เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

อิมามัต (ความเป็นผู้นำ) ตอนที่ 5

4 ทัศนะต่างๆ 04.8 / 5

อิมามัต (ความเป็นผู้นำ) ตอนที่ 5

ความจำเป็นของการมีอิมามผู้นำตามทัศนะของชีอะฮ์
    ความจำเป็นในการที่จะต้องมีอิมามผู้นำในมุมมองของชีอะฮ์ ก็คือความจำเป็นเดียวกันในการที่จะต้องมีศาสดา ถามว่าทำไมมนุษย์ต้องมีศาสดาเพราะในการพัฒนามนุษย์สู่ความสมบูรณ์นั้นต้องใช้ความรู้ประเภทหนึ่งที่ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยสติปัญญา การไปสู่ความสมบูรณ์นั้นต้องได้รับการชี้นำจากความรู้ที่เฉพาะ เป็นความรู้ที่ต้องผ่านขั้นตอน ดังนั้นต้องมีบุคคลกลุ่มหนึ่งที่สามารถรับความรู้นี้ได้ ความรู้ที่ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยสติปัญญาทั่วไป บุคคลที่จะไปถึงความรู้แบบนี้ได้เรียกว่าศาสดา ซึ่งคือภารกิจหนึ่งของศาสดา มาเพื่อชี้นำ ตัรบียัตสั่งสอนมนุษย์ และถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวยศาสดาสามารถปกครองสังคมได้ เป็นผู้สังคมซึ่งมีผลเป็นอย่างมากในการชี้นำมนุษย์ไปสู่ความสูงส่งของความเป็นมนุษย์
    ศาสนามาเพื่อนำมนุษย์สู่ความสำเร็จที่ดุนยาและอาคิเราะฮฺทั้งทางโลกและทางธรรม เนื่องจากอิสลามเป็นศาสนาสุดท้าย หลังจากนี้ไม่มีคำสั่งสอนหรือศาสนาใดถูกประทานมาอีกแล้ว นอกจากนั้นแล้วศาสนาอิสลามเป็นศาสนาของมวลมนุษย์ทุกคน ไม่ได้จำกัดแค่กลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใดและศาสนานี้จะยังคงอยู่จนถึงวันสิ้นโลก ศาสดามูฮัมหมัด(ศ็อล)มาเพื่อชี้นำ และมนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการชี้นำอันนี้จนถึงวันกียามัต เพราะเป็นศาสนาสุดท้าย เป็นศาสนาของทุกคน แต่ปัญหาคือท่านศาสดา(ศ็อล)ไม่ได้อยู่กับมวลมนุษย์จนถึงวันสิ้นโลก ท่านศาสดาไม่ได้เป็นผู้ประกาศสาสน์เพียงอย่างเดียวท่านเป็นทั้งครู ผู้สั่งสอน ผู้อบรม โองการที่พิสูจน์ถึงการเป็นผู้สั่งสอนอบรม อัลบากอเราะฮฺ โองการที่ 151
كَمَا أَرْسَلْنَا فِيكُمْ رَسُولًا مِّنكُمْ يَتْلُواْ عَلَيْكُمْ ءَايَاتِنَا وَ يُزَكِّيكُمْ وَ يُعَلِّمُكُمُ الْكِتَابَ وَ الحِْكْمَةَ وَ يُعَلِّمُكُم مَّا لَمْ تَكُونُواْ تَعْلَمُون‏
   “ดั่งที่เราได้ส่งรฮซูลคนหนึ่ง(ศาสดามูฮัมหมัด)จากหมู่พวกเจ้ามาเพื่อสาธยายโองการต่างๆของเราแก่พวกเจ้า และเขาจะขัดเกลาให้พวกเจ้าสะอาดบริสุทธิ์ และจะทรงสอนคัมภีร์ให้แก่พวกเจ้า และทรงสอนในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้มาก่อน”
   การประกาศสาสน์ และขัดเกลา ซึ่งก็หมายถึงอบรมสั่งสอนตัรบียัต และทำการสอนบทเรียนต่างๆและวิทยะปัญญาและสอนสิ่งๆต่างๆที่พวกเจ้าไม่รู้มาก่อน ท่านศาสดามีภารกิจนี้อย่างสมบูรณ์เพื่อพัฒนามนุษย์ไปความสมบูรณ์
 ซูเราะฮฺอัลอาลิอิมรอน โองการที่ 164
لَقَدْ مَنَّ اللَّهُ عَلىَ الْمُؤْمِنِينَ إِذْ بَعَثَ فِيهِمْ رَسُولًا مِّنْ أَنفُسِهِمْ يَتْلُواْ عَلَيهِْمْ ءَايَاتِهِ وَ يُزَكِّيهِمْ وَ يُعَلِّمُهُمُ الْكِتَابَ وَ الْحِكْمَةَ وَ إِن كاَنُواْ مِن قَبْلُ لَفِى ضَلَالٍ مُّبِين‏
    “แท้จริงมันเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่สำหรับบรรดาผู้ศรัทธา เมื่อพระองค์ได้ทรงแต่งรอซูลขึ้นในหมู่พวกเขาจากหมู่ของพวกเขาเอง เพื่อที่จะสาธยายโองการต่างๆของพระองค์และทำการขัดเกลาพวกเขา และทรงสอนคัมภีร์และวิทยะปัญญาแก่พวกเขา และแท้จริงเมื่อก่อนนั้นพวกเขาเคยอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้งก็ตาม”
  ดังนั้นถ้าหากศาสดามาเพื่อประกาศอัลกุรอานเพียงอย่างเดียวแล้วก็จากไป แต่ศาสดามาเพื่ออบรมสั่งสอน มาฝึกฝนมนุษย์ด้วย และมนุษย์ต้องอยู่ในระบบการสั่งสอนนี้ตลอด แต่ประเด็นคือท่านศาสดาได้ใช้ชีวิตในโลกนี้ไม่นานเท่าหนัก หกสิบสามปีท่านก็จากโลกนี้ไป ในขณะที่โลกนี้ก็ดำเนินอยู่ ยังคงมีมนุษย์ดำเนินชีวิตอยู่ การไม่มีศาสดาจำทำให้เกิดเกิดช่องว่างในการอบรมสั่งสอน ทำให้ประชาชาติกลุ่มหนึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การอบรมของศาสดา ไม่ได้รับการถ่ายทอดฮิกมะฮฺความเกียวกับข้อปฏิบัติในบัญญัตศาสนาโดยตรงจากศาสดา ในขณะที่มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะต้องได้รับการอบรมนี้อย่างสมบูรณ์จนถึงวันกียามัต และถ้าไม่มีอะไรมาทดแทนฮิกมะฮฺเป้าหมายในการเป็นศาสดาองค์สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้น เป้าหมายในการแต่งตั้ง(บิอฺซัต)ศาสดาก็ไปไม่ถึงจุดที่สมบูรณ์ เพราะอะไร เพราะ มีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดเวลา อะไรจะเป็นเครื่องรับรองป้องกันในความบริสุทธิ์ของอิสลามจนถึงวันกียามัตได้  อะไรคือสิ่งรับรองว่าศาสนาจะได้รับการถ่ายทอดอย่างถูกต้อง ดังนั้นจะต้องมีอะไรมารับรองถึงการคงอยู่ของอิสลามอันบริสุทธิ์ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็น เป็นเครื่องยืนยันรับรอง และจะมีอะไรที่จะเป็นเครื่องยืนยันดีไปกว่าตัวแทน ผู้สืบทอดเจตนารมณ์ที่ได้รับการเลือกสรรมาจากอัลลอฮฺ(ซบ) การมีตัวแทนจากอัลลอฮฺ(ซบ)เป็นหลักประกันอันมั่นคง  บทพิสูจน์ความบริสุทธิ์ถูกต้องของอิสลามคืออิสลามนั้นต้องตรงตามอัลกุรอาน และอัลฮาดีษแบบฉบับของท่านศาสดามูฮัมมัด(ศ็อล) อิสลามที่ตรงเป้าหมายของอัลกุรอาน และอัลฮาดิษ อิสลามที่ถูกปฏิบัติตรงตามเจตนารมณ์ของอัลกุรอานและฮาดิษ ถ้าอัลกุรอานถูกปฏิบัติและถูกอรรถาธิบายอย่างถูกต้องตามเนื้อหาของมันคือเครื่องชี้วัดว่าอิสลามยังคงบริสุทธิ์อยู่ และให้ลึกลงไปกว่านี้ ถามว่าในยุคของศาสดาอิสลามอันบริสุทธิ์ได้ถูกอธิบายอย่างสมบูรณ์ในรายละเอียดต่างๆของมันหรือไม่ อัลกุรอานได้อธิบายรายละเอียดเรื่องราวต่างๆไว้อย่างสมบูรณ์แล้วหรือไม่ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอัลกุรถูกประทานมาเพื่อบอกในภาครวมของบทบัญญัติแต่ในรายละเอียดอัลกุรอานไม่ได้อธิบายไว้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของอัลกุรอาน เช่นอัลกุรอานสั่งให้นมาซ สั่งให้อาบน้ำนมาซ แต่วิธีการนมาซแบบไหนอัลกุรอานไม่ได้อธิบายไว้ อาบน้ำนมาซอย่างไร ใช้น้ำอะไรอัลกุรอานก็ไม่ได้อธิบายไว้ รายละเอียดต่างๆอัลกุรอานไม่ได้อธิบายไว้ อัลกุรอานสั่งให้จ่ายทานแต่ก็ไม่ได้บอกว่าจ่ายอย่างไร จ่ายเท่าไร ซึ่งรายละเอียดต่างๆเหล่านี้ศาสดาเป็นผู้มาอธิบาย ศาสดาเป็นผู้ทำหน้าที่ในการอธิบาย เป็นภารกิจหนึ่งของศาสดา ถามว่าศาสดาได้อธิบายเรื่องราวต่างๆในอัลกุรอานไว้อย่างครบถ้วนแล้วหรือไม่
    คำตอบคือ ไม่ เพราะศาสดามีเวลาไม่เพียงพอในการอธิบายรายละเอียด ตั้งแต่วันแห่งการแต่งตั้งเป็นศาสดาอย่างเป็นทางการจนวันสุดท้ายของท่านท ศาสดาใช้เวลาในการเผยแพร่ 23 ปี รับวะฮฺยู(วิวรณ์)อยู่ 23 ปี ดังนั้นยังมีเรื่องราวมากมายที่ยังไม่ถูกอธิบายไว้โดยท่านศาสดา ท่านศาสดาอธิบายเฉพาะความจำเป็นในยุคสมัยนั้น อายุของท่านก็ไม่ได้ยืนยาว และในตลอดระยะเวลา 23 ปีนั้นท่านมีภารกิจอย่างมามาย รับวะฮฺยู ทำสงคราม ถูกลอมอยู่ในหุบเขาอาบูฏอลิบเป็นเวลา 3-4 ปี ถูกบอยคอย ถูกแซงชั่น บอยคอยทางเศรษฐกิจ ไม่มีการค้าขายซึ่งกันและกัน มีการอพยพส็มื่องมะดีนะฮฺ และเมื่ออยู่ในมะดีนะฮฺในเวลาสิบปีเกิดสงครามขึ้นแปดสิบกว่าสงคราม และหนึ่งในสามของสงครามท่านศาสดาเป็นผู้บัญชาการรบด้วยตนเอง จึงไม่มีเวลาพอที่จะอธิบายในเรื่องรายละเอียดต่างๆแม่แต่เรื่องอะฮฺกาม ตัอย่างหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดข้อขัดแย้งความแต่งต่างในข้อปฏิบัติอย่างมากมายในหมู่พี่น้องชาวซุนนี เช่นเรื่องสิ่งที่ทำให้น้ำนมาซเป็นโมฆะ เช่นทัศนะของมัสฮับอิมามชาฟิอี การสัมผัสผู้หญิงทำให้น้ำนมาซเป็นโมฆะ แต่ตามทัศนะของอิมามฮานาฟี ไม่เป็นโมฆะ มัสฮับชาฟีอีถ้าเอามือไม่สัมผัสอวัยวะเพศของตัวเองตัวเองก็ทำให้น้ำนมาซเป็นโมฆะ ชี้ให้เห็นว่าแม้แต่เรื่องการอาบน้ำนมาซก็มีความแตกต่างกัน ทว่าในชาวชีอะหฺเรื่องเหล่านี้เหมือนกันหมดไม่ว่าจะตักลีดตามมัรญิอฺ(ผู้รู้ศาสนาขั้นสูงสุด)คนไหน ทว่ายิ่งไปกว่านั้นมวลมุสลิมไม่ได้มีความขัดแย้งกันแค่ในเรื่องอะหฺกามในเรื่องอากีดะฮฺความเชื่อความศรัทธาก็มีความขัดแย้งกันอย่างมากมาย ในเรื่องเกี่ยวกับอัลลอฮฺ(ซบ) พระองค์มีคุณลักษณะอย่างไรก็มีทัศนะต่างๆอย่างมากมาย  สาเหตุที่เกิดความขัดแย้งเหล่านี้เนืองจากไม่มีใครได้รับการอธิบายอย่างสมบูรณ์ เพราะท่านศาสดามีเวลาไม่เพียงพอที่จะสอนทั้งหมดแต่ท่านได้ถ่ายทอดไว้แล้วให้กับคนกลุ่มหนึ่ง การไม่มีเวลาพอที่จะสามารถอธิบายให้ทุกคนได้เรียนรู้ทั้งหมด เท่ากับยังไม่ได้ถูกอธิบายไว้อย่างสมบูรณ์  และถ้าศาสดาจากไปในสภาพนี้โดยไม่ได้ทำอะไรไว้เลยถือว่าเป้าหมายของศาสดาไม่ไปถึงเป้าหมาย ศาสนาที่บริสุทธิ์ก็จะสามารถคงอยู่ถึงวันกียามัตได้ ซึ่งสิ่งที่เป็นหลักประกันคือการมีผู้สืบทอดอำนาจที่ได้รับการรับรองได้รับการแต่งตั้งจากท่านศาสดาเองเพื่อจะสร้างความมั่นใจว่าอิสลามนี้คืออิสลามที่บริสุทธิ์ที่ศาสดานำมา ต้องเป็นบุคคลที่สามรถที่จะอธิบายอัลกุรอานได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ การเข้าใจผิดนั้นมีปัญหาอย่างมากมาย รวมทั้งมีการบิดเบือนการจงใจที่จะทำลาย ท่านอัลลามะฮฺ อามีนี ได้บันทึกไว้ในหนังสือของท่านว่ามีศอฮาบะฮ์จำนวนเจ็ดร้อยคนจงใจแต่งฮาดีษขึ้นมาโดยที่รู้ว่าท่านศาสดาไม่ได้กล่าวไว้ บางคนแต่งได้ถึงหนึ่งแสนฮาดีษ มีหลักฐานอ้างอิงอย่างสมบูรณ์ แสดงว่าอิสลามที่ท่านศาสดานำมานั้นอยู่ในภาวะอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นสิ่งที่จะเข้ามาลบล้างความน่าเป็นห่วงเหล่านี้คือการมีตัวแทนจากพระผู้เป็นเจ้าโดยตรง ปราศจากสิ่งรับรองเหล่านี้ไม่มีใครปฏิบัติศาสนาได้อย่ามั่นใจว่าศาสนาที่ปฏิบัติอยู่นั้นเป็นศาสนาที่บริสุทธิ์อยู่ และบุคคลที่ทำหน้าที่นั้นต้องมีความรู้เหมือนกับที่ท่านศาสดามูฮัมหมัด(ศ็อล)  วะฮฺยู(วิวรณ์)ที่ถูกประทานลงมาแก่ท่านศาสดานั้นมีอยู่สองประเภท “วะฮฺยูกุรอานนี” ก็คืออัลกุรอาน โดยตัวของอัลกุรอานเองไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ จนกว่าจะได้รับการอธิบายอีกครั้งหนึ่ง ผู้ที่ทำการอธิบายก็คือท่านศาสดา และท่านก็ไม่ได้อธิบายด้วยตัวเอง อัลลอฮฺ(ซบ)ได้ประทานวะฮฺยู(วิวรณ์)มาอีกครั้งหนึ่งเพื่อทำการอธิบายโองการต่างๆเรียกว่า “วะฮฺยูบะยานี” มาเพื่ออธิบายอัลกุรอาน ปราศจากวะฮฺยูบะยานีไม่มีใครสามารถที่จะอธิบายอัลกุรอานได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ และท่านศาสดาไม่มีเวลาพอที่จะอธิบายอัลกุรอานไว้ทั้งหมด จึงจำเป็นที่ต้องมีบุคลากรกลุ่มหนึ่งมาอธิบายอัลกุรอานต่อและผู้ที่อธิบายอัลกุรอานต่อจากท่านศาสดานั้นนั้นต้องได้รับวะฮฺยูบะยานีเท่านั้นจึงจะเป็นหลักประกันว่าเขาสามารถอธิบายได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม