หากบาปนั้นมีกลิ่น จะส่งผลเป็นเช่นไร?

หากบาปนั้นมีกลิ่น จะส่งผลเป็นเช่นไร?

 

หากสามารถสัมผัสกลิ่นของบาปได้ จะไม่มีใครนั่งร่วมกับคนบาป

 

พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งทรงตรัสว่า :

 

 

 

يا ابن آدم لو أن إخوانك ومحبيك من بنى آدم وجدوا رائحة من ذنوبك واطلعوا منك على ما أعلمه منها لما جالسوك ولا قاربوك، فكيف وهى كل يوم فى زيادة وعمرك كل يوم فى نقصان منذ ولدتك أمك

   

  "โอ้บุตรของอาดัม! มาตรว่าพี่น้องของเจ้าจากลูกหลานของอาดัมและบรรดาผู้ที่รักเจ้าได้สัมผัสกลิ่นบาปของเจ้า และรับรู้ถึงบาปของเจ้าเหมือนดั่งที่ข้ารู้แล้ว พวกเขาจะไม่นั่งร่วมกับเจ้าและจะไม่เข้าใกล้เจ้า แล้วจะเป็นเช่นไรในขณะที่ความผิดบาปนั้นจะเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน แต่อายุขัยของเจ้าลดน้อยลงทุกวันนับตั้งแต่มารดาของเจ้าได้ให้กำเนิดเจ้า" (ฮะดีษ กุดซีย์)

 

      ท่านมัรฮูมอายะตุลลอฮ์มุจญ์ตะฮิดี เตหะรานี ได้กล่าวในการอธิบายฮะดีษบทนี้ว่า : "เอาลิยาอุลลอฮ์ (บรรดาผู้ใกล้ชิดพระเจ้า) นั้นจะได้กลิ่นของบาป ดังเช่นที่ "เชครอญับอะลี ค็อยยาฏ" ได้กลิ่นมันและกล่าวกระซิบข้างหูของบรรดาผู้คนว่า : "บาปของท่านได้ส่งกลิ่น" บาปนั้นมีกลิ่น ความศรัทธา (อีหม่าน) ก็มีกลิ่นเช่นกัน ดังที่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) เมื่อท่านได้กลับมาถึงบ้าน และได้กลิ่นของอุเวซ (1) ท่านกล่าวว่า : "ฉันได้กลิ่นลมหายใจของ (พระเจ้า) ผู้ทรงเมตตาโชยมาจากเยเมน" มีผู้กล่าวกับท่านว่า : "ใช่แล้ว! ก่อนการกลับมาถึงของท่าน อุเวซได้มาที่นี่และเมื่อไม่พบท่านเขาจึงกลับไป เขาได้ทำให้บ้านของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) อบอวนไปด้วยกลิ่นหอม และท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้สัมผัสกลิ่นแห่งความศรัทธา (อีหม่าน) ของเขา"

 

      ท่านได้กล่าวเสริมว่า : "บางคนเมื่อปะหน้าทักทายกับเพื่อนมนุษย์และมีกลิ่นหอม ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้ปะพรมน้ำหอม และบางคนแม้จะปะพรมน้ำหอม แต่พวกเขากลับมีกลิ่นกายที่ไม่ดี เนื่องจากพวกเขาไม่มีความศรัทธา (อีหม่าน) ที่สมบูรณ์ พวกเขาจะกอฎอ (ชดใช้) นมาซซุบห์และมีกลิ่นกลายไม่ดี

 

      ท่านมัรฮูมอายะตุลลอฮ์มุจญ์ตะฮิดี เตหะรานี กล่าวว่า : ในภาคผนวกของหนังสือมะฟาตีฮุลญินาน (2) กล่าวว่า มะลัก (ทวยเทพ) จะมาปลุกมนุษย์ในทุกค่ำคืนสามครั้ง และกล่าวว่า จงตื่นขึ้นและจงทำนมาซซอลาตุ้ลลัยน์เถิด  แต่บุคคลผู้นั้นกลับนอนหลับ (ไม่ยอมตื่น)  เมื่อเสียงอะซานได้ถูกประกาศ ชัยฏอน (ซาตาน) จะดีใจที่บุคคลผู้นี้ไม่สามารถลุกขึ้นทำการนมาซ และมันจะเยี่ยวรดใบหน้าเขา ก่อนหน้านี้ใบหน้าของเขามีนูร (รัศมี) แต่ตอนนี้เนื่องจากเขาต้องกอฎอ (ชดใช้) นมาซในตอนเช้าเสมอ ใบหน้าของเขาจึงมืดมน (ไร้รัศมี)

 

แหล่งที่มา: อะห์ซะนุลหะดีษ

 

เชิงอรรถ :

 

       1.อุเวซ กอรอนี : “อุเวซ บินอามิร มุรอดี กอรอนี” ชาวเยเมน เนื่องความศรัทธาที่แกร่งกล้าและมั่นคงของเขา และเนื่องจากการยอมรับวิลายะฮ์ (อำนาจการปกครอง) ของท่านอิมามอะลี (อ.) และการเป็นชะฮีด (สละชีพ) ในการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ท่าน เขาจึงถูกนับว่าเป็นหนึ่งในบุคคลชั้นแนวของโลกอิสลามและชีอะฮ์ อุเวซเข้ารับอิสลามในขณะที่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ยังมีชีวิตอยู่ แต่เนื่องจากความจำเป็นที่เขาต้องดูแลรับใช้มารดาของเขาทำให้เขาไม่สามารถไปพบท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้ บรรดานักประวัติศาสตร์จึงนับเขาเข้าอยู่ในกลุ่ม “ตาบิอีน” (ชนยุคถัดจากซอฮาบะฮ์)

 

      อุเวซ กอรอนี เนื่องจากเป็นลูกกตัญญูที่คอยปรนนิบัติมารดาผู้แก่ชราของตนจึงไม่ประสบความสำเร็จที่จะได้พบกับท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) แต่ท่านศาสดาได้ให้ฉายานามเขาว่า "นะฟะซุรเราะห์มาน" (ลมหายใจหรือกลิ่นไอแห่งพระเจ้า) และท่านได้กล่าวถึงเขาว่า :

 

 أَجِدُ نَفَسَ الرحمان مِنْ قِبَلِ الْيَمَنِ

 

“ฉันสัมผัสลมหายใจของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตามาจากทิศทางของเยเมน” (วิกี อะฮ์ลุลบัยติ์)

 

      ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้กล่าวเกี่ยวกับเขาว่า :

 

 إِنَّ خَيْرَ التَّابِعِينَ رَجُلٌ يُقَالُ لَهُ أُوَيْسٌ وَلَهُ وَالِدَةٌ وَكَانَ بِهِ بَيَاضٌ فَمُرُوهُ فَلْيَسْتَغْفِرْ لَكُمْ

     

   “แท้จริงตาบิอีนที่ดีเลิศที่สุด คือชายคนหนึ่งที่ถูกเรียกชื่อว่า อุวัยส์ เขามีมารดาและเขาเป็นคนผิวขาว ดังนั้นพวกท่านจงขอให้เขาทำการอิสติฆฟาร (ขออภัยโทษจากอัลลอฮ์) ให้แก่พวกท่านเถิด”

 

(ซอเฮี๊ยะห์มุสลิม, เล่มที่ 4, หน้าที่ 1968 ; อัฏฏอบากอตุ้ลกุบรอ, เล่มที่ 6, หน้าที่ 163)

 

      และท่านได้กล่าวว่า “ในวันกิยามะฮ์ (วันแห่งการฟื้นคืนชีพในปรโลก) อุเวซจะให้การอนุเคราะห์ (ชะฟาอะฮ์) แก่คนจำนวนมาก” (อัลอิรชาด, เชคมุฟีด, เล่มที่ 1, หน้าที่ 316 ; ริญาล กัชชี, เล่มที่ 1, หน้าที่ 316) และท่านยังได้กล่าวอีกว่า :

 

 خَليلي مِن هذهِ الامّةِ اويسُ القَرَنِي

 

"สหายของฉันจากประชาชาตินี้ คืออุเวซ อัลกอรอนี"

 

      2.หนังสือ “อัลบากิยาตุซซอลิฮาต”

 

แปลและเรียบเรียง : เชคมูฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ