19 รอมฎอน วันที่อิมามอะลีถูกลอบสังหาร ในมัสยิดกูฟะฮ์

19 รอมฎอน วันที่อิมามอะลีถูกลอบสังหาร ในมัสยิดกูฟะฮ์

 

ฮิจญ์เราะฮ์ศักราชที่ 40 : การลอบสังหารท่านอะลี (อ.) ในมัสยิดกูฟะฮ์

 

อับดุรเราะห์มาน อิบนุมุลญัม มุรอดี เป็นบุคคลหนึ่งจากกลุ่มคอวาริจญ์ และเป็นหนึ่งจากสามคนที่ได้ตกลงพันธะสัญญาและสาบานร่วมกันที่จะลอบสังหารบุคคลสำคัญของสังคมอิสลามจำนวนสามคนพร้อมกับในค่ำคืนเดียวกัน นั่นคือ ท่านอิมามอะลี บินอะบีฏอลิบ (อ.) มุอาวิยะฮ์ บินอบีซุฟยาน และอัมร์ อิบนิอาศ

 

แต่ละคนเดินทางมุ่งสู่เมืองต่างๆ ซึ่งเป็นที่ปฏิบัติภารกิจของตนเอง และอับดุรเราะห์มาน อิบนุมุลญัม มุรอดี ก็ได้เดินทางสู่เมืองกูฟะฮ์ เขาได้เดินทางมาถึงเมืองที่ยิ่งใหญ่นี้ในวันที่ 20 ของเดือนชะอ์บาน ปีฮิจญ์เราะฮ์ศักราชที่ 40 (ดู : เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 20 ชะอ์บาน ฮ.ศ. 40)

 

เขาพร้อมกับชะบีบ บินบัจเราะฮ์ อัชญะอี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา ทั้งสองถูกปลุกปั่นและถูกล่อใจโดย “กุฏอม บินติอัลกอมะฮ์” ในช่วงเวลาซะฮัร (ยามดึกสะงัดก่อนเวลารุ่งอรุณ) ในค่ำคืนที่ 19 ของเดือนรอมฎอน ปีฮิจญ์เราะฮ์ศักราชที่ 40 พวกเขาได้มาเฝ้าอยู่ในมัสยิดกูฟะฮ์ และรอคอยการมาของท่านอะมีรุ้ลมุอ์มินีนอะลี อิบนิอะบีฏอลิบ (อ.) (1) นอกจากนี้ “กุฏอม” ยังได้ส่งอีกคนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า "วัรดาน บินมะญาลิด" ซึ่งเป็นคนจากตระกูลของนาง เพื่อไปช่วยเหลือบุคคลทั้งสอง (2)

 

อัชอัษ บินเกซ กันดี เป็นผู้หนึ่งจากผู้ที่ไม่พอใจกองทัพของท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นโฉมหน้าที่ชัดเจนที่สุดของผู้กลับกลอก (มุนิฟิก) และคนหน้าซื่อใจคดในยุคนั้น เขาคอยให้การชี้นำ สนับสนุนและเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็งแก่บุคคลเหล่านี้ (3)

 

ในค่ำคืนที่ 19 ของเดือนรอมฎอน ท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นแขกของท่านหญิงอัมมุกุลซูม (อ.) บุตรีของท่าน ในค่ำคืนนั้นท่านอยู่ในอารมณ์ที่แปลกประหลาดและสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้เป็นบุตรีของท่าน

 

ในริวายะฮ์ (คำรายงาน) ได้กล่าวว่า ในคำคืนนั้น ท่านอิมามอะลี (อ.) ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ท่านเดินออกมาจากห้องครั้งแล้วครั้งเล่าและแหงนมองขึ้นไปยังท้องฟ้า พร้อมกับกล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! ฉันไม่ได้พูดโกหก และฉันก็ไม่ได้ถูกใครโกหก ค่ำคืนนี้คือค่ำคืนที่ฉันถูกสัญญาการเป็นชะฮีด (พลีชีพ) ไว้”(4)

 

ในที่สุด ในช่วงเวลาของนมาซซุบฮ์ ท่านอิมาม (อ.) ก็มาถึงมัสยิดกูฟะฮ์ ท่านได้ปลุกผู้ที่นอนหลับให้ตื่นขึ้นเพื่อทำการนมาซ หนึ่งในบุคคลนั้นก็คือ อับดุรเราะห์มาน อิบนิมุลญัลญัม มุรอดี ซึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ ท่านอิมามได้ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นและบอกถึงการเข้าสู่เวลานมาซซุบฮ์แล้ว

 

เมื่อท่านอิมาม (อ.) เข้าสู่เมี๊ยะห์รอบของมัสยิดและทำการนมาซ เมื่อท่านเงยศีรษะขึ้นจากการซุหญูดครั้งแรก เริ่มแรกนั้นชะบีษ บินบัจเราะฮ์ได้จู่โจมเข้าไปยังท่านอิมาม (อ.) ด้วยดาบที่คมกริบของเขา แต่ทว่าดาบของเขาได้ไปถูกวงโค้งของเมี๊ยะห์รอบ หลังจากนั้น อับดุรเราะห์มาน อิบนิมุลญัลญัม มุรอดี ได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงดังว่า :

 

لله الحكم یا علي، لا لك و لا لأصحابك

 

“อำนาจการปกครองเป็นของอัลลอฮ์เพียงเท่านั้น โอ้อะลี! ไม่ใช่เป็นของท่านและไม่ใช่เป็นของสหายของท่าน”

 

พร้อมกันนั้นเขาได้ฟันดาบของเขาลงกลางศีรษะของท่านอิมามอะลี (อ.) ศีรษะของท่านเกิดเป็นรอยแยกของแผลไปจนถึงบริเวณซุหญูด (หน้าผาก) (5)

 

   ท่านอิมามอะลี (อ.) ฟุบหน้าลงในเมี๊ยะห์รอบของมัสยิด และในช่วงเวลานั้นเองท่านกล่าวว่า :

 

بسم الله و بالله و علی ملّة رسول الله، فزت و ربّ الكعبة

 

“ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ และด้วยการอนุมัติของอัลลอฮ์ และบนศาสนาของท่านศาสดามุฮัมมัด ขอสาบานต่อองค์พระผู้อภิบาลแห่งกะอ์บะฮ์ ฉันได้ประสบความสำเร็จแล้ว” (6)

 

  ผู้ที่นมาซอยู่ในมัสยิดกูฟะฮ์บางส่วนไล่ตามชะบีบและอิบนิมุลญัมไปเพื่อที่จะจับกุมตัวเขา และบางส่วนมารวมตัวกันรอบๆ ท่านอิมามอะลี (อ.) และต่างก็ทุบศีรษะและตบใบหน้าของตัวเองและร้องไห้ต่อท่านอิมามอะลี (อ.)

 

ท่านอิมามอะลี (อ.) ในขณะที่เลือดไหลอาบออกจากศีรษะและใบหน้าของท่านนั้น ท่านกล่าวว่า :

 

هَذَا مَا وَعَدَنَا اللَّهُ وَرَسُولُهُ

 

“นี่คือสิ่งซึ่งอัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ได้สัญญาไว้แก่เรา” (7)

 

ท่านอิมามอะลี (อ.) ไม่สามารถที่จะนำนมาซญะมาอัตต่อไปได้ ท่านได้กล่าวกับอิมามฮะซัน มุจญ์ตะบา (อ.) บุตรชายของท่านให้นำนมาซญะมาอัตต่อไป ส่วนตัวท่านอิมามอะลี (อ.) เองก็ได้นั่งนมาซต่อจนเสร็จสิ้นการนมาซ

 

  มีรายงานว่า ในขณะที่อับดุรเราะห์มาน อิบนิมุลญัม ได้ฟันลงบนศีรษะของท่านอิมามอะลี (อ.) นั้น แผ่นดินเกิดการสั่นไหว ทะเลเกิดคลื่นอย่างรุนแรง ท้องฟ้าสั่นสะท้าน บานประตูต่างๆ ของมัสยิดปิดกระแทกเข้าด้วยกัน เสียงกำธรของมวลมลาอิกะฮ์ (ทวยเทพ) แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายดังกึกก้องขึ้น ลมดำพัดกระหน่ำ ซึ่งทำให้โลกเกิดความมืดมน ญิบรออีลได้ป่าวประกาศระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน และทุกคนต่างได้ยินเสียงป่าวประกาศของญิบรออีล ซึ่งได้กล่าวกล่าวว่า

 

  تهدمت و الله اركان الهدی، و انطمست أعلام التّقی، و انفصمت العروة الوثقی، قُتل ابن عمّ المصطفی، قُتل الوصیّ المجتبی، قُتل علیّ المرتضی، قَتَله أشقی الْأشقیاء

 

“ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! รากฐานของทางนำได้พังทลายลงแล้ว สัญลักษณ์ต่างๆ ของความยำเกรงถูกลบทำลายลงแล้ว และห่วงยึดเหนี่ยวอันมั่นคงได้แตกสลายลงแล้ว บุตรแห่งลุงของ (ศาสดามุฮัมมัด) อัลมุศฏอฟาได้ถูกสังหาร ผู้สืบทอดผู้ได้รับการคัดเลือกได้ถูกฆ่า อะลี อัลมุรตะฎอได้ถูกสังหาร ผู้ที่อับโชคที่สุด (อิบนิมุลญัม มุรอดี) ได้สังหารเขา” (8)

 

ด้วยวิธีการดังกล่าวนี้เองที่ผู้นำผู้มีคุณธรรม อิมามผู้เที่ยงธรรม ผู้ปกครอง (คอลีฟะฮ์) ผู้รักในสัจธรรม ผู้ปกครองผู้มีความห่วงใยและเอื้ออาธรต่อเด็กกำพร้า มนุษย์ผู้มีความสมบูรณ์ที่สุด เป็นผู้ถูกคัดเลือกจากพระผู้เป็นเจ้า เป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรมของท่านศาสดามุฮัมมัดมุศฏอฟา (ซ็อลฯ) ถูกสังหารโดยมนุษย์ที่อับโชคที่สุดและโชคร้ายที่สุด หมายถึงอิบนิมุลญัม มุรอดี ผู้ถูกสาปแช่ง และท้ายที่สุดท่านได้เดินทางไปสู่โลกอันเป็นนิรันดร์ กลับไปพบกับพระผู้เป็นเจ้าและเข้าอยู่ร่วมเคียงกับปวงศาสดาแห่งพระผู้เป็นเจ้าและท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) และทำให้ประชาชาติถูกลิดรอนจากการดำรงอยู่อันจำเริญของท่าน

 

เชิงอรรถ :

 

(1) อัลอิรชาด (เชคมุฟีด) หน้าที่ 20 ; อัลเญาฮะเราะฮ์ ฟี นะซะบิลอิมาม อะลี วะอาลิฮ์ (อัลบะรี) หน้าที่ 112

(2) วะกอยิอุลอัยยาม (เชคอับบาส กุมมี) หน้าที่ 41 ; ตารีคอิบนิค็อลดูน เล่มที่ 2 หน้าที่ 184

(3) อัลอิรชาด หน้าที่ 20 ; วะกอยิอุลอัยยาม หน้าที่ 41 ; มุนตะฮัลอามาล (เชคอับบาส กุมมี)  เล่มที่ 1 หน้าที่ 171

(4) มุนตะฮัลอามาล เล่มที่ 1 หน้าที่ 172

(5) อัลอิรชาด หน้าที่ 23 ; อัลเญาฮะเราะฮ์ ฟี นะซะบิลอิมาม อะลี วะอาลิฮ์ หน้าที่ 113 ; มุนตะฮัลอามาล เล่มที่ 1 หน้าที่ 172 ; วะกอยิอุลอัยยาม หน้าที่ 41

(6) มุนตะฮัลอามาล เล่มที่ 1 หน้าที่ 174

(7) มุนตะฮัลอามาล เล่มที่ 1 หน้าที่ 174

(8) มุนตะฮัลอามาล เล่มที่ 1 หน้าที่ 174

 

ที่มา : เว็บไซต์ติบยาน


แปลและเรียบเรียง : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ