วะฮาบี คือ ผู้ทำลายสุสานบะกีอ์อัลฆ็อรก็อด

วะฮาบี คือ ผู้ทำลายสุสานบะกีอ์อัลฆ็อรก็อด


ลัทธิ “วะฮ์ฮาบี” ได้ปรากฏตัวขึ้นโดยอังกฤษ และได้กลายเป็นมัซฮับ (นิกาย) ที่เป็นทางการของประเทศซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากรากฐานของนิกายนี้คือการต่อต้านชีอะฮ์และการต่อสู้กับชีอะฮ์ จึงหาทางที่จะลบและทำลายร่องรอยทั้งมวลของชีอะฮ์ ชาววะฮ์ฮาบีนั้นคือผู้ปฏิบัติตาม “มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ” ซึ่งเขาได้รับแนวคิดทั้งหมดมาจาก “อิบนุตัยมียะฮ์” และสานุศิษย์ของเขา คือ “อิบนุก็อยยิม” และได้ก่อตั้งมัซฮับ (นิกาย) จอมปลอมและหลงผิดที่มีนามว่า “วะฮ์ฮาบี” ขึ้น


อิบนุตัยมียะฮ์ และอิบนุก็อยยิม คือลูกศิษย์สองคนแรกที่ออกฟัตวา (คำตัดสินปัญหาศาสนา) ว่า : การสร้างสิ่งก่อสร้างบนหลุมฝังศพต่างๆ นั้นเป็นที่ต้องห้าม (ฮะรอม) และเป็นหน้าที่จำเป็น (วาญิบ) ที่จะต้องทำลายสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นโดยเร็วเมื่อมีอำนาจที่จะทำลายมันได้ (1)

 

อิบนุก็อยยิม ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า :

 

يجب هدم المشاهد الّتي بُنيتْ على القبور، و لا يجوز إبقاؤها بعد القدرة على هدمها و إبطالها يوماً واحداً

 

“การทำลายอาคารต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นบนหลุมฝังศพทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งจำเป็น และไม่อนุญาตให้คงสภาพมันไว้ได้แม้เพียงวันเดียว หลังจากที่มีความสามารถที่จะรื้อถอนและทำลายมัน” (2)

 

 
จากคำฟัตวานี้นั่นเองที่ “มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ” ได้กล่าวอ้างสิ่งเดียวกันนี้ และรัฐบาลซาอุดีอาระเบียก็ได้ปฏิบัติตามมัซฮับ (นิกาย) นี้ โดยที่ในวันที่ 8 เดือนเชาวาล ปี ฮ.ศ.1343 ได้ออกคำสั่งให้ทำลายอาคารก่อสร้างทั้งมวลที่ถูกสร้างขึ้นบนหลุมฝังศพของบรรดาอิมาม (อ.) ในสุสานบะกีอ์ในนครมะดีนะฮ์ และสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่อยู่บนหลุมฝังศพ (ของอิมามทั้งสี่) และอาคารต่างๆ ที่อยู่ในสุสานบะกีอ์จึงถูกรื้อถอนและทำลายลงอย่างราบคาบ (3)


พวกเขาได้ทำลายสถานฝังศพของอิมามทั้งสี่ของชีอะฮ์ ได้แก่ อิมามฮะซัน มุจญ์ตะบา, อิมามซัยนุลอาบิดีน, อิมามบากิร และอิมามซอดิก (อ.) ลงอย่างอุกอาจและไร้ยางอายอย่างยิ่ง จนเหลือรูปลักษณ์ดั่งที่เห็นในปัจจุบันนี้ ซึ่งไม่มีแม้แต่สิ่งที่จะให้ร่มเงากำบังแดด ด้วยการกระทำที่หยาบคายและน่าเกลียดนี้พวกเขาไม่ได้ทำร้ายจิตใจของชาวชีอะฮ์เพียงเท่านั้น ทว่าหัวใจของทุกคนที่มีความรักและความผูกพันต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ล้วนรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าโศกเสียใจต่ออาชญากรรมที่น่ากลัวนี้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังได้พยายามที่จะทำลายร่องรอยทั้งหมดของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ที่เหลืออยู่ ด้วยเหตุนี้เองจะเห็นได้ว่าแม้แต่ตรอกซอยบนีฮาชิม บ้านของท่านอิมามอะลี (อ.) และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ (อ.) พวกเขาก็ได้ทำลาย เพื่อที่จะลบเลือนชื่อของท่านเหล่านั้นออกไปจากความคิดและความทรงจำของประชาชน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ให้จืดจางลงไป


แต่ทว่าพวกเขาจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายอันชั่วร้ายที่เกิดจากจิตใจที่สกปรกของพวกเขาได้ ความรักและความผูกพันที่ประชาชนมีต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในทุกๆ วัน กระทั่งว่าในหมู่พี่น้องชาวซุนนีเองก็มีความรักผูกพันต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) มากยิ่งขึ้น ประชาชนมีความหลงใหลในบุคลิกภาพที่สูงส่งของท่านเหล่านั้นมากยิ่งขึ้น และโดยการช่วยเหลือของพระผู้เป็นเจ้ามันจะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน

 


สองภาพที่อยู่ข้างล่างนี้ คือภาพสถานฝังศพของอิมามผู้ถูกอธรรมทั้งสี่ท่านซึ่งถูกทำลายโดยราชวงศ์ซะอูดที่ชั่วร้าย อินชาอัลลอฮ์ (หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์) โดยการปรากฏกาย (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) และการถูกกำจัดของราชวงศ์ซะอูดและลัทธิวะฮ์ฮาบีที่ชั่วร้ายนี้ เราจะสามารถสร้างสถานฝังศพที่เหมาะสมและคู่ควรต่อสถานภาพของอิมามทั้งสี่นี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

 


เชิงอรรถ :


(1) อัลวะฮ์ฮาบียะฮ์ ฟิลมีซาน, หน้าที่ 28


(2) ซาดุลมะอาด ฟี ฮุดา ค็อยริลอิบาด, หน้าที่ 661


(3) อัลวะฮ์ฮาบียะฮ์ ฟิลมีซาน, หน้าที่ 28


ขอขอบคุณเว็บไซต์ thaitalabeh