เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

คำอธิบายโองการที่ 164 จากบทอัลบะกอเราะฮ์

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

 

คำอธิบายโองการที่ 164 จากบทอัลบะกอเราะฮ์

 

إِنَّ فى خَلْقِ السمَوَتِ وَ الأَرْضِ وَ اخْتِلَفِ الَّيْلِ وَ النَّهَارِ وَ الْفُلْكِ الَّتى تجْرِى فى الْبَحْرِ بِمَا يَنفَعُ النَّاس وَ مَا أَنزَلَ اللَّهُ مِنَ السمَاءِ مِن مَّاء فَأَحْيَا بِهِ الأَرْض بَعْدَ مَوْتهَا وَ بَث فِيهَا مِن كلِّ دَابَّة وَ تَصرِيفِ الرِّيَح وَ السحَابِ الْمُسخَّرِ بَيْنَ السمَاءِ وَ الأَرْضِ لاَيَت لِّقَوْم يَعْقِلُونَ (164)

ความหมาย

164. แท้จริงในบันดาลชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน การสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน และนาวา ซึ่งอำนวยประโยชน์แก่มนุษย์ล่องลอยในมหาสมุทร และน้ำที่อัลลอฮฺ ทรงหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วทรงชุบชีวิตแผ่นดิน ด้วยน้ำนั้น หลังจากที่มันตายไปแล้ว และได้ทรงให้สัตว์ทุกชนิดแพร่ไปในแผ่นดิน และการผันแปรของลม และเมฆระหว่างฟากฟ้าและแผ่นดิน แน่นอนล้วนเป็นสัญญาณหลากหลายแก่ประชาชนผู้ใช้ปัญญา

คำอธิบาย ภาพลักษณ์ของอาตมันบริสุทธิ์

โองการนี้เป็นเหตุผลที่ชัดเจนในการพิสูจน์ถึงการมีอยู่จริงของพระเจ้า และความเป็นเอกะแห่งอาตมันของพระองค์ สิ่งที่ต้องพิจารณา ณ ที่นี้คือ ทุก ๆ ที่มีความเป็นระเบียบ อันเป็นสัญลักษณ์ที่ชี้ถึงวิทยปัญญาอันล้ำลึก และทุก ๆ ที่มีความพร้อมเพรียงและการประสานกันนั่นบ่งบอกถึง ความเป็นเอกภาพ

จากปฐมดังกล่าว ถ้าหากพิจารณาไปอีกขั้นหนึ่ง ถึงความเป็นระเบียบภายนอกของโลกที่สามารถมองเห็นได้ และความเป็นหนึ่งเดียวกันในการขับเคลื่อนของโลก สิ่งเหล่านี้ย่อมบ่งบอกให้เห็นถึง จุดกำเนิดของความรู้และอำนาจอันเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่ทุกสิ่งล้วนได้รับมาจากพระองค์

โองการข้างต้นกล่าวถึงความเป็นระเบียบของโลกไว้ 6 ส่วนด้วยกัน ซึ่งแต่ละส่วนเป็นเครื่องหมายที่ยืนยันให้เห็นถึงพระผู้ทรงสร้างผู้ทรงยิ่งใหญ่ ดังนี้

1. การบันดาลชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน

แน่นอนผู้บันดาลท้องฟ้าที่โปร่งใส และระบบจักรวาลทั้งหมด และโลกที่เหนือขึ้นไป พลังความร้อนแห่งแสงอาทิตย์ หมู่ดวงดาวต่าง ๆ ทั้งดาวฤกษ์ และดาวนพเคราะห์ในยามเดือนมือได้ส่องแสงระยิบระยับ ประหนึ่งกำลังพูดคุยกับเรา และยังมีดวงดาวอีกจำนวนหลายล้านดวงที่ปรากฏหลังกล้องโทรทัศน์ ซึ่งไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าได้

ทำนองเดียวกัน การบันดาลพื้นดินพร้อมชีวิตที่หลากหลายในรูปแบบต่าง ๆ สัตว์นานาชนิดทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ หมู่มวลแมกไม้และพฤกษานานาพันธ์ สิ่งทั้งหมดเหล่านี้ย่อมแสดงให้เห็นอาตมันบริสุทธิ์ของพระองค์ อำนาจ วิทยปัญญา และความเป็นเอกภาพของพระองค์ ทุกวันนี้นักวิชาการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ยังมีกลุ่มดาวอีกจำนวนมากมายในโลกที่อยู่สูงขึ้นไป และระบบสุริยจักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มดาวเหล่านั้น และเพียงกลุ่มดาวของเราอย่างเดียวมีดวงอาทิตย์หลายร้อยดวง และดวงดาวอีกหลายล้านดวง ซึ่งจากการคำนวณนับของนักวิชาการพบว่านอกจากดวงดาวแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกหลายล้านประเภทปะปนอยู่ เหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นอำนาจและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ทั้งสิ้น

2. การสับเปลี่ยนของกลางวันและกลางคืน

การสับเปลี่ยนของกลางวันและกลางคืน การมาของแสงสว่างและความมืด พร้อมกับความเป็นระเบียบที่เฉพาะเจาะจง ค่อย ๆ เปลี่ยนไปที่ละน้อยบนสิ่งเดียวกัน และสิ่งหนึ่งได้ครอบคลุมอีกสิ่งหนึ่งตามเวลากำหนด การหมุนเวียนของกลางวันและกลางคือทำให้เกิดฤดูกาลต่าง ๆ บางแห่ง 3 ฤดู และบางแห่งก็ 4 ฤดูขึ้นอยู่กับภูมิประเทศของเขตพื้นที่นั้น ทำให้ต้นไม้ พืชต่าง ๆ และสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นดำเนินไปสู่ความสมบูรณ์ของตนโดยอาศัยการหมุนเวียนของกลางวันและกลางคืน และนี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของพระองค์

3. นาวาที่ล่องลอยกลางมหาสมุทร

มนุษย์อาศัยนาวาทั้งเล็กและใหญ่ ที่ล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตัว การเคลื่อนตัวของนาวา การเคลื่อนตัวของเรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อใบขนาดใหญ่จะเห็นว่าเป็นผลที่มาจากหลายระบบรวมกัน เช่น ลมที่พัดอย่างเป็นระบบเหนือผิวน้ำบนคาบหมาสมุทรทั้งที่พัดจากฝั่งไปสู่มหาสมุทร จากตะวันออกไปสู่ตะวันตก และพัดในทางกลับกัน หรือพัดจากเขตพื้นที่ ๆ มีหมายกำหนดการแน่นอนช่วยทำให้เรือเคลื่อนตัวไปได้ พลังธรรมชาติเหล่านี้มีอยู่มากมายแลช่วยให้มนุษย์ไปถึงยังเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ความเป็นธรรมชาติที่เฉพาะเจาะจงของไม้ แรงดันของน้ำที่ทำให้ไม้หรือวัตถุนั้นลอยตัวเหนือผิวน้ำได้ หรือสนามแม่เหล็กที่คอยจัดระบบให้กับเข็มทิศ ตลอดจนดวงดาวแห่งฟากฟ้าที่คอยบอกทิศทางให้กับมนุษย์ แน่นอนถ้ามนุษย์ไม่เข้าใจหรือไม่มีระบบนี้อยู่ในมือ หรือเดินทะเลขนาดใหญ่ก็ไม่สามารถเคลื่อนตัวไปได้ และสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาตมันบริสุทธิ์ของพระเจ้า และเป็นสัญญาณสำหรับประชาชนผู้ใช้ปัญญา

4. น้ำที่พระเจ้าทรงหลั่งมาจากฟากฟ้า เพื่อชุบชีวิตดินที่แห้งแล้งให้มีชีวิตชีวา และได้ทรงให้สัตว์ทุกชนิดแพร่ไปในแผ่นดิน เมล็ดพันธ์ต่าง ๆ เจริญงอกงามเนื่องจากน้ำฝน หยดฝนที่เปี่ยมไปด้วยความสิริมงคล ทำให้สรรพสิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และพืชต่างได้รับประโยชน์กันอย่างถ้วนหน้า จากน้ำที่ปราศจากชีวิต ทำให้มีชีวิตขึ้นมา ทั้งหมดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

5. การผันแปรของลม ซึ่งมิได้พัดอยู่กลางทะเลช่วยให้เรือใบขับเคลื่อนไปได้ ทว่าบางครั้งลมได้พัดพาเกสรดอกไม้ไปผสมพันธ์ กันทำให้ออกดอกออกผลกลายเป็นประโยชน์ทั้งแก่มนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ ลมพัดพาอากาศเสียที่ปราศจากออกซิเจนออกไปและนำเอาอากาศที่ดีเข้ามาแทนที่ ทำหน้าที่เหมือนเครื่องฟอกอากาศอย่างดี การผันแปรของลมและประโยชน์ พร้อมกับความจำเริญมากมายที่เกิดขึ้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงวิทยปัญญา และความเมตตาที่ไม่มีที่สิ้นสุด

6. หมู่เมฆที่ล่อยลอยอยู่ระหว่างฟากฟ้าและแผ่นดิน มันได้โอบอุ้มน้ำจำนวนหลายล้านลูกบาตรเมตรเอาไว้ ขัดแย้งกับกฎแรงโน้มถ่วงของโลก และเมื่อถึงจุดเยือกแข็งในระดับหนึ่ง ก้อนเมฆเหล่านั้นก็จะกลั่นเป็นน้ำฝน หรือหิมะตกลงมายังประโยชน์ต่อชาวดินทั้งหลาย และสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระผู้ทรงอุบัติมันขึ้นมา

แน่นอน ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นสัญลักษณ์ และเป็นเครื่องหมายของอาตมันบริสุทธิ์ของพระองค์ และเป็นสัญญาณหลากหลายแก่ประชาชนผู้ใช้ปัญญา

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม