“วันมัสยิดสากล” วันรำลึกการเผา มัสยิดอัลอักซอ โดยน้ำมือยิวไซออนิสต์
วันมัสยิดสากล” วันรำลึกการเผา มัสยิดอัลอักซอ โดยน้ำมือยิวไซออนิสต์
ประมาณครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา หมายถึงเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1969 มัสยิดอัลอักซอ (ซึ่งเป็นกิบลัตแรกของชาวมุสลิมและเป็นหนึ่งในสถานที่ประกอบอิบาดะฮ์ การนมัสการและการเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นที่เคารพเทิดทูนของทุกศาสนาแห่งฟากฟ้า) ได้ถูกเผาโดยชาวไซออนิสต์ สองเดือนหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการจัดประชุมในโมร็อกโกโดยการเข้าร่วมของบรรดาผู้นำรัฐบาลอิสลาม แต่ในการประชุมครั้งนี้กษัตริย์ชาฮ์แห่งอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิสราเอลไม่ได้กล่าวถึงเกี่ยวกับการถูกเผาของมัสยิดอัลอักซอแต่อย่างใดเลย
จากการดำเนินการดังกล่าวนี้ได้เผชิญกับปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรงจากท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ซึ่งขณะนั้นท่านถูกเนรเทศและพำนักอยู่ในเมืองนะญัฟอัลอัชร็อฟ ประเทศอิรัก ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ถือว่าการประชุมบรรดาผู้นำประเทศอิสลามครั้งนั้นเนื่องจากการขาดความบริสุทธิ์ใจและความจริงใจของผู้เข้าร่วมบางคน จึงไม่มีส่วนใดๆ ในการรับใช้ชาวมุสลิมเลย
ในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของอิรัก ท่านอิมาม (อ.) ได้กล่าวย้ำว่า : “ตราบใดที่ปาเลสไตน์ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ชาวมุสลิมไม่ควรที่จะบูรณะซ่อมแซมมัสยิดอัลอักซอขึ้นมาใหม่ พวกเขาจงปล่อยให้อาชญากรรมของไซออนิสต์ที่กระทำต่อมัสยิดนี้ปรากฏแก่สายตาของชาวมุสลิมตลอดไป และให้มัสยิดนี้จงเป็นบ่อเกิดของการเคลื่อนไหวเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์”
ในปี ค.ศ.2002 ในระหว่างการประชุมของบรรดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของประเทศสมาชิกOIC (57 คน) ครั้งที่ 30 ณ กรุงเตหะราน โดยการเสนอของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยกำหนดให้วันที่มัสยิดอัลอักซอต้องถูกเผาโดยไซออนิสต์ (21 สิงหาคม) เป็น “วันมัสยิดโลก”
ขณะที่ในช่วงหลายเดือนมานี้ กลุ่มก่อการร้ายตักฟีรีโดยการปฏิบัติตามสันดานชั่วในการต่อต้านอิสลามของชาวไซออนิสต์ และภายใต้หน้ากากของการสร้างความขัดแย้งทางมัซฮับ (นิกาย) ในหมู่ชาวมุสลิมนั้น พวกเขาได้ทำการทำลายมัสยิดและบรรดาสัญลักษณ์ต่างๆ แห่งเตาฮีด (การยอมรับในเอกานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า)
วันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1969 มัสยิดอัลอักซอถูกวางเพลิงโดยชาวไซออนิสต์ และหลายปีต่อมาหลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน วันนี้ (21 สิงหาคม) จึงถูกกำหนดโดยบรรดาสมาชิก OIC ให้เป็น “วันมัสยิดสากล” โดยการเสนอของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน
แปล/เรียบเรียง : ศูนย์สารสนเทศ สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
ขอขอบคุณเว็บไซต์ islamicstudiesth