ยาและการบำบัดรักษา
ยาและการบำบัดรักษา
ทนเจ็บเท่าที่ทนได้ รอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)กล่าวว่า : สี่สิ่งอยู่ในขุมทรัพย์แห่งสวรรค์: การปิดบังการบริจาค, การปิดบังโรคภัย, การปิดบังความเจ็บปวด, และการปิดบังความทุกข์ร้อน"[1]
ท่านอามีรุลมุอฺมินีน (อ.) กล่าวว่า: "จงทนอยู่กับความเจ็บปวดของเจ้าเท่าที่เจ้ายังสามารถรับมือได้ [และไม่ต้องรีบเร่งที่จะรักษาจนเกินไป]"[2]
ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า: "มุสลิมไม่ควรรักษาโรคเล็กน้อย จนกว่าความเจ็บป่วยจะหนักกว่าความแข็งแรงของร่างกายเขา"[3]
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "อย่ารังเกียจหนองในร่างกาย เพราะมันปกป้องจากโรคเรื้อน"[4]
ท่านอามีรุลมุอฺมินีน (อ.) กล่าวว่า: "ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ไม่รักษาหวัดของท่านและกล่าวว่า 'ทุกคนมีรากของโรคเรื้อนอยู่ และเมื่อเขาเป็นหวัด มันจะช่วยยับยั้งโรคนี้'"[5]
ท่านอิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า: "ตราบใดที่ร่างกายของเจ้าสามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ จงหลีกเลี่ยงการใช้ยา" และท่านยังกล่าวว่า "ผู้ที่มีสุขภาพดีกว่าโรคของเขาแต่ยังใช้ยาและเสียชีวิตจากการนั้น ฉันจะขอให้พระองค์บันดาลให้ฉันพ้นจากเขา"[6] [7]
ท่านอิมามกาซิม (อ.) กล่าวว่า: "ไม่มียาใดที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด; ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาตราบเท่าที่สามารถทำได้ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากยิ่งกว่า"[8]
ท่านอิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า: "การควบคุมและการหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยไม่เป็นประโยชน์เกินกว่าเจ็ดวัน"[9]
ความจำเป็นของการรักษา: ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "จงรักษาตัวเองเถิด เพราะอัลลอฮ์ผู้ทรงเกียรติไม่ได้ประทานโรคมา เว้นแต่จะประทานการรักษา [และยารักษา] ให้เช่นกัน"[10]
ท่านอามีรุลมุอฺมินีน (อ.) กล่าวว่า: "ผู้ใดที่ปิดบังโรคของตนจากแพทย์ ถือว่าเขาทรยศต่อร่างกายของเขา"[11]แต่ดังที่กล่าวมาแล้ว การปิดบังโรคและความเจ็บปวดจากผู้อื่นและไม่บ่นออกมา ถือว่าเป็นสมบัติจากสวรรค์[12](แยกเป็นสองกรณี)
ท่านอิมามศอดิก (อ.) เล่าเรื่องของหนึ่งเกี่ยวกับนบีที่ประสบอาการเจ็บไข้ได้ป่วยและกล่าวว่า: "ข้าจะไม่รักษาตัวเองจนกว่าผู้ที่ทำให้ข้าป่วยจะเป็นผู้ที่รักษาข้าเอง" พระเจ้าจึงประทานวะฮีย์ให้ท่านว่า: "ข้าจะไม่รักษาเจ้าจนกว่าเจ้าจะรักษาตัวเอง เพราะการรักษานั้นอยู่ในมือของข้า"[13]
ยูนุส บิน ยะอ์กูบเล่าว่า: ข้าถามท่านอิมามศอดิก (อ.) เกี่ยวกับคนที่กินยา บางครั้งก็เสียชีวิตและบางครั้งก็หาย แต่ส่วนมากไม่หาย [ดังนั้น ความสุขภาพและโรคภัยขึ้นอยู่กับอัลลอฮ์และยาไม่ได้มีบทบาทจริงหรือไม่!] ท่านตอบว่า: "อัลลอฮ์ทรงสร้างยาและใส่การรักษาไว้ในนั้น อัลลอฮ์ไม่ทรงสร้างโรคใดโดยไม่มีการรักษา ดังนั้นจงใช้ยาและกล่าวนามของอัลลอฮ์ [ขอการรักษาจากพระองค์]" [14] นอกจากนี้ การใช้ยาควรใช้อย่างถูกวิธีและตามหลักการที่ได้พิสูจน์มาแล้ว
เมื่อท่านอิมามซัจญาด (อ.) เห็นผู้ป่วยที่หายจากโรค ท่านกล่าวว่า: "ขอให้การชำระล้างจากบาปนั้นเป็นความปลื้มปิติของเจ้า"[15]
วิธีการรักษาบางประการ:
ท่านอิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า: "พวกเรา อะฮ์ลุลบัยต์ (ในช่วงที่ป่วย) จะหลีกเลี่ยงแต่เพียงอินทผลัมเท่านั้น ... เพราะท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกินอินทผลัมในช่วงที่ท่านอะลี (อ.) ป่วย"[16]
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "โอ้อะลี! จงเริ่มและจบมื้ออาหารของเจ้าด้วยเกลือ เพราะเกลือเป็นการรักษาเจ็ดสิบโรคที่มีตั้งแต่น้อยที่สุดคือโรคบ้า โรคเรื้อน และโรคด่างขาว"[17]
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "จงล้างด้วยน้ำเย็น เพราะมันช่วยรักษาริดสีดวงทวาร"[18]
ท่านอิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า: "น้ำเย็นช่วยในการย่อยอาหารในกระเพาะ"[19]
ท่านอิมามกาซิม (อ.) กล่าวว่า: "ไม่มีสิ่งใดขับโรค เว้นแต่การขอดุอา, การบริจาค และการใช้น้ำเย็น"[20](บริบท)
ท่านอิมามริฎอ (อ.) กล่าวว่า: "น้ำที่ต้มแล้วเป็นประโยชน์สำหรับทุกสิ่ง และไม่มีโทษใดๆ"[21]
วันหนึ่ง ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เข้าเยี่ยมท่านอามีรุลมุอฺมินีน (อ.) และพบว่าท่านมีไข้ ท่านจึงแนะนำให้ท่านรับประทานผลสนุด [ผลไม้คล้ายลูกพรุน][22]
ท่านอมีรุลมุอฺมินีน (อ.) กล่าวว่า: "จงบรรเทาความร้อนของไข้ด้วยน้ำมันดอกไวโอเลตและน้ำเย็น"[23]
ท่านอิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า: "พวกเราชาวอะฮ์ลุลบัยต์รักษาไข้ด้วยการราดน้ำเย็นลงบนตัวและการกินแอปเปิ้ลเท่านั้น" [24] ท่านยังกล่าวว่า: "จงกินแอปเปิ้ล เพราะมันดับความร้อนในร่างกาย ทำให้ภายในเย็นลง และขจัดไข้" [25] และท่านยังกล่าวว่า: "สำหรับการรักษาไข้ ให้บดน้ำตาลแล้วละลายในน้ำ ดื่มในตอนเช้าท้องว่างและตอนเย็น"[26] และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า: "การหวีผมช่วยขจัดไข้ได้"[27]
ท่านอิมามฮาดี (อ.) กล่าวว่า: "สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับไข้ป่าคือการรับประทานฟาลูเดาะฮ์ (ขนมหวาน) ที่ทำด้วยน้ำผึ้งและใส่หญ้าฝรั่นเยอะๆ และในวันนั้นอย่ากินอะไรนอกจากมัน"[28]
รอซูลุลลอฮ(ศ)กล่าวว่า จงทำฮิญามัตเมื่อความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เพราะความความดันโลหิต อาจทำให้ถึงแก่ชีวิต[29]
อมีรุลมุอฺมีนีน(อ.)กล่าวว่า ฮิญามัต คือ ปัจจัยแห่งสุขภาพที่ดีของร่างกาย และทำให้ปัญญาแข็งแรง[30]
ท่านอิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า: "วิธีการรักษาของชาวอาหรับมีสามอย่าง: การใช้มีดหิญามะฮ์, การใช้ยาสวนทวาร และการใช้ความร้อนในการรักษาเป็นทางเลือกสุดท้าย"[31]
ท่านอิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า: "การรักษามีสี่อย่างคือ: การหยดยาเข้าจมูก, หิญามะฮ์, นูเราะฮ์ (การใช้แว็กซ์สำหรับกำจัดขน) และการใช้ยาสวนทวาร"[32] และยังกล่าวว่า "การรักษาที่ดีที่สุดคือหิญามะฮ์, การหยดยาในจมูก, การอาบน้ำ และการใช้ยาสวนทวาร" [33] และท่านยังกล่าวว่า: "หนึ่งในวิธีการรักษาของบรรดานบีคือหิญามะฮ์, นูเราะฮ์ และการหยดยาในจมูก[34]
อิมามกาซิม(อ.)กล่าวว่า ลูกแพร์สดที่มีความนุ่มชุ่มชื่น จะช่วยดับความร้อนในร่างกาย[35]
อิมามริฏอ(อ.)กล่าวว่า หากผู้ไม่ต้องการเป็นหวัดตลอดฤดูหนาว จงรับประทานอังกาบิน(อัชชะฮ์ด์ หมายถึงน้ำผึ้งพร้อมรวงผึ้ง)วันละสามคำ[36]
อมีรุลมุอฺมีนีน(อ.) กล่าวว่า เมื่อใดที่มุสลิมรู้สึกอ่อนแอ จงรับประทานเนื้อคู่กับนม เพราะแท้จริงอัลลอฮทรงใส่ปัจจัยแห่งการทำให้เกิดความแข็งแรงในทั้งสองสิ่งนี้[37]
อิมามศอดิก(อ.) กล่าวว่า: "ใบเฮนน่าช่วยขจัดกลิ่นเหม็นของเหงื่อ ทำให้ใบหน้าดูสดใส ปากหอม และทำให้บุตรงดงาม"[38]
การหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยสิ่งต้องห้าม:
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "จงหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์" [39] และยังกล่าวอีกว่า "อัลลอฮ์ผู้ทรงเกียรติได้ประทานโรคและการรักษามา และได้กำหนดยาสำหรับทุกโรค จงรักษาตัวเอง แต่จงอย่าใช้สิ่งต้องห้ามในการรักษา"[40]
ท่านอิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า: "ไม่มีการรักษาในสิ่งที่ต้องห้าม" และเมื่อมีคนถามว่า สามารถใช้เหล้าองุ่นในการรักษาได้หรือไม่ ท่านตอบว่า: "ไม่สมควรที่ผู้ใดจะขอการรักษาด้วยสิ่งที่ต้องห้าม"[41]
มีผู้ถามท่านอิมามศอดิก (อ.) เกี่ยวกับยาที่ผสมด้วยเหล้าองุ่น ท่านตอบว่า: "ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! ข้าไม่ชอบแม้แต่จะมองไปที่มัน นับประสาอะไรที่จะใช้มันรักษา เพราะมันเทียบเท่ากับไขมันหมูหรือเนื้อหมู แต่ [น่าเสียดาย] บางคนก็ใช้มันรักษาตัวเอง"[42]
ตัวบท
[1] أَرْبَعَةٌ مِنْ کُنُوزِ الْجَنَّةِ : کِتْمان الصَّدَقَة کِتْمَانُ الْمَرَضِ ( الدعوات ، ص164 ) ، أَرْبَعٌ مِنْ کُنُوزِ الْجَنَّةِ : . . . کِتمانُ المُصیبة کِتْمَانُ الْوَجَعِ ( مستدرک الوسائل ، ج2 ، ص67 ) .
[2] امْشِ بِدَائِکَ مَا مَشَی بِکَ ( نهج البلاغة ، حکمت 27 ) .
[3] لا یَتَدَاوَی الْمُسْلِمُ حَتَّی یَغْلِبَ مَرَضُهُ صِحَّتَهُ ( کتاب الخصال ، ص620؛ تحف العقول ، ص110 ) .
[4] لا تَکْرَهُوا الدَّمَامِیلَ ، فَإِنَّهَا أَمَانٌ مِنَ الْبَرَصِ . . . ( کتاب الخصال ، ص210 ) .
[5] کَانَ رَسُولُ اللهِ ( صلی الله علیه وآله وسلم ) لا یَتَدَاوَیٰ مِنَ الزُّکَامِ وَ یَقُولُ مَا مِنْ أَحَدٍ إِلَّا وَ بِهِ عِرْقٌ مِنَ الْجُذَامِ فَإِذَا أَصَابَهُ الزُّکَامُ قَمَعَهُ ( الکافی ، ج8 ، ص382 )
[6].. . . وَ اجْتَنِبِ الدَّوَاءَ مَا احْتَمَلَ بَدَنُکَ الدَّاءَ ( الکافی ، ج6 ، ص382 )
[7] مَنْ ظَهَرَتْ صِحَّتُهُ عَلَی سُقْمِهِ فَیُعَالِجُ بِشَیْ ءٍ فَمَاتَ فَأَنَا إِلَی اللهِ مِنْهُ بَرِیءٌ ( کتاب الخصال ، ص26 )
[8] لَیْسَ مِنْ دَوَاءٍ إِلَّا وَ هُوَ یُهَیِّجُ دَاءً وَ لَیْسَ شَیْ ءٌ فِی الْبَدَنِ أَنْفَعَ مِنْ إِمْسَاکِ الْیَدِ إِلَّا عَمَّا یُحْتَاجُ إِلَیْهِ ( الکافی ، ج8 ، ص273
[9] لا تَنْفَعُ الْحِمْیَةُ لِمَرِیضٍ بَعْدَ سَبْعَةِ أَیَّامٍ ( الکافی ، ج8 ، ص291 ) .
[10] تَدَاوَوْا ، فَإِنَّ اللهَ عَزَّ وَ جَلَّ لَمْ یُنْزِلْ دَاءً إِلَّا وَ أَنْزَلَ لَهُ شِفَاءً ( مکارم الأخلاق ، ص362 ) .
[11] مَنْ کَتَمَ الْأَطِبَّاءَ مَرَضَهُ خَانَ بَدَنَهُ ( غرر الحکم ، ص484 ) .
[12] قَالَ النَّبِیُّ ( صلی الله علیه وآله وسلم ) : أَرْبَعٌ مِنْ کُنُوزِ الْجَنَّةِ : کِتْمَانُ الْفَاقَةِ وَ کِتْمَانُ الصَّدَقَةِ وَ کِتْمَانُ الْمُصِیبَةِ وَ کِتْمَانُ الْوَجَعِ ( الدعوات ، ص164؛ مستدرک الوسائل ، ج2 ، ص68 )
[13] إِنَّ نَبِیّاً مِنَ الْأَنْبِیَاءِ مَرِضَ ، فَقَالَ : لا أَتَدَاوَی حَتَّی یَکُونَ الَّذِی أَمْرَضَنِی هُوَ الَّذِی یَشْفِینِی ، فَأَوْحَی اللهُ إِلَیْهِ : لا أَشْفِیکَ حَتَّی تَتَدَاوَی ، فَإِنَّ الشِّفَاءَ مِنِّی ( مکارم الأخلاق ، ص362؛ وسائل الشیعة ، ج2 ، ص409 )
[14] سَأَلْتُ أَبَاعَبْدِاللهِ ( علیه السلام ) عَنِ الرَّجُلِ یَشْرَبُ الدَّوَاءَ وَ رُبَّمَا قُتِلَ وَ رُبَّمَا سَلِمَ مِنْهُ وَ مَا یَسْلَمُ أَکْثَرُ قَالَ : فَقَال ( علیه السلام ) : أَنْزَلَ اللهُ الدَّوَاءَ وَ أَنْزَلَ الشِّفَاءَ وَ مَا خَلَقَ اللهُ دَاءً إِلّا وَ جَعَلَ لَهُ دَوَاءً ، فَاشْرَبْ وَ سَمِّ اللهَ تَعَالَی ( وسائل الشیعة ، ج25 ، ص223 ) .
[15] إِذَا رَأَی الْمَرِیضَ قَدْ بَـرَأَ مِنَ الْعِلَّةِ قَالَ : یُهَنِّیکَ الطَّهُورُ مِنَ الذُّنُوبِ ( عیون اخبار الرضا ( علیه السلام ) ، ج2 ، ص45 ) .
[16] لَکِنَّا أَهْلُ بَیْتٍ لا نَحْتَمِی إِلَّا مِنَ التَّمْرِ . . . قَالَ : لِأَنَّ نَبِیَّ اللهِ حَمَی عَلِیّاً ( علیه السلام ) مِنْهُ فِی مَرَضِهِ ( الکافی ، ج8 ، ص291 )
[17] یَا عَلِیُّ! ابْدَأْ بِالْمِلْحِ وَ اخْتِمْ بِهِ ، فَإِنَّ الْمِلْحَ شِفَاءٌ مِنْ سَبْعِینَ دَاءً أَذَلُّهَا الْجُنُونُ وَ الْجُذَامُ وَ الْبَر َصُ ( تحف العقول ، ص12 ) ؛ مقصود از این نمک ، نمک معدنی و اصلی و بدون مواد آسیب زاست .
[18] اسْتَنْجُوا بالماءِ البارِدِ ، فإنَّهُ مَصَحَّةٌ لِلْبَواسِیرِ ( الجامع الصغیر ، ج1 ، ص153 ) .
[19] الْمَاءُ الْبَارِدُ . . . یُذِیبُ الطَّعَامَ فِی الْمَعِدَةِ . . . ( مکارم الأخلاق ، ص156 ) .
[20] لا یَذْهَبُ بِالْأَدْوَاءِ إِلَّا الدُّعَاءُ وَ الصَّدَقَةُ وَ الْمَاءُ الْبَارِدُ ( مستدرک الوسائل ، ج2 ، ص98 ) .
[21] الْمَاءُ الْمَغْلِیُّ یَنْفَعُ مِنْ کُلِّ شَیْ ءٍ وَ لا یَضُرُّ مِنْ شَیْ ءٍ ( مکارم الأخلاق ، ص157 )
[22] . دَخَلَ رَسُولُ اللهِ ( صلی الله علیه وآله وسلم ) عَلَی أمیرالمؤمنین ( علیه السلام ) وَ هُوَ مَحْمُومٌ ، فَأَمَرَهُ أَنْ یَأْکُلَ الْغُبَیْرَاءَ ( الدعوات ، ص157 )
[23] اکْسِرُوا حَرَّ الْحُمَّی بِالْبَنَفْسَجِ وَ الْمَاءِ الْبَارِدِ ( تحف العقول ، ص110 )
[24] عَنْ أَبِی عَبْدِاللهِ ( علیه السلام ) قَالَ : ذُکِرَ لَهُ الْحُمَّی ، قَالَ ( علیه السلام ) : إِنَّا أَهْلُ بَیْتٍ لا نَتَدَاوَی إِلَّا بِإِفَاضَةِ الْمَاءِ الْبَارِدِ یُصَبُّ عَلَیْنَا وَ أَکْلِ التُّفَّاحِ ( الکافی ، ج6 ، ص356 )
[25] کُلِ التُّفَّاحَ ، فَإِنَّهُ یُطْفِئُ الْحَرَارَةَ وَ یُبَرِّدُ الْجَوْفَ وَ یَذْهَبُ بِالْحُمَّی . . . ( المحاسن ، ص551 )
اسْحَقِ السُّکَّرَ ثُمَّ امْخُضْهُ بِالْمَاءِ وَ اشْرَبْهُ عَلَی الرِّیقِ وَ عِنْدَ الْمَسَاءِ . . . ( الکافی ، ج8 ، ص265 ) . [26]
[27] وَ الْمَشْطُ لِلرَّأْسِ یَذْهَبُ بِالْوَبَاءِ . قَالَ : قُلْتُ : وَ مَا الْوَبَاءُ؟ قَالَ : الْحُمَّی . . . ( الکافی ، ج6 ، ص488 )
[28] خَیْر ُ الْأَشْیَاءِ لِحُمَّی الرِّبْعِ أَنْ یُؤْکَلَ فِی یَوْمِهَا الْفَالُوذَجُ الْمَعْمُولُ بِالْعَسَلِ وَ یُکْثِرُ زَعْفَرَانَهُ وَ لا یُؤْکَلُ فِی یَوْمِهَا غَیْر ُه ُ ( بحار الأنوار ، ج59 ، ص100 )
[29] احْتَجِمُوا إِذَا هَاجَ بِكُمُ الدَّمُ، فَإِنَّ الدَّمَ رُبَّمَا تَبَیغَ بِصَاحِبِهِ فَیقْتُلُهُ (مستدرك الوسائل، ج13، ص80)
[30] الْحِجَامَةُ تُصِحُّ الْبَدَنَ وَ تَشُدُّ الْعَقْلَ (تحف العقول، ص100).
[31] طِبُّ الْعَرَبِ فِى ثَلاثَةٍ: شَرْطَةِ الْحَجَّامِ وَ الْحُقْنَةِ وَ آخِرُ الدَّوَاءِ الْكَىُّ (وسائل الشیعة، ج25، ص226).
[32] الدَّوَاءُ أَرْبَعَةٌ : السَّعُوطُ وَ الْحِجَامَةُ وَ النُّورَةُ وَ الْحُقْنَةُ ( الکافی ، ج8 ، ص192 ) ، خَیْر ُ مَا تَدَاوَیْتُمْ بِهِ الْحِجَامَةُ وَ السّعُوطُ وَ الْحَمَّامُ وَ الْحُقْنَةُ ( وسائل الشیعة ، ج25 ، ص225 )
[33] مِنْ دَوَاءِ الْأَنْبِیَاءِ الْحِجَامَةُ وَ النُّورَةُ وَ السّعُوطُ ( مستدرک الوسائل ، ج1 ، ص387 )
[34] همان
[35] إِنَّ الإِجَّاصَ الطَّرِیَّ یُطْفِئُ الْحَرَارَةَ . . . ( الکافی ، ج6 ، ص359 )
[36] وَ مَنْ أَرَادَ رَدْعَ الزُّکَامِ مُدَّةَ أَیَّامِ الشِّتَاءِ فَلْیَأْکُلْ کُلَّ یَوْمٍ ثَلاثَ لُقَمٍ مِنَ الشَّهْدِ ( بحار الأنوار ، ج59 ، ص322 )
[37] إِذَا ضَعُفَ الْمُسْلِمُ فَلْیَأْکُلِ اللَّحْمَ بِاللَّبَنِ ، فَإِنَّ اللهَ جَعَلَ الْقُوَّةَ فِیهِمَا ( تحف العقول ، ص107 )
[38] الْحِنَّاءُ یذْهَبُ بِالسَّهَكِ وَ یزِیدُ فِى مَاءِ الْوَجْهِ وَ یطَیبُ النَّكْهَةَ وَ یحَسِّنُ الْوَلَدَ (الفقیه، ج1، ص119).
[39] نَهَی رَسُولُ اللهِ ( صلی الله علیه وآله وسلم ) عَنِ الدَّوَاءِ الْخَبِیثِ أَنْ یُتَدَاوَی بِهِ ( طب الأئمة ( علیهم السلام ) ، ص62 ) .
[40] لَیْسَ فِی حَرَامٍ شِفَاءٌ ( الکافی ، ج8 ، ص193 )
[41] عَنْ قَائِدِ بْنِ طَلْحَةَ ، أَنَّهُ سَأَلَ أَبَا عَبْدِاللهِ ( علیه السلام ) عَنِ النَّبِیذِ یُجْعَلُ فِی الدَّوَاءِ ، فَقَالَ : لا ، لَیْسَ یَنْبَغِی لِأَحَدٍ أَنْ یَسْتَشْفِیَ بِالْحَرَامِ ( الکافی ، ج6 ، ص414 )
[42] عَنِ الْحَلَبِیِّ قَالَ : سَأَلْتُ أَبَا عَبْدِاللهِ ( علیه السلام ) عَنْ دَوَاءٍ عُجِنَ بِالْخَمْرِ ، فَقَالَ : لا وَ اللهِ ، مَا أُحِبُّ أَنْ أَنْظُرَ إِلَیْهِ ، فَکَیْفَ أَتَدَاوَی بِهِ ، إِنَّهُ بِمَنْزِلَةِ شَحْمِ الْخِنْزِیرِ أَوْ لَحْمِ الْخِنْزِیرِ وَ إِنَّ أُنَاساً لَیَتَدَاوَوْنَ بِهِ ( الکافی ، ج6 ، ص414 )