจากนมาซอิชาอ์ ฉันได้ละศีลอด และนอนพักอยู่บนเตียงของฉัน เวลาผ่านไปประมาณครึ่งคืน ฉันได้ลุกขึ้นเพื่อนมาซยามค่ำคืน เมื่อนมาซเสร็จฉันเห็นท่านหญิงนัรญิซ นอนหลับสนิทอยู่ โดยไม่มีท่าทีว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนาง หลังจากอ่านดุอาอ์หลังนมาซเสร็จสิ้น ฉันได้เผลอหลับไป และสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นท่านหญิงนัรญิซ กำลังนอนหลับเช่นเคย หลังจากนั้นไม่นานเธอได้ตื่นขึ้นเพื่อนมาซยามค่ำคืน เมื่อนมาซเสร็จเธอได้นอนหลับไป
ท่านหญิงฮะกีมะฮฺ กล่าวอีกว่า ฉันได้เดินออกมาข้างนอกเพื่อสำรวจท้องฟ้าหาแสงรุ่งอรุณ ฉันสังเกตเห็นแสงสีเงินแรก (แสงเงินที่มองเห็นก่อนอะซานซุบฮฺเล็กน้อย) ขณะที่ท่านหญิงนัรญิซยังนอนหลับอยู่ ฉันเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางหรือไม่ ขณะที่ฉันกำลังอ่านอัล-กุรอานบทอัซซัจญ์ดะฮ์ และยาซีนอยู่นั้น ทันใดฉันก็ได้ยินเสียงร้องเรียกของท่านอิมามฮะซัน อัซการีย์ อ. ว่า โอ้ท่านอา รีบเข้ามาเถิด นัรญิซ กำลังจะคลอด ฉันรีบเข้าไปอย่างรวดเร็วเห็นท่านหญิงนัรญิซกำลังเจ็บครรภ์ ฉันกล่าวว่า ขอให้พระนามของอัลลอฮ์ ทรงคุ้มครองเธอ ฉันถามเธอว่า รู้สึกเจ็บหรือไม่ ตอบว่า ใช่แล้ว อาฉันรู้สึกเจ็บมาก ฉันกล่าวว่า จงควบคุมสติให้ดี นี่คือสิ่งที่ฉันบอกแก่เธอก่อนหน้านี้ เวลานั้นฉันและท่านหญิงนัรญิซรู้สึกอ่อนเพลียมาก แต่ไม่นานนักฉันก็ได้ยินเสียงร้องของทารกแรกเกิด ฉันเตรียมผ้าพร้อมที่ห่อทารกน้อย ขณะนั้นฉันเห็นทารกกำลังอยู่ในท่าซัจญ์ดะฮ์ต่อพระเจ้า ฉันได้อุ้มทารกขึ้นมาพบว่าเนื้อตัวของเขาสะอาดและหอมกรุ่นไปหมด
ขณะนั้นท่านอิมามฮะซัน อัซการีย์ อ. ได้เรียกฉันและกล่าวกับฉันว่า โอ้ท่านอาโปรดนำบุตรชายของฉันมาให้ฉันเถิด ฉันอุ้มอิมามมะฮฺดีย์ ไปให้ท่านอิมามฮะซัน อัซการีย์ ท่านอิมามได้กอดบุตรชายด้วยความรักและหวงแหน และกล่าวว่า โอ้ลูกรักเจ้าจงพูดออกมา ฉันเห็นริมฝีปากของอิมามขยับพร้อมกับกล่าวว่า ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีสิ่งใดร่วมปนกับพระองค์ ฉันขอปฏิญาณว่ามุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์ หลังจากนั้นอิมามได้กล่าวขอความสันติให้อิมามอะลี อมีรุลมุอ์มินีน และบรรดาอิมามท่านอื่น ๆ จนถึงท่านอิมามฮะซัน อัซการีย์ อ. หลังจากนั้นอิมามได้สั่งให้ฉันนำทารกไปส่งคืนให้มารดา เพื่อเขาจะได้กล่าวสลามแก่มารดา
ท่านหญิงฮะกีมะฮฺ กล่าวอีกว่า วันรุ่งขึ้นฉันได้ไปบ้านอิมามฮะซัน อัซการีย์ อ. เพื่อเยี่ยมอิมาม เมื่อฉันกล่าวสลามแล้ว ฉันได้เปิดผ้าม่านออกเพื่อชมอิมาม แต่ฉันไม่พบอิมาม ฉันจึงถามบิดาผู้ทรงเกียรติของท่านด้วยความเป็นห่วงว่า เมาลาของฉันเป็นอะไรหรือไม่ อิมาม อ. ตอบว่า โอ้ท่านอาฉันได้มอบไว้แด่พระเจ้า ดังที่มารดาของมูซา อ. ได้มอบมูซาแก่พระองค์
ท่านหญิงฮะกีมะฮฺ กล่าวอีกว่า เมื่อย่างเข้าวันที่เจ็ด ฉันได้มาบ้านอิมาม อ. อีกครั้งเมื่อกล่าวสลามแล้ว ฉันได้นั่งลง อิมามฮะซัน อัซการีย์ อ. สั่งให้นำอิมามมะฮ์ดีย์มาให้ท่าน หลังจากนั้นท่านสั่งว่า โอ้ลูกรักจงพูดออกมา หลังจากนั้นฉันเห็นริมฝีปากของอิมามขยับ เมื่อกล่าวปฏิญาณยืนยันความเป็นเอกะของพระเจ้า สภาวะการเป็นศาสดา และกล่าวประสาทพรบรรดาอิมามก่อนหน้านั้น หลังจากนั้นท่านอ่านโองการนี้ว่า
وَنُرِيدُ أَن نَّمُنَّ عَلَى الَّذِينَ اسْتُضْعِفُوا فِي الْأَرْضِ وَنَجْعَلَهُمْ أَئِمَّةً وَنَجْعَلَهُمُ الْوَارِثِينَ وَنُمَكِّنَ لَهُمْ فِي الْأَرْضِ وَنُرِي فِرْعَوْنَ وَهَامَانَ وَجُنُودَهُمَا مِنْهُم مَّا كَانُوا يَحْذَرُونَ
และเราปรารถนาที่จะให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดิน และเราจะทำให้พวกเขาเป็นผู้นำ และทำให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอด และเราได้ให้พวกเขาปกครองแผ่นดิน และเราจะให้ฟิรเอาน์ และฮามานตลอดจนไพร่พลของเขาทั้งสอง ได้เห็นสิ่งที่พวกเขามีความกลัว
หลักฐานการถือกำเนิดของท่านอิมามอัล-มะฮ์ดี อ. ในตำราซุนนะห์
ในส่วนการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับการการถือกำเนิดของ “อิมามอัล-มะฮ์ดี” การมีชีวิต การหายตัวและการยังไม่วะฟาตของท่านนั้น ในส่วนนี้ก็เช่นกัน นักปราชญ์บางส่วนของชาวซุนนะฮ์ก็ไม่ปฏิเสธและเป็นพวกที่เชื่อว่า “อัล-มะฮฺดี” นั้นคือ มุฮัมมัด บินฮะซัน อัล-อัซกะรี อ. อิมามที่ 12 จากบรรดาอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยต์ อ. ท่านได้เกิดแล้ว และท่านยังมีชีวิตอยู่ และจะมาปรากฏในยุคสุดท้าย เพื่อทำให้แผ่นดินเต็มไปด้วยความเที่ยงธรรม และความยุติธรรม
และหากวิเคราะห์จะศึกษาต่อไป ก็จะพบว่านักปราชญ์ชาวซุนนะห์จำนวนไม่น้อยที่กล่าวถึงการเกิดของอิมามมะฮ์ดี อ. เพื่อเป็นกรณีศึกษา ข้าพเจ้าจะขอยกรายชื่อบางท่านจากปราชญ์ของชาวซุนนะห์ที่บันทึกไว้ว่า อิมามฮะซันอัซการีย์ มีบุตรชาย ชื่อ อัลมะฮ์ดี และคือ อัล-มะฮ์ดี ผู้ถูกรอคอย
อิบนุกะซีร อัลกามิล ฟิตตารีค เล่ม 6 หน้า 320(เสียชีวิต 630 ฮ.ศ)
อิบนุ กะซีร กล่าวว่า มุฮัมมัด อัลอัสการีย์(อิมามฮะซันฮัซการีย์)ท่านมีลูกชายชื่อว่า “มุฮัมมัด” ซึ่งตามความเชื่อของอิมามียะฮ์ เขาคือ อัลมะฮ์ดี ผู้ถูกรอยคอย
وَفِيهَا تُوُفِّيَ الْحَسَنُ بْنُ عَلِيِّ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ مُوسَى بْنِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ، عَلَيْهِ السَّلَامُ، أَبُو مُحَمَّدٍ الْعَلَوِيُّ الْعَسْكَرِيُّ، وَهُوَ أَحَدُ الْأَئِمَّةِ الِاثْنَى عَشَرَ، عَلَى مَذْهَبِ الْإِمَامِيَّةِ، وَهُوَ وَالِدُ مُحَمَّدٍ الَّذِي يَعْتَقِدُونَهُ الْمُنْتَظَرَ بِسِرْدَابِ سَامَرَّا ; وَكَانَ مَوْلِدُهُ سَنَةَ اثْنَيْنِ وَثَلَاثِينَ وَمِائَتَيْنِ
อิบนุ ฮะญัร มักกีย์(เสียชีวิต 975 ฮ.ศ.) บันทึกไว้ว่า
وَلم يخلف غير وَلَده أبي الْقَاسِم مُحَمَّد الْحجَّة وعمره عِنْد وَفَاة أَبِيه خمس سِنِين لَكِن آتَاهُ الله فِيهَا الْحِكْمَة وَيُسمى الْقَائِم المنتظر
الصواعق المحرقة ج2 ص601 المؤلف: أحمد بن محمد بن علي بن حجر الهيتمي السعدي الأنصاري، شهاب الدين شيخ الإسلام، أبو العباس (المتوفى: 974هـ
มุฮัมมัด อัล-อัซการีย์ ไม่มีลูกชายอีก นอกจาก อบุลกอซิม มุฮัมมัด อัล-ฮุจญะฮ์(อิมามมะฮ์ดี)ซึ่่งเขา(อิมามมะฮ์ดี)มีอายุ 5 ขวบในวันที่บิดาของท่านได้จากไป แต่อัลลอฮ์ ซ.บ. ก็ประทานวิทยปัญญาให้ในขณะที่ท่านเยาว์วัย และถูกขนานนามว่า “มุนตะซ็อร” (ผู้ถูกรอคอย)
อบุล ฟิดาฮ์ ได้เขียนไว้ในหนังสือ อัลมุกตะศ็อร ฟี อักบาริล บะชัร ถึงท่านอิมามฮะซัน อัสการีย์ อ. ว่า :
ปีประสูติ ฮะซัน อัสการีย์ ปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 230 และเสียชีวิตในปีฮิจเราะห์ที่ 260 และถูกฝังไว้ใกล้หลุมของผู้เป็นบิดา อะลี อัซซะกีย์(อิมามฮาดี อ.)ฮะซัน อัสการีย์ ผู้นี้คือ บิดาของ มุฮัมมัด จ้าวแห่ง ซัรดอบ และ มุฮัมมัด ผู้นี้คือ มุนตะซ็อร(ผู้ถูกรอคอย) เขาคือ อิมามท่านที่ 12 ในความเชื่อของอิมามียะฮ์ และเขาถูกเรียกขานว่า อัล-กออิม ,อัล-มะฮ์ดี และ อัล-ฮุจญะฮ์ ซึ่งประสูติในปีที่ 255 ฮ.ศ.
المذكور، في سنة ثلاثين ومائتين، وتوفي في سنة ستين ومائتين في ربيع الأول، وقيل في جمادي الأولي، بسرمن رأي، ودفن إِلي جانب أبيه علي الزكي المذكور، والحسن العسكري المذكور، هو والد محمد المنتظر، صاحب السرداب، ومحمد المنتظر المذكور هو ثاني عشر الأئمة الاثني عشر، علي رأي الإِمامية، ويقال له القائم، والمهدي، والحجة. وولد المنتظر المذكور، في سنة خمس وخمسين ومائتين
المختصر في أخبار البشر ج 2 ص
มัสอูดีย์ ชาฟีอีย์ บันทึกไว้ในหนังสือ มุรุญูจ ซะฮับ ว่า
ในปี ฮ.ศ. 260 อบู มุฮัมมัด ฮะซัน บิน อะลี(อิมามอัซการีย์)ได้เสียชีวิตลง ในขณะที่มีอายุ 29 ปี ในสมัยการปกครองของ มุฮ์ตะมิต เขา คือบิดาของ มะฮ์ดี ผู้ถูกรอคอย ผู้เป็นอิมามท่านที่ 12 ของมัซฮับอิมามียะฮ์
وفی سنة ستین ومائتین قبض أبو محمد الحسن بن علی بن محمد بن علی بن موسى بن جعفر بن محمد بن علی بن الحسین بن علی بن أبی طالب علیهم السلام فی خلافة المعتمد، وهو ابن تسع وعشرین سنة، وهو أبو المهدی المنتظر، والإِمام الثانی عشر عند القطِعیة من الإِمامیة
مروج الذهب.ج4 ص160.ط المکتبة العضریة
อิบนุ ศิบาฆ มาลิกี หนังสือ “ฟูศูลุล-มุฮิมมะฮฺ”
อัล-ก็อนดูซี อัล-ฮะนะฟี หนังสือ “ยะนาบีอุล-มุวัดดะฮฺ”