อิมามมุฮัมมัด บากิร ผู้วางรากฐานการศึกษาในโลกอิสลาม
อิมามมุฮัมมัด บากิร ผู้วางรากฐานการศึกษาในโลกอิสลาม
อิมามมุฮัมมัด บากิร (อ) อิมามท่านที่ห้าของโลกมุสลิมชีอะฮ์อิมามียะฮ์ ผู้สืบเชื้อสายมาจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) โดยตรง ถือกำเนิดในปีที่ 57 ของฮิจเราะฮ์ศักราช ณ นครมะดีนะฮ์ ช่วงเวลาแห่งการดำรงตำแหน่งเป็นผู้ปกครอง หรืออิมามแห่งมนุษยชาติ รวมทั้งสิ้น 18 ปี ท่านเสียชีวิตในปีที่ 114 ของฮิจเราะฮ์ศักราช และร่างของท่านถูกฝังในสุสานอันมีชื่อเสียง นั่นคือ สุสานบะกีอ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับหลุมฝังศพบิดา และท่านตา (ศาสดามุฮัมมัด (ศ) ของท่าน ในนครมะดีนะฮ์
ในสมัยการดำรงตำแหน่งการเป็นผู้นำประชาชาติอิสลาม ของท่านอิมามมุฮัมมัด บากิร (อ) คือยุคสมัยที่ความรู้ของอิสลามได้ถูกเผยแผ่ออกไปอย่างแพร่หลายมากที่สุด ถึงแม้ว่าบรรดาศัตรูของวงศ์วานอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ในคราบมุสลิมจอมปลอมจะคอยขัดขวางและทำลายอยู่ตลอดเวลาก็ตาม แต่สามารถที่จะกล่าวได้ว่าในยุคของท่าน คือยุคแห่งการก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาการความรู้แห่งอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องก่อนหน้านี้บรรดาอิมาม (อ) ทุกท่านล้วนแต่อยู่ในภาวะที่ถูกบีบบังคับ และได้รับความกดดันจากผู้ปกครองที่กดขี่อย่างมาก
ทว่าในยุคของท่านอิมามมุฮัมมัดบากิร (อ) เป็นยุคที่บนีอุมัยยะฮ์กำลังอยู่ในภาวะแห่งการล่มสลาย จึงทำให้ภาวะความกดดันจากผู้ปกครองของราชวงศ์บนีอุมัยยะฮ์จึงน้อยลง และความเสียหายของอิสลามในยุคที่บนีอุมัยยะฮ์เรืองอำนาจ โดยการทำลายรายงาน (ฮาดีษ) เกี่ยวกับบทบัญญัติ (ฟิกฮ์) ของชีอะฮ์ไปเป็นจำนวนมาก
ฮะดีษ (รายงาน) ต่างๆ ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ที่ได้ถูกบันทึกไว้อย่างมากมายได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก แต่ฮะดีษ (รายงาน) เท็จในนามของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ที่ออกมาจากวังเขียวของมุอาวิยะฮ์กลับมีอยู่อย่างดาษดื่น โดยการใช้เงินว่าจ้างบรรดาผู้อ้างตนว่าเป็นสาวกของศาสดามุฮัมมัด (ศ) และบรรดาผู้รู้จอมปลอมที่ขายตัวเป็นทาสเงินตราของมุอาวิยะฮ์ให้แต่งฮะดีษเหล่านั้นขึ้นมา
วจนะต่างๆ ที่ถูกกุขึ้นมาในนามของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) โดยสมุนรับใช้ของมุอาวียะฮ์มีมากมาย ซึ่งสามารถค้นหาได้ในหนังสือรวบรวมรายงานของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ในยุคปัจจุบัน เช่นการรายงานจากสาวกบางคนของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับท่านศาสดา (ศ) เพียงไม่กี่ปี แต่กลับมีการรายงานฮาดีษของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) นับพันฮาดีษ มากกว่าท่านหญิงฟาติมะฮ์ (อ) เป็นสิบๆ เท่าตัว ทั้งๆ ที่ท่านหญิงเป็นบุตรีของท่านศาสดา (ศ) เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับท่านศาสดา (ศ) อยู่ใกล้ชิดกับท่านศาสดาเป็นระยะเวลาสิบกว่าปี
จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มุสลิมในยุคปัจจุบันล้าหลัง เพราะมุสลิมในยุคปัจจุบันขาดความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับอิสลาม และอัลกุรอาน มุสลิมในยุคปัจจุบันมีเฉพาะวิชาการที่มั่วซั่วไปหมดซึ่งถูกรวบรวมเอาไว้โดยมุอาวียะฮ์และสมุนของมัน
ในยุคการปกครองของบนีอุมัยยะฮ์นอกจากการกุฮาดีษแล้ว การฆ่าล้างวงศ์ตระกูลของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ก็เป็นอีกภารกิจหนึ่ง แต่เมื่อเข้าสู่ยุคแห่งการล่มสลายของราชวงศ์บนีอุมัยยะฮ์ จึงเป็นโอกาสทองของท่านอิมามมุฮัมมัดบากิร (อ) ซึ่งก่อนหน้าท่านเป็นยุคสมัยของท่านอิมามสัจญาด (อ) ท่านได้ใช้เวลาตลอด 35 ปีขณะที่ดำรงตำแหน่งอิมาม ในการอบรมสั่งสอนวิชาการอิสลาม และสร้างมุสลิมสายเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทนสายเลือดเก่า ที่ทรยศและเป็นกบฏต่อคำสั่งเสียสุดท้ายของท่านศาสดา (ศ) และเท่ากับเป็นการสร้างฐานกำลังที่สำคัญสำหรับอิมามมุฮัมมัดบากิร (อ)
ในยุคของท่านอิมามมุฮัมมัดบากิร (อ) จึงเป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดีต่อการเผยแผ่วิชาการแห่งอิสลามที่แท้จริง เนื่องจากเกิดความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรงของราชวงศ์บนีอุมัยยะฮ์ พวกมันจึงไม่มีเวลาใส่ใจต่อประชาชนเท่าใดนัก ท่านอิมามมุฮัมมัดบากิร (อ) จึงฉวยโอกาสในช่วงนี้ทำการเผยแผ่วิชาการของอิสลาม และอะห์กามของอหลุลบัยต์ จนสามารถสร้างลูกศิษย์ที่มีคุณภาพจำนวนมากมายมอบให้กับโลกอิสลาม
ท่านอิมามบากิร (อ) คือผู้วางรากฐานการพัฒนาทางด้านการศึกษาของโลกอิสลาม ท่านได้เผยแพร่หลักสัจธรรม และคำสั่งสอนแห่งพระผู้เป็นเจ้า และได้อธิบายถึงปัญหาต่างๆ ทางวิชาการ และได้ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวทางด้านวิชาการอย่างกว้างขวางในสมัยของท่าน
ถึงแม้ว่า วิชาการแห่งอิสลามจะรุ่งเรืองที่สุดในยุคของท่าน อิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ) แต่ทว่าผู้วางรากฐานที่แท้จริงคือ อิมามมุฮัมมัด บากิร (อ)
ท่านอิมามบากิร (อ) เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่บุคคลชั้นแนวหน้าของบะนีฮาชิม ในด้านวิชาการความรู้ ความสมถะ ความยิ่งใหญ่ และความประเสริฐ และตำแหน่งดังกล่าวที่ท่านมีข้างต้น ต่างเป็นที่ยอมรับในหมู่มิตรสหาย และเหล่าบรรดาศัตรู ถึงขนาดกับว่า มีคำรายงานในเรื่องของปัญหา และเรื่องศาสนบัญญัติอิสลาม ประวัติศาสตร์อิสลาม และวิชาการสาขาแขนงต่างๆ ได้ถูกรายงานมาจากท่านอิมาม ซึ่งจนในปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ถึงแม้ว่าอิมามมุฮัมมัดบากิร (อ) จะมุ่งแค่การสอนสั่งวิชาการ และเผยแผ่ศาสนา แต่นักปกครองในตระกูลอุมัยยะฮ์ ก็ไม่สามารถจะทนรับสภาพการดำรงอยู่ของอิมามบากิร (อ) ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประชาชนได้ตระหนักถึงเกียรติคุณ และวิชาการของท่านอิมาม (อ) บุคลิกภาพทั้งในด้านจริยธรรม และมนุษยธรรมของท่านได้ทำให้ประชาชนนิยมยกย่อง ขณะเดียวกับที่ท่านมีเชื้อสายสืบไปถึงท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ) โดยตรง ยิ่งทำให้ฐานภาพของท่านอิมามมุฮัมมัด บากิร (อ) มีความยิ่งใหญ่อยู่ในหัวใจของบรรดามุสลิมทั้งหลายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ฮิชาม ผู้ปกครองบนีอุมัยยะฮ์ในยุคนั้นจึงคิดวางแผนการกำจัดอิมามมุฮัมมัด บากิร (อ) ทันที และในที่สุดเขาก็ได้จัดการลอบวางยาพิษ อิมามบากิรมุฮัมมัด บากิร (อ.) ในวันที่ 7 เดือนซุลฮิจญะฮ์ ฮ.ศ. 114 ท่านอิมามมุฮัมมัด บากิร (อ) ถูกทำชะฮาดัตในวัย 57 ปี ด้วยการเป็นคนมีความสำรวมตนต่อพระผู้เป็นเจ้า แก้ไขปรับปรุงสภาพสังคม และรับใช้อิสลามตลอดทั้งมวลมุสลิม และได้เผยแผ่ความรู้ของบรรดาอะฮฺลุลบัยต (อ) จนตกทอดมายุคปัจจุบันนี้
ขอขอบคุณเว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี