เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

อีดิลฟิฏร์ ในวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

 

อีดิลฟิฏร์ ในวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)

 

เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่สำรับอาหารแห่งจิตวิญญาณและความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าในเดือนรอมฎอนอันจำเริญได้ถูกยกไป และหนึ่งเดือนของการยอมตนเป็นบ่าวและการเคารพภักดี (อิบาดะฮ์) พระผู้เป็นเจ้า หนึ่งเดือนแห่งความเมตตาและการอภัยโทษของพระองค์ และหนึ่งเดือนของการปลอดจากความชั่วร้ายของบรรดาชัยฏอน (มารร้าย) ได้สิ้นสุดลงแล้ว

    กลางคืนและกลางวันของวันอีดิลฟิฏร์นั้นยิ่งใหญ่มาก จนสติปัญญาของมนุษย์อ่อนแอเกินกว่าจะเข้าใจถึงข้อเท็จจริงของมัน และคำอธิบายของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของกลางคืนและกลางวันของวันนี้ ก็ทำให้สติปัญญาของญินและมนุษย์ต้องตะลึงงัน

    เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่สำรับอาหารแห่งจิตวิญญาณและความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าในเดือนรอมฎอนอันจำเริญได้ถูกยกไป และหนึ่งเดือนของการยอมตนเป็นบ่าวและการเคารพภักดี (อิบาดะฮ์) พระผู้เป็นเจ้า หนึ่งเดือนแห่งความเมตตาและการอภัยโทษของพระองค์ และหนึ่งเดือนของการปลอดจากความชั่วร้ายของบรรดาชัยฏอน (มารร้าย) ได้สิ้นสุดลงแล้ว

    กลางคืนและกลางวันของวันอีดดิลฟิฏร์ นั้นยิ่งใหญ่มาก จนมนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถจะเข้าใจและอธิบายถึงข้อเท็จจริงของมันได้ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องอธิบายถึงคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน (เดือนของพระผู้เป็นเจ้า) โดยอาศัยวจนะของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) สิ่งถูกสร้างที่ประเสริฐที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า

    ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ได้อธิบายถึงความเมตตาและการอภัยโทษของพระผู้เป็นเจ้าในคืนนี้ไว้ดังนี้ว่า :

ان لله تبارك و تعالی عند فطر کل لیلة من شهر رمضان عتقاء من النار لا یعلم عددهم الا الله هو فی علم الغیب عنده فاذا کان آخر لیلة منه اعتق فیها مثل ما اعتق فی جمیعه

“แท้จริงในช่วงเวลาละศีลอดทุกคืนของเดือนรอมฎอน อัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงมีบรรดาผู้ที่ถูกปลดปล่อยจากไฟนรก ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ถึงจำนวนของพวกเขานอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น มันอยู่ในความรู้ที่เร้นลับ (อิลมุลฆ็อยบ์) ณ พระองค์ และเมื่อคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอนมาถึง พระองค์จะทรงปลดปล่อยในคืนนั้นเท่ากับจำนวนของบรรดาผู้ที่ได้รับการปลดปล่อยในตลอดทั้งเดือน" (1)

    ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้บรรยายถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญของวันอีดดิลฟิฏร์และขอบเขตแห่งการประทานให้และการให้อภัยของพระผู้เป็นเจ้าไว้ดังนี้ว่า :

فَإِذَا كَانَتْ لَيْلَةُ الْفِطْرِ وَ هِيَ تُسَمَّى لَيْلَةَ الْجَوَائِزِ أَعْطَى اللَّهُ الْعَالَمِينَ أَجْرَهُمْ بِغَيْرِ حِسَابٍ فَإِذَا كَانَتْ غَدَاةُ يَوْمِ الْفِطْرِ بَعَثَ اللَّهُ الْمَلَائِكَةَ فِي كُلِّ الْبِلَادِ فَيَهْبِطُونَ إِلَى الْأَرْضِ وَ يَقِفُونَ عَلَى أَفْوَاهِ السِّكَكِ فَيَقُولُونَ يَا أُمَّةَ مُحَمَّدٍ اخْرُجُوا إِلَى رَبٍّ كَرِيمٍ يُعْطِي الْجَزِيلَ وَ يَغْفِرُ الْعَظِيمَ

“เมื่อคืนวันอีดดิลฟิฏร์มาถึง มันคือคืนที่ถูกเรียกว่าคืนแห่งการตอบแทนรางวัล อัลลอฮ์จะทรงมอบรางวัลตอบแทนแก่ชาวโลกโดยที่ไม่อาจคิดคำนวณได้ และเมื่อเช้าของวันอีดิลฟิฏร์มาถึง อัลลอฮ์จะทรงส่งบรรดาทูตสวรรค์ (มะลาอิกะฮ์) ของพระองค์ไปยังทุกเมือง แล้วพวกเขาก็จะลงมายังโลกและหยุดยืนตามปากทางทั้งหลาย และจะกล่าวว่า : โอ้ อุมมะฮ์ (ประชาชาติ) ของมุฮัมมัด! จงออกไปยังพระผู้อภิบาลผู้ทรงเกียรติ (แท้จริงวันนี้ วันอีดิลฟิฏร์) พระองค์จะทรงประทานรางวัลอันมากมายและจะทรงอภัยโทษอันยิ่งใหญ่ (แก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ถือศีลอด)"

فَإِذَا بَرَزُوا إِلَى مُصَلَّاهُمْ قَالَ اللَّهُ عَزَّ وَ جَلَّ لِلْمَلَائِكَةِ مَلَائِكَتِي مَا جَزَاءُ الْأَجِيرِ إِذَا عَمِلَ عَمَلَهُ قَالَ فَتَقُولُ الْمَلَائِكَةُ إِلَهَنَا وَ سَيِّدَنَا جَزَاؤُهُ أَنْ تُوَفِّيَ أَجْرَهُ قَالَ فَيَقُولُ اللَّهُ عَزَّ وَ جَلَّ فَإِنِّي أُشْهِدُكُمْ مَلَائِكَتِي أَنِّي قَدْ جَعَلْتُ ثَوَابَهُمْ عَنْ صِيَامِهِمْ شَهْرَ رَمَضَانَ وَ قِيَامِهِمْ فِيهِ رِضَايَ وَ مَغْفِرَتِي

"และเมื่อประชาชนได้ไปปรากฏตัวยังสถานที่นมาซของพวกเขา (เพื่อทำนมาซอีดิลฟิฏร์) อัลลอฮ์จะทรงตรัสกับบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์ว่า : “โอ้ เหล่าทูตสวรรค์ของข้า! รางวัลของผู้รับจ้างเมื่อเสร็จสิ้นจากการทำงานของเขาคืออะไร?" เหล่าทูตสวรรค์จะกล่าวว่า : "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าและนายของเหล่าขัาฯ สิ่งตอบแทนของเขา คือการที่พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลอย่างบูรณ์แก่เขา" ดังนั้น อัลลอฮ์ ผู้ทรงเกริกเกียรติ ผู้ทรงเกรียงไกรจะทรงตรัสกับเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ว่า : "โอ้ เหล่าทูตสวรรค์ของข้า! ดังนั้นพวกเจ้าจงเป็นพยานเถิดว่า แท้จริงข้าได้มอบรางวัลของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนและการดำรงอิบาดะฮ์ของพวกเขาในเดือนนี้ คือความพึงพอใจ และการอภัยโทษของข้า (สำหรับพวกเขา)"

وَ يَقُولُ يَا عِبَادِي سَلُونِي فَوَ عِزَّتِي وَ جَلَالِي لَا تَسْأَلُونِّي الْيَوْمَ فِي جَمْعِكُمْ لِآخِرَتِكُمْ وَ دُنْيَاكُمْ إِلَّا أَعْطَيْتُكُمْ وَ عِزَّتِي لَأَسْتُرَنَّ عَلَيْكُمْ عَوْرَاتِكُمْ مَا رَاقَبْتُمُونِي وَ عِزَّتِي لَآجَرْتُكُمْ وَ لَا أَفْضَحُكُمْ بَيْنَ يَدَيْ أَصْحَابِ الْخُلُودِ انْصَرِفُوا مَغْفُوراً لَكُمْ قَدْ أَرْضَيْتُمُونِي وَ رَضِيتُ عَنْكُمْ

"จากนั้นพระองค์จะทรงตรัสว่า : “โอ้ปวงบ่าว (ผู้ถิอศีลอด) ของข้า! จงขอต่อข้าเถิด ข้าสาบานด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของข้าว่า วันนี้ ไม่มีใครในหมู่พวกเจ้าที่วอนขอสำหรับโลกนี้ละปรโลกของตน เว้นแต่ข้าจะมอบให้พวกเจ้า และขอสาบานด้วยเกียรติของข้าว่า ข้าจะปกปิดสิ่งที่น่าละอายทั้งหลายของพวกเจ้าให้แก่พวกเจ้าตราบที่พวกเจ้าระมัดระวังตัวเองเพื่อข้า และข้าขอสาบานด้วยเกียรติของข้าว่าข้าจะตอบแทนรางวัลแก่พวกเจ้า และจะไม่ทำให้พวกเจ้าอับอายต่อหน้าอัศฮาบคุลูด (หมายถึง ชาวสวรรค์) ดังนั้นพวกเจ้าจงกลับไป (จากสถานที่นมาซของพวกเจ้า) ในสภาพที่ได้รับการอภัยโทษเถิด แน่นอนพวกเจ้าได้ทำให้ข้าพอใจและข้าก็พอใจต่อพวกเจ้าแล้ว"

قَالَ فَتَفْرَحُ الْمَلَائِكَةُ وَ تَسْتَبْشِرُ وَ يُهَنِّئُ بَعْضُهَا بَعْضاً بِمَا يُعْطِي اللَّهُ هَذِهِ الْأُمَّةَ إِذَا أَفْطَرُوا

"ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) กล่าวว่า : ดังนั้นเหล่าทูตสวรรค์ก็จะดีใจ และจะแสดงความยินดีต่อกันกับรางวัลที่อัลลอฮ์ทรงมอบให้แก่ประชาชาตินี้ เมื่อพวกเขาสิ้นสุดจากการถือศีลอด" (2)

แหล่งที่มา :

1.ฟะฎออิล อัลอัชฮุริษษะลาษะฮ์, หน้า 109

2.อัลอะมาลี, เชคมุฟีด, หน้า 232

บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม