เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ทัศนะต่างๆที่เกี่ยวกับมะอาดทางกายภาพและจิตวิญญาณ

1 ทัศนะต่างๆ 05.0 / 5

ทัศนะต่างๆที่เกี่ยวกับมะอาดทางกายภาพและจิตวิญญาณ

 

บรรดาผู้ที่กล่าวว่า มะอาดทางจิตวิญญาณและทางกายภาพ ได้เสนอความคิดเห็นของตนไว้หลายวิธีด้วยกัน ดังนี้ :

การกลับคืนของวิญญาณสู่ร่างกายที่เป็นวัตถุทางโลก: ตามความคิดเห็นนี้ ซึ่งถือเป็นทัศนะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นทัศนะของบรรดานักศาสนศาสตร์ชาวมุสลิม [๖๖] พระเจ้าทรงรวบรวมชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายของร่างกายในวันอาคิเราะฮ์และสร้างร่างกายจากสิ่งเหล่านั้นที่คล้ายคลึงกัน แล้วนำมันกลับคืนสู่ร่างกายทางโลกและทำให้จิตวิญญาณให้กลับคืนสู่ร่างกายอีกครั้ง(๖๗) นักศาสนศาสตร์บางคนเชื่อว่า ชิ้นส่วนสำคัญของร่างกายมนุษย์ทุกคน ซึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะได้รับการฟื้นคืนและกลับคืนมาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ชิ้นส่วนเหล่านี้ จะถูกแยกออกจากร่างกายเมื่อตายและคงอยู่ดั้งเดิมและรวมตัวกันอีกครั้งในมะอาด (๖๘) การกลับคืนสู่ร่างกายด้วยร่างกายมิษาล : ตามความคิดเห็นนี้ มองว่า จิตวิญญาณในมะอาดจะกลับสู่ร่างกายมิษาล [๖๙] อายะตุลลอฮ์ ซุบฮานีให้เหตุผลว่า ทัศนะนี้เป็นของบรรดานักปราชญ์ของสำนักปรัชญาอิชรอกและมุลลา ศ็อดรอ และความแตกต่างระหว่างทั้งสองกลุ่มนี้ มองว่า นักปรัชญาของสำนักอิรชอก ไม่สามารถพิสูจน์ร่างกายมิษาลและร่างกายทางวัตถุของโลกนี้ ให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ แต่มุลลา ศ็อดรอ ได้พิสูจน์และฟื้นฟูความแตกต่างระหว่างร่างกายทั้งสองให้กลับคืนสู่ความไม่สมบูรณ์และความสมบูรณ์แบบ [๗๐]

การกลับคืนของจิตวิญญาณสู่ร่างกายทางฟากฟ้า หรือร่างกายที่ประกอบด้วยควันหรืออากาศ : ตามความคิดเห็นนี้เป็นทัศนะของฟารอบีและอิบนุ ซีนา โดยเขาทั้งสองมองว่า จิตวิญญาณของผู้คนที่ยังไม่บรรลุถึงความสมบูรณ์แบบและไม่ได้ตัดความสนใจของพวกเขาออกจากร่างกายและโลก เป็นของจิตวิญญาณแห่งฟากฟ้าหรือประกอบไปด้วยควันและอากาศ แต่จิตวิญญาณของบุคคลที่มีความสมบูรณ์ ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยปราศจากร่างกาย [๗๑]

การกลับคืนของร่างกายทางวัตถุสู่จิตวิญญาณที่เป็นมุญัรร็อด (ทัศนะของ ออกอ อะลี มุดัรริซ) การกลับคืนของจิตวิญญาณสู่ร่างกายทางวัตถุมีความสมบูรณ์แล้ว (ทัศนะของ ซัยยิด อะบุลฮะซัน เราะฟีอี ก็อซวีนี ) และการกลับคืนของจิตวิญญาณสู่ร่างกายฮุรเกาะลียา (ทัศนะของเชคอะห์มัด อิห์ซา) ล้วนเป็นทัศนะต่างๆที่เกี่ยวกับประเด็นนี้ (๗๒)

การพึ่งพาของมะอาดต่อประเด็นของจิตวิญญาณ
มีการกล่าวกันว่า การพิสูจน์ถึงมะอาดและการฟื้นคืนชีพของจิตวิญญาณสู่ร่างกายนั้นอยู่บนพื้นฐานของการไม่เป็นวัตถุของจิตวิญญาณ (มุญัรร็อด) และการคงอยู่ของมัน [๗๓] มุฮัมมัดตะกี มิศบาห์ ยัซดี เชื่อว่า ในสภาพที่เราสามารถจินตนาการได้อย่างถูกต้องในชีวิตหลังความตาย หากเราถือว่า จิตวิญญาณเป็นมุญัรร็อด (ไม่ใช่วัตถุ) และแยกออกจากร่างกายและลักษณะของมัน (๗๔) จากทัศนะของเขา ระบุว่า ในกรณีที่ไม่มีความเชื่อในการเป็นมุญัรร็อดของจิตวิญญาณ การสมมุติฐานของมะอาดและการมีชีวิตใหม่ จะไม่เข้ากับสติปัญญาแต่อย่างใด (๗๕) บนพื้นฐานนี้ การมีจินตนาการที่ถูกต้องและเข้ากับสติปัญญาเกี่ยวกับมะอาดนั้น ขึ้นอยู่บนพื้นฐานการยอมรับสิ่งเหล่านี้ กล่าวคือ: การดำรงอยู่ของจิตวิญญาณ (นัฟซ์) แก่นแท้ของจิตวิญญาณ ความเป็นอิสระของจิตวิญญาณจากร่างกายและการคงอยู่ของมันหลังจากการตายของร่างกาย และการยอมรับว่า จิตวิญญาณเป็นส่วนหลักและแก่นแท้ของมนุษย์และตราบใดที่มันยังคงอยู่ การเป็นมนุษยชาติของมนุษย์จะถูกรักษาไว้ [๗๖]

ชาวคริสเตียนมักเชื่อด้วยว่า ชีวิตหลังความตายเป็นไปได้โดยการเชื่อในจิตวิญญาณที่เป็นมุญัรร็อด และเป็นอิสระจากร่างกาย ถึงขนาดที่มีการกล่าวกันว่า นักคิดที่สำคัญทุกคนในประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์ได้ยอมรับทัศนะนี้แล้ว (๗๗) ประเด็นอัตลักษณ์ของมนุษย์ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

ความเชื่อเรื่องมะอาดนั้น อยู่บนพื้นฐานกับข้อเท็จจริงที่ว่า มนุษย์ที่จะฟื้นคืนชีพในวันอาคิเราะฮ์ คือ มนุษย์คนกเดียวกันกับที่เขาเคยอาศัยอยู่ในโลกนี้ ประเด็นนี้เรียกว่า เป็นอัตลักษณ์ หรืออัตลักษณ์นี้ (๗๘) จุดประสงค์ของอัตลักษณ์ของบุคคลในประเด็นมะอาด กล่าวคือ บุคคลที่มีชีวิตอยู่ก่อนความตาย ในแง่ของจำนวน มิใช่ในวิธีการและลักษณะพิเศษต่างๆ (หมายเหตุ ๑) หรือ บุคคลที่มีชีวิตก่อนที่จะถึงความตาย [๗๙] ส่วนมากของผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้าและนักปรัชญาชาวมุสลิม (ต้องการแหล่งอ้างอิง) และชาวคริสเตียน [๘๐] ยอมรับในอัตลักษณ์ส่วนตัวที่เป็นจำนวนนี้ มีการกล่าวกันว่า คัมภีร์ของชาวคริสต์ได้สอนทัศนะนี้อีกด้วย (๘๑)

อะไรคือปัจจัยแห่งความเป็นเอกภาพและการมีอัตลักษณ์นี้ของมนุษย์ทางโลกนี้ (ก่อนตาย) กับมนุษย์ทางโลกหน้า (มนุษย์หลังความตาย) และด้วยเหตุผลใด บุคคลหลังความตายจึงเหมือนกับบุคคลก่อนตาย บรรดานักปรัชญามุสลิม ถือว่า จิตวิญญาณเป็นเครื่องวัดและปัจจัยแห่งความเป็นเอกภาพของมนุษย์ทางโลกนี้และโลกหน้า จากทัศนะของพวกเขาระบุว่า สสารและร่างกายไม่สามารถเป็นเกณฑ์วัดของการมีอัตลักษณ์นี้ทางโลกนี้และโลกหน้าได้ เนื่องจากเหตุผลของการเปลี่ยนแปลง (๘๒) ตามทัศนะของ มุลลา ศ็อดรอ ระบุว่า เกณฑ์วัดการคงอยู่ของมนุษย์ คือ การคงอยู่และการรักษาจิตวิญญาณของเขา ตราบใดที่ลมหายใจยังคงอยู่ เขาก็ยังคงอยู่ แม้ว่าอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปก็ตาม ตัวอย่างเช่น เมื่อคนที่ชื่อว่า ซัยด์ ถูกถามว่า ซัยด์ ในวัยเยาว์นั้นเหมือนกับซัยด์ เมื่อเขายังเด็กและชราภาพหรือไม่ มุลลา ศ็อดรอ ก็ถือว่า ซัยด์ เป็นคนๆเดียวกัน เนื่องจากการคงอยู่ของจิตวิญญาณของเขาในตลอดช่วงอายุขัยของเขาในโลกนี้และเนื่องจากการคงอยู่ของจิตวิญญาณ ซัยด์ในโลกนี้ก็คือ ซัยด์ในโลกหน้าด้วยเช่นกัน (๘๓)

มุฮัมมัดตะกี มิศบาห์ ยัซดี ยังยอมรับเกณฑ์วัดของจิตวิญญาณและเชื่อว่า หากไม่ยอมรับว่า จิตวิญญาณที่เป็นมุญัรร็อดและเป็นอิสระจากร่างกาย การสมมุติฐานว่า การมีชีวิตใหม่ของบุคคลก่อนตาย จะไม่เข้ากับสติปัญญา [๘๔] ตามความเชื่อของเขา ระบุว่า จิตวิญญาณเป็นมุญัรร็อดและไม่มีการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังความตาย มันสามารถคงอยู่ได้ หลังจากการตายของร่างกาย และเมื่อมันกลับสู่ร่างกายอีกครั้ง ก็สามารถรักษาความเป็นเอกภาพและอัตลักษณ์นี้ของบุคคลได้ แต่หากผู้ใดคิดว่า การดำรงอยู่ของมนุษย์มีอยู่ในกายทางวัตถุที่จับต้องได้นี้เพียงเท่านั้น มันก็จะถูกทำลายไปพร้อมกับการแตกสลายของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้น จึงไม่สามารถนำเสนอจินตนาการที่ถูกต้องในประเด็นมะอาดได้ (๘๕)

โองการที่ ๑๑ จากซูเราะฮ์ อัซซัจญ์ดะฮ์ [หมายเหตุ ๒] ได้รับการพิจารณาว่า เป็นหลักฐานของทัศนะนี้ ตามที่มีความสอดคล้องของความเป็นมนุษย์และลักษณะของแต่ละบุคคล คือ สิ่งที่เทวทูตแห่งความตายจะเอาไป ไม่ใช่ร่างกายที่กระจัดกระจายและสูญสลาย [๘๖]

มาตรวัดของร่างกายหรือสมอง (มีร่างกายเดียวหรือสมองเมื่อเวลาผ่านไป) เกณฑ์วัดของความทรงจำ (ความต่อเนื่องของความทรงจำและการจดจำความทรงจำเมื่อเวลาผ่านไป) อยู่ในเกณฑ์และทฤษฎีอื่นๆ ที่ได้รับการเสนอโดยผู้ปฏิเสธการมีจิตวิญญาณในประเด็นอัตลักษณ์ส่วนบุคคล [๘๗]

ความเป็นไปได้ของมะอาด
สำหรับการพิสูจน์ถึงความเป็นไปได้ของมะอาดและพิจารณาว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ มีการอ้างอิงโองการจากอัลกุรอาน สาม [๘๘] ห้า [๘๙] หรือหก [๙๐] ประเภท อายะตุลลอฮ์ ญะวาดี อามุลี ได้อธิบายโองการเหล่านี้ออกเป็น 5 ประเภท มีดังนี้ :

โองการที่บ่งบอกถึงการสร้างมนุษย์ครั้งแรก เช่น โองการที่ ๗๙ ซูเราะฮ์ ยาซีน โองการที่ ๒๗ ซูเราะฮ์ อัรรูม และโองการที่ ๑๙ ซูเราะฮ์ อัลอังกะบูต โดยในโองการที่ ๒๗ ระบุว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเริ่มต้นการสร้างและการสร้างอีกครั้ง และเป็นการง่ายยิ่งกว่าสำหรับพระองค์ที่จะทรงสร้างขึ้นมาใหม่

โองการที่พระเจ้าทรงสาธยายถึงกระบวนการสร้างจักรวาล โดยเฉพาะชั้นฟ้าทั้งหลาย และกล่าวถึงพลังอำนาจของพระองค์ เช่น โองการที่ ๙๙ ซูเราะฮ์ อัลอิซรออ์ โองการที่ 99 โองการที่ ๕๗ ซูเราะฮ์ อัลฆอฟิร และโองการที่ ๓๓ ซูเราะฮ์ อัลอะห์กอฟ

ในโองการที่ ๘๑ ซูเราะฮ์ ยาซีน กล่าวว่า ผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะไม่สามารถทำให้มนุษย์ฟื้นคืนชีพในวันแห่งการฟื้นคืนชีพได้หรือไม่?

โองการที่กล่าวถึงการมีชีวิตอีกครั้งของโลก ซึ่งถือเป็นตัวอย่างทางประสาทสัมผัสเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่คนตายจะฟื้นคืนชีพ รวมถึงโองการที่ ๑๙ และ ๕๐ ซูเราะฮ์ อัรรูม โองการที่ ๙ ซูเราะฮ์ อัลฟาฏิร และโองการที่ ๕๗ ซูเราะฮ์ อัลอะอ์รอฟ

โองการที่กล่าวการเริ่มต้นของการสร้างมนุษย์และระยะของการก่อตัวและพัฒนาการของทารกสู่ร่างกายของมนุษย์ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความเป็นไปได้ของมะอาด ตัวอย่างเช่น โองการที่ ๕ และ ๖ ซูเราะฮ์ อัลฮัจญ์ โองการที่ ๑๒ ถึง โองการที่ ๑๖ ซูเราะฮ์ อัลมุอ์มินูน และโองการที่ ๓๗ จนถึงโองการที่ ๔๐ ซูเราะฮ์ อัลกิยามะฮ์

ในโองการที่ ๓๗-๔๐ ซูเราะฮ์ อัลกิยามะฮ์ มีการกล่าวกันว่า พระเจ้า ผู้ทรงสร้างมนุษย์จากเชื้ออสุจิและเป็นก้อนเลือด พระองค์ไม่สามารถที่จะฟื้นคืนชีพผู้ที่ตายแล้วให้มีชีวิตอีกครั้งกระนั้นหรือ?

โองการที่ฉายภาพจากตัวอย่างที่รูปธรรมของมะอาดจากการฟื้นคืนชีพของคนตาย บางส่วนของตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของมะอาดของผู้ตายที่ถูกกล่าวถึงในอัลกุรอาน ได้แก่ :

ตามโองการที่ ๕๕ และ ๕๖ ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ บรรดาสหายทั้งเจ็ดสิบคนของศาสดามูซา (อ. ) ซึ่งพวกเขาร้องขอการมองเห็นพระเจ้าด้วยสายตาของพวกเขา เนื่องจากฟ้าผ่าทำให้เขาตาย แล้วหลังจากนั้น พระองค์ก็ทรงฟื้นคืนชีพพวกเขา

เรื่องราวของบุคคลจากบะนี อิสรออีล ที่ถูกสังหารและฟื้นคืนชีพขึ้นมาโดยเอาอวัยวะส่วนหนึ่งของวัวที่ถูกเชือดไปไว้บนร่างกายของเขา เรื่องนี้ได้ถูกกล่าวถึงในซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ ๗๒ และ ๗๓

เรื่องราวของอุซัยร์หรืออิรมิยา ตามโองการที่ ๒๕๙ ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ พระเจ้าทรงให้เขาตายเป็นเวลาร้อยปี แล้วพระองค์จึงทรงทำให้เขาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

เรื่องราวของสหายชาวถ้ำในถ้ำ เพื่อให้ปลอดภัยจากการถูกกดขี่ข่มเหงจากเหล่าพวกตั้งภาคีและเพื่อรักษาความศรัทธาของพวกเขาและได้นอนหลับไป (เสียชีวิต) เป็นเวลา ๓๐๙ ปี แล้วพวกเขาจึงกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

การฟื้นคืนชีพของนกทั้งสี่ตัวของศาสดาอิบรอฮีม (นกสี่ตัวที่ศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ได้ตัดเป็นชิ้นๆ และชิ้นส่วนของแต่ละตัวถูกวางไว้บนภูเขาแล้วพวกมันก็มีชีวิตอีกครั้งโดยได้รับอนุญาตจากพระเจ้า) อายะฮ์ที่ ๒๖๐ ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้

การฟื้นคืนชีพของผู้ตายบางส่วนด้วยความมหัศจรรย์ของศาสดาอีซา (อ.) ซึ่งถูกกล่าวถึงในโองการต่างๆ เช่น โองการที่ ๔๙ ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน และโองการที่ ๑๑๐ ซูเราะฮ์ อัลมาอิดะฮ์ (๙๒)

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม