แนวทางของอิมามอัสกะรีย์ (อ.) ในการเตรียมพร้อมสำหรับยุคการเร้นกายของอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.)

 


  อิมามฮะซัน อัสกะรีย์ (อ.) ได้แนะนำสองแนวทางสำคัญแก่ อะห์มัด บินอิสหาก เพื่อความปลอดภัยจากวิกฤตอันเลวร้าย (ฟิตนะฮ์) ในยุคแห่งการเร้นกาย (ฆ็อยบะฮ์) ของอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.)

 

     ยุคของท่านอิมามฮะซัน อัสกะรีย์ (อ.) ในด้านหนึ่งนับได้ว่าเป็นจุดเชื่อมต่อของประวัติศาสตร์ของอิสลาม ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นจุดเชื่อมต่อของประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติอีกด้วย เนื่องจาก “ฮุจญะฮ์” (ผู้เป็นข้อพิสูจน์) คนสุดท้ายของพระผู้เป็นเจ้าจะถือกำเนิดขึ้นในยุคดังกล่าว เนื่องจากบรรดาศัตรูรู้ถึงเรื่องนี้ จึงพยายามที่จะสกัดกั้นประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งนี้ ด้วยวิธีการต่างๆ ที่หลากหลาย ด้วยเหตุดังกล่าวการรีดนาทาเร้น การบีบคั้นและการกดดันที่รุนแรงต่ออะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) นับจากยุคของท่านอิมามฮาดี (อ.) จนถึงช่วงเวลาของการประสูติของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) จึงได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

 

     บรรดาผู้ปกครองแห่งราชวงศ์อับบาซียะฮ์ ซึ่งรู้เป็นอย่างดีถึงฮะดีษ (วจนะ) และริวายะฮ์ (คำรายงาน) ต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ (มุอ์ตะบัร) และมีสายสืบมากมายต่อเนื่อง (มุตะวาติร) เกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ผู้ถูกสัญญาจากพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจึงควบคุมตัวและเฝ้าระวังท่านอิมามฮะซัน อัสกะรีย์ (อ.) ในระดับสูงสุด และพวกเขาได้บังคับท่านอิมาม (อ.) ให้ไปปรากฏตัวในตำหนักของตนครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยเหตุผลข้ออ้างต่างๆ จนกระทั่งพวกเขาได้ควบคุมตัวท่านไว้ในเรือนจำ และให้อยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่สายลับของตน มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและการไปมาหาสู่ระหว่างท่านอิมามฮะซัน อัสกะรีย์ (อ.) และชาวชีอะฮ์ แต่ด้วยกับการดำเนินการที่ชาญฉลาดและมาตรการพิเศษของท่านอิมาม (อ.) ทำให้แผนการของเหล่าศัตรูที่จะทำร้าย กลั่นแกล้งและทรมานชาวชีอะฮ์และบรรดาผู้ที่มีความรักต่อท่านได้ถูกทำลายลง

 

     การกดดันและการปราบปรามทางการเมืองอันเป็นผลมาจากการรับรู้เกี่ยวกับประเด็นของการถือกำเนิดของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นถึงขั้นที่ท่านอิมามฮะซัน อัสกะรีย์ (อ.) ถูกบังคับให้ต้องไปปรากฏตัวใน “ดารุ้ลคิลาฟะฮ์” สัปดาห์ละสองครั้ง คือในวันจันทร์และวันพฤหัสบดี มุอ์ตัซ ผู้ปกครองอับบาซียะฮ์มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของท่านอิมามฮะซัน อัสกะรีย์ (อ.) ถึงขั้นที่ไม่พอแค่การเฝ้าระวังและการสอดส่องพฤติกรรมของท่านเพียงเท่านั้น ทว่าเขายังได้ทำการคุมขังท่านอิมาม (อ.) ร่วมกับอบูฮาชืม ญะอ์ฟะรี และกลุ่มคนจำนวนหนึ่งจากฏอลิบียูน (1)

 

     อบูฮาชิม ญะอ์ฟะรี ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า : "เราได้ถูกคุมขังร่วมกับท่านอิมามฮะซัน อัสกะรีย์ (อ.) โดยมุฮ์ตะดี บินวาษิก ท่านอิมาม (อ.) ได้กล่าวกับฉันว่า : "ในคืนนี้อาชญากรผู้นี้ได้วางแผนที่จะเล่นงานกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า (เป็นการชี้ถึงเจตนาของเขาที่จะสังหารท่านอิมาม (อ.) และสกัดกั้นการถือกำเนิดของบุตรชายของท่าน) แต่อายุของเขาสั้น และฉันจะมีลูกชายในไม่ช้านี้”  และแล้ววันรุ่งขึ้นชาวเติร์กก็ได้บุกโจมตีเขาและได้สังหารเขาและพระผู้เป็นเจ้าได้ช่วยเราให้มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย"

 

     ในสถานการณ์เช่นนั้นท่านอิมามฮะซัน อัสกะรีย์ (อ.) ได้ดำเนินการในการอธิบายคำสอนต่างๆ เกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องของอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) หรือโดยการจัดตั้งระบบ “วิกาละฮ์” (ตัวแทน) เพื่อเตรียมความพร้อมชาวชีอะฮ์ในทางปฏิบัติสำหรับการย้อนกลับไปหาบรรดาตัวแทน (นาอิบ) และบรรดานักวิชาการศาสนา (ฟะกีฮ์) ในช่วงเวลาแห่งการเร้นกาย (ฆ็อยบะฮ์) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.)  ตัวอย่างเช่น ในริวายะฮ์ (คำรายงาน) บทหนึ่งจากท่านอิมามฮะซัน อัสกะรี (อ.) ในเรื่องนี้คือ:

 

     อะห์มัด บินอิสหาก (2) เล่าว่า ฉันได้เข้าไปพบท่านอิมามฮะซัน อัสกะรี (อ.) และต้องการที่จะถามท่านเกี่ยวกับผู้สืบทอด (อิมาม) ภายหลังจากท่าน แต่ท่านกลับเริ่มพูดกับฉันก่อนโดยกล่าวว่า :

 

يَا أَحْمَدَ بْنَ إِسْحاقَ إِنَّ اللهَ تَبَارَكَ وَتَعالَى لَمْ يُخلَّ الأَرْضَ مُنْذُ خَلَقَ آدَمَ (عليه السلام) وَلا يُخَلِّيها إِلى أَنْ تَقُومَ السّاعَةُ مِنْ حُجَّةٍ للهِ عَلَى خَلْقِهِ، بِهِ يَدْفَعُ البَلاءَ عَنْ أَهْلِ الأَرْضِ، وَبِهِ يُنَزِّلُ الغَيْثَ، وَبِهِ يُخْرِجُ بَرَكاتِ الأَرْضِ

 

   โอ้อะห์มัด บินอิสฮากเอ๋ย! แท้จริงอัลลอฮ์ผู้ทรงจำเริญ ผู้ทรงสูงส่งมิได้ทรงให้แผ่นดินว่างเว้นจากข้อพิสูจน์ (ฮุจญะฮ์) ของอัลลอฮ์ในหมู่สิ่งถูกสร้างของพระองค์ นับตั้งแต่การสร้างอาดัม (อ.) และจะไม่ทรงให้มันว่างเว้นจวบจนวันกิยามะฮ์จะมาถึง ด้วยกับเขาที่พระองค์จะทรงปัดป้องบาลาอ์ (ภัยพิบัติและความทุกข์ยาก) ไปจากชาวแผ่นดิน และด้วยกับเขาที่พระองค์จะทรงทำให้ฝนตก และด้วยกับเขาพระองค์จะทรงทำให้ความจำเริญของแผ่นดินโลกปรากฏออกมา”

 

     อะห์มัด บินอิสฮากกล่าวกับท่านอิมาม (อ.) ว่า :

 

يا بن رسول الله فَمَنِ الإمام والخليفة بعدَك؟

 

"โอ้บุตรของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์! แล้วอิมามและค่อลีฟะฮ์ (ผู้สืบทอด) ภายหลังจากท่านคือใคร?"

 

     ท่านอิมาม (อ.) ได้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปข้างในบ้านแล้วกลับออกมาในสภาพที่บนไหล่ของท่านมีเด็กน้อยวัยสามขวบ ซึ่งใบหน้าของเขาประหนึ่งดังจันทร์เพ็ญ ท่านกล่าวว่า :

 

يَا أَحْمَدَ بْنَ إِسْحاقَ لَوْلا كَرَامَتُكَ عَلَى اللهِ (عزَّ وجلَّ) وَعَلَى حُجَجِهِ مَا عَرَضْتُ عَلَيْكَ ابْنِي هذَا، إِنَّهُ سَمِيُّ رَسُولِ اللهِ (صلّى الله عليه وآله) وَكَنِيُّهُ، الذي يَمْلؤُ الأَرضَ قِسْطاً وَعَدْلاً كَما مُلِئَتْ جَوْراً وَظُلْماً

 

“โอ้อะห์มัด บินอิสฮากเอ๋ย! หากไม่ใช้เพราะเกียรติของเจ้าที่มี ณ อัลลอฮ์และที่มี ณ บรรดาฮุจญะฮ์ (ข้อพิสูจน์) ของพระองค์แล้ว ฉันจะไม่นำบุตรชายของฉันผู้นี้ออกมาแสดงแสดงให้เจ้าเห็น แท้จริงเขามีชื่อและสร้อยนามเดียวกับท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) เขาคือผู้ที่จะทำให้โลกเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม เช่นเดียวกับที่มันได้ถูกทำให้เต็มไปด้วยความอธรรมและการกดขี่”

 

يَا أَحْمَدَ بْنَ إِسْحَاقَ مَثَلُهُ فِي هذِهِ الأُمَّةِ مَثَلُ الخِضْرِ (عليه السلام)، وَمَثَلُهُ مَثَلُ ذِي القَرْنَيْنِ، وَاللهِ لَيَغِيبَنَّ غَيْبَةً لا يَنْجُو فيها مِنَ الهَلَكَةِ إِلّا مَنْ ثَبَّتَهُ اللهُ (عزَّ وجلَّ) عَلَى القَوْلِ بِإِمامَتِهِ، وَوَفَّقَهُ فِيهَا لِلدُّعاءِ بِتَعْجيلِ فَرَجِهِ

 

“โอ้อะห์มัด บินอิสฮากเอ๋ย! อุปมาของเขาอุปมัยได้ดั่งคิเดร (อ.) และอุปมาของเขาอุปมัยได้ดั่งซุลก็อรนัยน์ ขอสาบานต่ออัลลอฮ์เขาจะต้องอยู่อยู่ในสภาพเร้นกายเป็นเวลานานโดยที่ไม่มีใครจะได้รับความรอดพ้นจากความหายนะเว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮ์ผู้ทรงเกริกเกียรติ ผู้ทรงเกรียงไกรได้ทรงทำให้เขามั่นคงอยู่บนความเชื่อในความเป็นอิมามของเขา และทรงประทานความสำเร็จแก่เขาในการวิงวอนให้พระองค์รีบเร่งการปรากฏตัวของเขา”

 

     อะห์มัด บินอิสหากกล่าวว่า : "โอ้นายของข้าพเจ้า มีสัญลักษณ์ใด ๆ หรือไม่ที่จะทำให้หัวใจของข้าพเจ้าเกิดความมั่นใจต่อสิ่งนี้?" เด็กน้อยผู้นั้นได้พูดด้วยภาษาอาหรับที่สุภาพชัดเจนโดยกล่าวว่า :

 

أَنا بَقِيَّةُ اللهِ في أَرْضِهِ، وَالمُنْتَقِمُ مِنْ أَعْدَائِهِ

 

“ฉันคือ “บะกียะตุลลอฮ์” (ผู้ที่คงเหลืออยู่ของอัลลอฮ์) ในแผ่นดิน และเป็นผู้ที่จะทำการแก้แค้นเหล่าศัตรูของพระองค์” (3)

 

เชิงอรรถ :

 

1).ฏอลิบียูน คือกลุ่มคนที่สืบเชื้อสายมาจากอบูฏอลิบ

2).อะห์มัด บินอิสหาก อัชอะรี เป็นหนึ่งในบรรดานักวิชาการ (อุละมาอ์) คนสำคัญของเมืองกุม และเป็นสาวกของท่านอิมามฮะซัน อัสกะรี (อ.) และเป็นตัวแทน (วะกีล)  ของท่านอิมาม (อ.) ในเมืองกุม

3).กะมาลุดดีน วะ ตะมามุนนิอ์มะฮ์, เล่ม 2, หน้า 384

 

บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ