เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

บทเรียนจากท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) :สาเหตุของความตาย

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

บทเรียนจากท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) :สาเหตุของความตาย

 

คำสนทนาระหว่างท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) กับลูกศิษย์ของท่าน


สาเหตุของความตาย

 

        ญาบิร : พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์และให้ชีวิตจิตวิญญาณแก่พวกเขา เหตุใดพระองค์จึงต้องลิขิตความตายและความสูญสลายแก่พวกเขาด้วยเล่า!?

 

        อิมามซอดิก (อ.) : “ความตาย” มิได้เป็น “การสูญสลาย” ดังที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจแต่อย่างใด แต่ทว่าเป็น “การเปลี่ยนชีวิตหนึ่งไปสู่ชีวิตหนึ่ง” ต่างหาก...

 

        สำหรับมุสลิมที่ความศรัทธาของเขาเกิดจากความรู้ความเข้าใจที่ถ่องแท้แล้ว เขาจะไม่หวาดหวั่นต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างแน่นอน... แต่ถ้าผู้ที่มิใช่มุสลิมเป็นผู้ตั้งคำถามดังกล่าว ฉันจะตอบพวกเขาว่า “ความตาย คือประตูที่เปิดให้มนุษย์เข้าไปสู่ชีวิตในโลกใหม่ และเขาจะมีชีวิต (ในโลกใหม่) อีกครั้งหนึ่ง โอ้ ญาบิรฺ ! เจ้าเคยมีชีวิตอยู่ในครรภ์มารดาของเจ้ามาก่อนใช่ไหม?

 

        ญาบิร : ใช่ครับ

 

        อิมามซอดิก (อ.) : เจ้ารับประทานอาหารขณะที่อยู่ในครรภ์มารดาใช่ไหม?

 

        ญาบิร : ใช่ครับ

 

        อิมามซอดิก (อ.) : เจ้าเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา เพียงแต่คลอดออกมาในสภาพของทารกใช่ไหม?

 

        ญาบิร : ใช่ครับ ฉันเชื่อว่าฉันเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา

 

        อิมามซอดิก (อ.) : พอจะนึกได้ไหมว่าในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา เจ้าเคยคิดคำนึงถึงความตายมาก่อนหรือไม่?

 

        ญาบิร : ไม่ทราบครับ

 

        อิมามซอดิก (อ.) : นอกจากความตายแล้ว ในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา เจ้าเคยตั้งเจตนารมณ์หรือมีเป้าหมายอะไรบ้างไหม?

 

        ญาบิร : ฉันไม่สามารถทบทวนความทรงจำและรำลึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ เมื่อครั้งที่มีชีวิตอยู่ในนั้นได้อย่างสิ้นเชิง

 

        อิมามซอดิก (อ.) : ระหว่างการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้กับชีวิตที่อยู่ในครรภ์มารดา เจ้าคิดว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน?

 

        ญาบิร : การมีชีวิตในครรภ์มารดานั้นแสนสั้นนัก ไม่มากไปกว่า 9 เดือน

 

        อิมามซอดิก (อ.) : บางทีเจ้าอาจจะเคยจินตนาการมาก่อนก็ได้ว่าช่วงเวลา 9 เดือน สำหรับการมีชีวิตในครรภ์มารดานั้นอาจจะเนิ่นนานกว่าการมีชีวิตในโลกนี้ถึง 80 – 90 ปี ทั้งนี้เนื่องจากมาตรฐานของช่วงเวลาในแต่ละสภาวการณ์มีความแตกต่างกัน และขึ้นอยู่กับว่าใครจะสังเกตการดำเนินชีวิตของตนได้ดีกว่ากัน

 

        ฉันเชื่อว่าบ่อยครั้งที่เวลาหลายชั่วโมงสำหรับเจ้า อาจจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งว่ามันเพิ่งผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น และในทางกลับกัน บ่อยครั้งที่เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง มันช่างเชื่องช้าจนดูประหนึ่งว่ามันกินเวลาเป็นสิบ ๆ ชั่วโมงเลยทีเดียว

 

        ในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา เจ้าเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และมีสติสัมปชัญญะและความรู้สึกนึกคิด ด้วยเหตุนี้บางทีเจ้าอาจจะเคยมีความหวังความตั้งใจอย่างมากมาย เพียงแต่เจ้าไม่สามารถจะทบทวนความทรงจำเหล่านั้นได้ ในฐานะที่เจ้าก็เป็นปราชญ์คนหนึ่ง เจ้าไม่เคยคิดบ้างหรือว่าการคลอดออกจากครรภ์มารดามาสู่โลกนี้ คือความตายชนิดหนึ่ง

 

        เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าในขณะที่มีชีวิตอยู่ในครรภ์มารดานั้น เจ้าปรารถนาที่จะอยู่ในนั้นตลอดไป เพราะไม่มีโลกหรือสถานที่ใดที่จะสะดวกสบายและวิเศษไปกว่านั้นอีกแล้ว และการที่จะต้องอำลาจากสถานที่ที่พิเศษเช่นนั้น (ดังที่ฉันได้กล่าวว่าเป็นความตายชนิดหนึ่ง) จะทำให้เจ้ามีความกังวลและอนาทรร้อนใจจนต้องกู่ก้องร้องตะโกน เมื่อเจ้าถือกำเนิดมาอยู่ในโลกนี้

 

        แต่ ณ วันนี้ เจ้ามีความเชื่อแล้วว่าในโลกที่เจ้ากำลังอาศัยอยู่นี้ มีความวิเศษกว่าโลกที่เจ้าเคยอาศัยอยู่ในครรภ์มารดาเสียอีก

 

        ญาบิร : ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถรู้หรือทบทวนความทรงจำถึงสภาพความเป็นอยู่ของฉันในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดาได้ แต่ฉันก็เชื่อมั่นว่าชีวิตในโลกปัจจุบันจะต้องมีความวิเศษกว่าอย่างแน่นอน

 

       อิมามซอดิก (อ.) : นี่คือสิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่า โลกภายหลังจากความตายย่อมมีความวิเศษและดีกว่าโลกนี้อย่างแน่นอน

 

       ญาบิร : แต่หากมีสภาพที่เลวร้ายไปกว่านี้ละ!

 

       อิมามซอดิก (อ.) : ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าเฉพาะกลุ่มชนที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามสารธรรมคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเคร่งครัดเท่านั้น ที่โลกภายหลังจากความตายจะมีความวิเศษและดีกว่าโลกปัจจุบัน เพราะนอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาต่อมนุษยชาติในเรื่องดังกล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว สามัญสำนึกและสติปัญญาถือว่าไม่อาจจะเป็นอย่างอื่นได้ ทั้งนี้เนื่องจากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรอบรู้ ทรงเดชานุภาพและทรงยุติธรรม พระองค์จะไม่ทรงบิดพลิ้วสัญญา ไม่ทรงอิจฉาริษยาและอาฆาตพยาบาท ที่จะนำปวงบ่าวผู้เป็นกัลยาณชนของพระองค์จากโลกที่ดีงามไปสู่โลกที่เลวร้ายอย่างแน่นอน

 

        และสมมุติว่าพระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงสัญญาเอาไว้อย่างชัดเจนมาก่อน แต่เนื่องจากเป้าหมายที่พระองค์ทรงสรรสร้างมนุษย์ก็เพื่อการวิวัฒนาการไปสู่ความสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้สามัญสำนึกของเราจึงสามารถตัดสินได้ว่าชีวิตภายหลังจากความตาย ย่อมจะมีความวิเศษกว่าชีวิตในโลกนี้อย่างแน่นอน...

 


แหล่งอ้างอิง :

 

(1) ซินเดกีนอเมะฮ์ 14 มะอฺซูม, อายะตุลลอฮ์ ซัยยิด มุฮัมมัดตะกีย์ มุดัรริซ, หน้า 602

(2) อุซุลกาฟี, ฉบับแปลมุฮัมมัด บากิร, เล่มที่ 1, หน้า 211-217

(3) อิฮ์ติยาจญ์ เฏาะบัรซีย์, เล่มที่ 2, หน้า 75


บทความ : เชค ดร.มุฮัมมัดชะรีฟ เกตุสมบูรณ์

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม