เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

แหล่งที่มาของฟิกฮฺชีอะฮฺ (นิติศาสตร์) คืออะไร

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

แหล่งที่มาของฟิกฮฺชีอะฮฺ (นิติศาสตร์) คืออะไร

 

 

คำตอบ : ชีอะฮฺได้ยึดถือปฏิบัติตามอัล-กุรอานและซุนนะฮฺ (แบบฉบับ) ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) อย่างเคร่งครัด ส่วนการพิสูจน์อะฮฺกามชัรอียฺ ได้ยึดแหล่งที่มาอันเป็นพื้นฐานสำคัญของวิชาการและความรู้ ได้แก่

 

๑. อัล-กุรอาน

 

๒. ซุนนะฮฺ (แบบฉบับของท่านศาสดา)

 

๓. อิจมาอฺ (การเห็นพ้องต้องกันของนักปราชญ์ที่ต่างยุคสมัย)

 

๔. สติปัญญา

 

จากแหล่งที่มาของความรู้ อัล-กุรอานและซุนนะฮฺของท่านศาสดาเป็นแหล่งที่มาที่สำคัญที่สุดของฟิกฮฺชีอะฮฺ

 

อัล-กุรอาน ผู้ปฏิบัติตามแนวทางชีอะฮฺทุกคนยึดอัล-กุรอานเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับฟิกฮฺ และเป็นมาตรฐานในการรู้จักอะฮฺกามของพระผู้เป็นเจ้า เพราะบรรดาผู้นำชีอะฮฺได้ยึดอัล-กุรอาน เป็นที่ย้อนกลับของความรู้สูงสุดในการพิสูจน์อะฮฺกามและกฎต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ คำพูดอื่นจะถือว่าถูกต้องและสามารถนำไปปฏิบัติได้ก็ต่อเมื่อนำไปเทียบกับอัล-กุรอานแล้วไม่มีความขัดแย้งกัน แต่ถ้ามีความขัดแย้งต้องละทิ้งคำพูดเหล่านั้น และยึดอัล-กุรอานเป็นเกณฑ์

 

ท่านอิมามญะอฺฟัรซอดิก (อ.) อิมามท่านที่ 6 ของชีอะฮฺ กล่าวว่า

 

و كلّ حديثٍ لا يوا فق كتاب الله فهو زخرفٌ

 

ทุกคำพูดที่ไม่สอดคล้องกับอัล-กุรอานถือว่าไม่มีรากที่มา [1]

 

ท่านอิมาม (อ.) ได้รายงานริวายะฮฺจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) โดยกล่าวว่า

 

أيها النّاس ما جاءكم عنّى يوافق كتاب الله فأنا قلته و ماجاءكم يخالف كتاب الله فلم أقله

 

โอ้ประชาชนเอ๋ย ทุกคำพูดที่กล่าวว่ามาจากฉัน ถ้าสอดคล้องกับอัล-กุรอานเป็นคำพูดของฉัน แต่ถ้าคำพูดใดไม่สอดคล้องกับอัล-กุรอานไม่ใช่คำพูดของฉัน [2]

 

จากฮะดีษทั้ง ๒ ที่กล่าวมาทำให้รู้ว่าบรรดาผู้นำชีอะฮฺได้ยึดเอาอัล-  กุรอานเป็นแหล่งพิสูจน์อะฮฺกามที่สำคัญที่สุด

 

ซุนนะฮฺ


ซุนนะฮฺหมายถึง คำพูด การกระทำ หรือการที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) สนับสนุนการกระทำบางอย่าง ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งที่มาสำคัญของความรู้ด้านฟิกฮฺของชีอะฮฺ และด้านอื่น ๆ บรรดาอิมาม (อ.) ผู้บริสุทธิ์เป็นผู้รักษาและอธิบายซุนนะฮฺโดยตรงของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และยังเป็นคลังวิชาสำหรับท่านอีกต่างหาก แน่นอนถ้าซุนนะฮฺของท่านได้รับการถ่ายทอดโดยกลุ่มบุคคลหรือ วิธีการอื่นที่สามารถเชื่อถือได้ ชีอะฮฺก็ยอมรับเช่นกัน

 

เป็นการดีถ้าหากพิจารณา 2 ประเด็นที่มีความสำคัญดังต่อไปนี้

 

เหตุผลที่ยึดมั่นซุนนะฮฺของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) บรรดาอิมาม (อ.)ได้กล่าวถึงความจำเป็นในการปฏิบัติตามอัล-กุรอาน และยังได้กล่าวแนะนำให้ยึดมั่นซุนนะฮฺของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)  ซึ่งทั้ง ๒ เป็นความสมบูรณ์ของกันและกัน ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า

 

إذا ورد عليكم حديثٌ فوجدتم له شاهداً من كتاب الله أو من قول رسول الله و إلا فالّذى جاءكم به اولى به

 

เมื่อใดก็ตามที่คำพูดหนึ่งได้มาถึงท่าน ดังนั้น ถ้าอัล-กุรอานและซุนนะฮฺรับรองคำพูดท่านจงรับไว้ แต่ถ้าไม่รับรอง คำพูดนั้นดีสำหรับคนนำมา [3]

 

 

ท่านอิมามมุฮัมมัดบากิร (อ.) กล่าวว่าการยึดมั่นในซุนนะฮฺของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เป็นเงื่อนไขพื้นฐานสำหรับบุคคลที่เป็นมุจตะฮิด ท่านกล่าวว่า บุคคลที่เป็นฟะกีฮฺที่แท้จริงได้แก่ผู้ที่หลีกเลี่ยงความลุ่มหลงโลก  มีความพึงปรารถนาในโลกหน้า และยึดมั่นซุนนะฮฺของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) อย่างเคร่งครัด [4]

 

หมายเหตุ ฟะกีฮฺ หมายถึงบุคคลที่มีความชำนาญ และเชี่ยวชาญพิเศษด้านนิติศาสตร์อิสลาม

 

บรรดาอิมาม (อ.) ของชีอะฮฺมีความเคร่งครัดต่อซุนนะฮฺอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่ว่า ใครก็ตามขัดแย้งกับซุนนะฮฺ และอัล-กุรอานเป็นกาฟิร เกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า

 

مَن خَالَفَ كتاب الله و سنة محمدٍ فقد كفر

 

บุคคลใดก็ตามขัดแย้งกับอัล-กุรอานและซุนนะฮฺเป็นกาฟิร [5]

 

จากคำอธิบายดังกล่าวเป็นที่ชัดเจนว่า ชีอะฮฺเป็นนิกายที่มีความเคร่งครัดต่อซุนนะฮฺของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) อย่างยิ่ง อาจกล่าวได้ว่ามากกว่านิกายอื่น ๆ ทั้งหมด ดังนั้น การที่มีบางคนกล่าวหาชีอะฮฺว่าเป็นนิกายที่ละเลยต่อซุนนะฮฺ จึงไม่เป็นความจริง เป็นคำพูดที่ไม่มีแก่นสารและมูลความจริงแต่อย่างใด

 

แหล่งอ้างอิง


[1] อุซูล กาฟียฺ เล่มที่1 กิตาบฟัฎลุอิลมฺ ฮะดีษที่ 3
[2] อ้างแล้วเล่มเดิม ฮะดีษที 5
[3] อ้างแล้วเล่มเดิม
[4] อ้างแล้วเล่มเดิม ฮะดีษที่ 8
[5] เล่มเกิม ฮะดีษที่ 6

 

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์อิมามอะลี

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม