เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับตัวของเขา

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับตัวของเขา

ในคำสอนของศาสนา นอกเหนือจากการเชิญชวนมนุษย์ไปสู่การเป็นบ่าวของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ยังมีโอวาทสอนให้เขาสร้างสรรค์ความวิจิตรบนผืนแผ่นดิน พระดำรัสของพระองค์บทหนึ่งกล่าวว่า “และเรามิได้สร้างญินและมนุษย์ทั้งหลายเว้นแต่เพื่อเพื่อภักดีต่อข้า”[1] และอีกบทหนึ่งพระองค์ทรงตรัสว่า “พระองค์ทรงให้พวกท่านบังเกิดมาจากดินและทรงประสงค์การสร้างความเริญในนั้นจากพวกท่าน[2]”การเคียงกันของทั้งสองโองการนี้ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์เพื่อให้พวกเขาสร้างชีวิตความเจริญรุ่งเรือง
บทที่ 1 การใช้ความคิด
ความสำคัญของการใช้ความคิด
อัลกุรอ่านอันทรงเกียรติ และฮะดีษเรียกร้องเชิญชวนมนุษย์สู่การใช้ความคิด และในอัลกุรอ่าน การใช้ความคิดถือเป็นคุณลักษณะของผู้มีปัญญา[3]
ท่านรอซูลลุลอฮ(ศ) กล่าวว่า โอ้ อิบนุมัสอูด เมื่อใดก็ตาม หากเจ้าทำสิ่งใด จงทำสิ่งนั้นโดยอาศัยความรู้ และปัญญา และจงออกห่างจากการกระทำใดก็ตามที่ปราศจากการใคร่ครวญและความรู้ เพราะแท้จริงพระองค์ผู้ทรงเกรียงไกร ทรงตรัสว่า และพวกเจ้าอย่าเป็นเช่นนางที่คลายเกลียวด้ายของนาง หลังจากที่ได้ปั่นให้มันแน่นแล้ว)[4]
อีกรายงานหนึ่งท่าน(ศ)กล่าวว่า การนมาซสองรอกาอัตอย่างแผ่วเบาด้วยความใคร่ครวญนั้นประเสริฐกว่าการนมาซตลอดทั้งคืน[5]
เช่นเดียวกันท่าน(ศ)กล่าวว่า ลักษณะของผู้มีปัญญา คือ การที่เมือเขาประสงค์ที่จะกล่าวสิ่งใด เขาจะใคร่ครวญ(ก่อน)เสมอ หากมันเป็นสิ่งที่ดี เขาจะกล่าวมันออกมาและได้รับประโยชน์ แต่หากมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เขาจะเงียบและปลอดภัย[6]
ท่านอิมามศอดิก(อ)กล่าวว่า มีบุคคลผู้หนึ่งได้เข้ามาเพื่อพบท่านศาสดา(ศ) เขาได้กล่าวต่อศาสดาว่า โอ้ ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ โปรด(อบรม)สั่งสอนฉันด้วยเถิด' ท่านศาสดา(ศ)จึงกล่าวถามต่อเขาถึงสามครั้งว่า หากฉันกล่าวสั่งเสียแก่เจ้า เจ้าจะปฏิบัติตามหรือไม่ ? ซึ่งในทุกครั้งชายคนนั้นได้ตอบกล่าวว่า แน่นอนยิ่ง โอ้ ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ เช่นนั้นท่านศาสดาจึงกล่าวว่า ฉันขอสั่งเสียแก่เจ้าว่า เมื่อเจ้าคิดตัดสินใจทำกิจใด จงใคร่ครวญถึงบั้นปลายของกิจนั้นเสียก่อน หากมันจะนำมาซึ่งความเจริญและทางนำ จงทำสิ่งนั้น หากมันจะนำมาซึ่งความหลงผิด ก็จงยุติมันเสียเถิด[7]
อมีรุลมุอฺมีนีน(อ) กล่าวว่า พึงสังวรเถิดไม่เกิดประโยชน์อันใด ในอิบาดัตซึ่งปราศจากการครุ่นคิด[8]
ในอีกรีวายัต ท่าน(อ)กล่าวว่า พึงสงวรเถิดไม่เกิดประโยชน์อันใด ในกีรออัต(การอ่านอัลกุรอ่าน)ซึ่งปราศจากการใคร่ครวญ[9]
ในอีกรียายัตหนึ่ง ท่าน(อ)ได้กล่าวในจดหมายคำสั่งเสียแก่มูฮัมมัด บิน ฮานาฟียะฮ์ว่า ผู้ใดก็ตามที่กระทำการงานโดยปราศจากการพิจารณาถึงบั้นปลายของกิจเหล่านั้น แน่นอนยิ่งเขาคือผู้ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อันย่ำแย่ เช่นนั้นแล้ว การคิดก่อนการกระทำ จะปกป้องเจ้าจากความเสียใจ[10]
รายงานจากอิบนุเกาวาอฺ ถึงคำถามว่าด้วยเรื่องลักษณะเด่นของอิสลาม ท่านอมีรุลมุอฺมีนีน(อ)กล่าวว่า พระองค์อัลลอฮทรงทำให้อิสลามเป็นบทบัญญัติ และทำให้ศาสนานี้เป็นอาภรณ์สำหรับผู้ที่ใคร่ครวญ และมีความเข้าใจอย่างเฉียบแหลม[11]
ในอีกรายงานหนึ่ง ท่าน(อ)กล่าวว่า อิบาดัตที่ประเสริฐที่สุดคือ การใคร่ครวญถึงพระผู้เป็นเจ้า และอำนาจของพระองค์อยู่ตลอดเวลา[12]
อิมามริฎอ(อ) กล่าวว่า อิบาดัตไม่ใช่การนมาซหรือถือศีลอดอย่างมากมาย ทว่าอิบาดัต คือ การครุ่นคิดในกิจของพระองค์อัลลอฮ อัซซะวะญัลลา[13]
#การใคร่ครวญและการคิดเชิงบริหารในกิจการต่างๆ
รอซูลุลลอฮ(ศ)ได้กล่าวแก่บุคคลผู้หนึ่งว่า ฉันขอสั่งเสียแก่เจ้า เมื่อเจ้าตัดสินใจทำกิจใด จงครุ่นคิดถึงบั้นปลายของมัน หากมันทำให้เกิดผลดี และความเจริญ จงทำมัน แต่หากมันส่งผลเสีย จงละทิ้งมัน[14]
ในอีกรายงานหนึ่ง ท่าน(ศ)กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงรักบุคคลในหมู่พวกท่านผู้ซึ่งเมื่อเขากระทำสิ่งใด เขาจะทำให้การกระทำนั้นมั่นคง[15]
อมีรุลมุอฺมีนีน(อ)กล่าวว่า ความมั่นคงของชีวิต มาจากการบริหารจัดการที่ดี และมาตรวัดของมัน คือ การมองการไกลที่ดี[16]
ท่านอิมามศอดิก(อ)กล่าวว่า  "มีสามสิ่งที่ยับยั้งปัจเจกบุคคล มิให้บรรลุถึงตำแหน่งอันสูงส่ง อันได้แก่ การละเลยในความพยายาม การใคร่ครวญอันน้อยนิด และการไร้ความสามารถในการใช้ความคิด"[17]
เช่นเดียวกัน ซัลมาน อัลฟารซี(รฎ) ได้กล่าวถึงการใคร่ครวญไว้ว่า เขาจะแยกค่าใช้จ่ายในส่วนของหนึ่งปีออก จนกระทั่งได้รับรายได้ในส่วนของปีถัดไป[18]
อิมามญะวาด(อ)กล่าวว่า การเปิดเผยสิ่งหนึ่ง ก่อนที่มันจะมีความมั่นคง จะนำมาซึ่งความเสียหายแก่เขา[19]
มาตรวัดการใช้สติปัญญา
อมีรุลมุอฺมีนีน(อ)กล่าวว่า  ปัญญาของมนุษย์ จะถูกวัดด้วยหกสิ่ง อันได้แก่ การใช้ชีวิตร่วมกัน,การค้าขาย,การได้มาซึ่งอำนาจ,การเสียอำนาจ,ความมั่งคั่งและความขัดสน[20]
ตัวบท
[1] وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالْإِنْسَ إِلَّا لِيَعْبُدُونِ(سورة ذاریات 56)
[2] هُوَ أَنْشَأَكُمْ مِنَ الْأَرْضِ وَاسْتَعْمَرَكُمْ فِيهَا (سورة هود 61)
[3] إِنَّ فِي خَلقِ ٱلسَّمَوَتِ وَٱلأَرضِ وَٱختِلَفِ ٱلَّيلِ وَٱلنَّهَارِ لَأيَت لِّأُوْلِي ٱلأَلبَبِ * ٱلَّذِينَ يَذكُرُونَ ٱللَّهَ قِيَما وَقُعُودا وَعَلَى جُنُوبِهِم وَيَتَفَكَّرُونَ فِي خَلقِ ٱلسَّمَوَتِ وَٱلأَرضِ رَبَّنَا مَا خَلَقتَ هَذَا بَطِلا سُبحَنَكَ فَقِنَا عَذَابَ ٱلنَّارِ(سوره آل عمران 190-191)
[4] یا ابْنَ مَسْعُودٍ! إِذَا عَمِلْتَ عَمَلاً فَاعْمَلْ بِعِلْمٍ وَ عَقْلٍ وَ إِیاكَ وَ أَنْ تَعْمَلَ عَمَلاً بِغَیرِ تَدَبُّرٍ وَ عِلْمٍ، فَإِنَّهُ جَلَّ جَلَالُهُ یقُولُ: ﴿و لا تكونوا كالَّتى نَقَضَت غَزلَها مِن بَعدِ قُوَّةٍ اَنكـثًا﴾ [سورهٴ نحل، آیهٴ 92] (مكارم الاخلاق، ص458)
[5] رَكْعَتَانِ خَفِیفَتَانِ فِى تَدَبُّرٍ خَیرٌ مِنْ قِیامِ لَیلةٍ (مكارم الاخلاق، ص300).
[6] و صِفَةُ الْعَاقِلِ... إِذَا أَرَادَ أَنْ یتَكَلَّمَ تَدَبَّرَ، فَإِنْ كَانَ خَیراً تَكَلَّمَ فَغَنِمَ وَ إِنْ كَانَ شَرّاً سَكَتَ فَسَلِمَ... (تحف العقول، ص28 ـ 29)
[7] إِنَّ رَجُلاً أَتَی النَّبِی ص، فَقَالَ لَهُ: یا رَسُولَ اللَّهِ! ...(الكافی، ج8، ص150)
[8] . ... أَلا لا خَیرَ فِی عِبَادَةٍ لَیسَ فِیهَا تَفَكُّرٌ (الكافی، ج1، ص36).
[9] .. أَلا لا خَیرَ فِی قِرَاءَةٍ لَیسَ فِیهَا تَدَبُّرٌ... (الكافی، ج1، ص36).
[10] مَن تَوَرَّطَ فِي الاُمورِ غَيرَ ناظِرٍ فِي العَواقِبِ فَقَد تَعَرَّضَ لِمُفظِعاتِ النَّوائِبِ ، وَالتَّدبيرُ قَبلَ العَمَلِ يُؤمِنُكَ مِنَ النَّدَمِ(وسائل الشیعة ،ج 15،ص 281-282)
[11] أَمَّا بَعْدُ فَإِنَّ اللَّهَ تَبَارَكَ وَ تَعَالَی شَرَعَ الإِسْلامَ... وَ جَعَلَه... لِبَاساً لِمَنْ تَدَبَّرَ وَ فَهْماً لِمَنْ تَفَطَّنَ... (الكافى، ج2، ص49).
[12] أَفْضَلُ الْعِبَادَةِ إِدْمَانُ التَّفَكُّرِ فِى اللَّهِ وَ فِى قُدْرَتِهِ (الكافى، ج2، ص55)
[13] لَیسَ الْعِبَادَةُ كَثْرَةَ الصَّلاةِ وَ الصَّوْمِ، إِنَّمَا الْعِبَادَةُ التَّفَكُّرُ فِى أَمْرِ اللَّهِ عَزَّ وَ جَلَّ (الكافى، ج2، ص55).
[14] فَإِنِّى أُوصِیكَ إِذَا أَنْتَ هَمَمْتَ بِأَمْرٍ فَتَدَبَّرْ عَاقِبَتَهُ، فَإِنْ یكُن رُشْداً فَامْضِهِ وَ إِنْ یكُن غَیاً فَانْتَهِ عَنْهُ (قرب الاسناد، ص32).
[15] انَّ اللهَ تَعَالَی یحِبُّ إِذَا عَمِلَ أَحَدُكُمْ عَمَلاً أَنْ یتْقِنَهُ (الجامع الصغیر، ج1، ص284).
[16] قِوَامُ الْعَیشِ حُسْنُ التَّقْدِیرِ وَ مِلاكُهُ حُسْنُ التَّدْبِیرِ (غرر الحكم، ص354)
[17] ثَلاثٌ یحْجُزْنَ الْمَرْءَ عَنْ طَلَبِ الْمَعَالِى: قَصْرُ الْهِمَّةِ وَ قِلَّةُ الْحِیلَةِ وَ ضَعْفُ الرَّأْىِ (تحف العقول، ص315).
[18] فَأَمَّا سَلْمَانُ رَضِىَ اللَّهُ عَنْهُ فَكَانَ إِذَا أَخَذَ عَطَاءَهُ رَفَعَ مِنْهُ قُوتَهُ لِسَنَتِهِ حَتَّی یحْضُرَهُ عَطَاؤُهُ مِنْ قَابِلٍ (تحف العقول، ص351).
[19] إِظْهَارُ الشَّىْ‏ءِ قَبْلَ أَنْ یسْتَحْكَمَ مَفْسَدَةٌ لَهُ (تحف العقول، ص457)
[20] سِتَّـةٌ تُختَبَرُ بِها عُقولُ الرِّجالِ : المُصاحَبَةُ ، و المُعامَلَةُ ، و الوِلايَةُ ، و العَزلُ ، و الغِنى ، و الفَقرُ(غرر الحکم،ص 343)

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม