มักกะห์ ดินแดนแห่งพันธะสัญญา

มักกะห์ ดินแดนแห่งพันธะสัญญา

       

“มักกะห์ ดินแดนแห่งพันธะสัญญา” แต่สำหรับมุสลิมแล้ว ภาวะทางเศรษฐกิจของชาวมักกะห์นั้นมีนัยทางศาสนาอย่างลึกซึ้ง และน่าอัศจรรย์ เพราะว่ามันเป็นผลมาจากพันธะสัญญาระหว่างอัลลอฮ์ และนบีอิบรอฮีม เป็นที่ทราบกันดีว่า ในประวัติศาสตร์ของอิสลามนั้น ท่านนบีอิบรอฮีม และลูกน้อยอิสมาอีลได้มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ และจะต้องดำรงชีวิตอยู่ตรงนี้ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาอิสลามนั่นคือ วิหารสี่เหลี่ยมกะบะห์หรือบัยตุลลอฮ์

 

       

ในขณะนั้น นบีอิรอฮีมคงจะรู้ดีว่าต่อไปลูกหลานของท่านคงจะอาศัยอยู่ในมักกะห์เป็นส่วนใหญ่ แต่เมืองมักะห์อยู่กลางทะเลทรายร้อนจัดในเวลากลางวัน และหนาวจัดในช่วงเวลากลางคืน และเต็มไปด้วยภูเขาหินใหญ่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเมืองมักกะห์อาจจะอยู่ไกลจากแหล่งน้ำนอกจากบ่อน้ำซัมซัม ดังนั้นสภาพของภูมิศาสตร์เช่นนี้ คงไม่ใช่ที่ที่จะมีการเพาะปลูกหรือมีพืชพันธ์ธัญญาหารใดๆ ดังนั้นท่านนบีอิรอฮีม จึงหวั่นวิตกว่า ลูกหลาน เหลน โหลน ของท่านที่อยู่ในพื้นดินแห้งแล้งนี้อาจจะต้องอดอยากในอนาคตและหลบหนีไปอยู่ที่อื่น

 

        

ดังนั้น วิธีเดียวที่ท่านจะมีความหวังต่อลูกหลานได้ คือดุอาอ์จากอัลลอฮ์ เท่านั้นเพื่อให้พระองค์ประทานเครื่องยังชีพโดยตลอด ในที่สุดท่านก็ขอดุอาอ์อย่างตรงไปตรงมาที่สุดนั้น คือ ขอให้พระองค์ประทานพืชพันธ์ธัญญาหารอย่างบริบูรณ์ ดุอาอ์ของท่านปรากฏในอัลกรุอานด้วยข้อความดังนี้

 

“และจงรำลึกขณะที่อิบรอฮีมได้วิงวอนว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ โปรดทรงให้ที่นี่เป็นเมืองที่ปลอดภัยและโปรดประทานบรรดาผลไม้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่ชาวเมืองนั้นด้วย  คือผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลก”

(2:126)

 

“โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ได้ให้ลูกหลานของข้าพระองค์ พำนักอยู่ ณ ที่ราบลุ่มนี้โดยไม่มีพืชผลใดๆ

 

ซึ่งอยู่ใกล้บ้านอันเป็นเหตุหวงห้ามของพระองค์ โอ้พระเจ้าของเราเพื่อให้พวกเขาดำรงการละหมาด ขอพระองค์ทรงให้จิตใจจากปวงมนุษย์ มุ่งไปยังพวกเขา

และโปรดประทานปัจจัยยังชีพที่เป็นพืชผลแก่พวกเขา เพื่อว่าพวกเขาจะขอบคุณ"

 

ที่มา อัลอิศลาห์ สมาคม