อัลกุรอานกับอิทธิพลที่มีต่อจิตใจมนุษย์


บรรดาชาวแปลกหน้าได้หลั่งไหลเข้าสู่เมืองมักกะฮ์ เพื่อมุ่งสู่การเดินเวียนรอบมัสญิด อัล-ฮะรอม เหมือนที่เคยทำกันทุก ๆ ปี พวกมุชริกีนแห่งเมืองมักกะฮ์ กล่าวแก่พวกเขาว่า “ถ้าหากจะเข้าไปยังเมืองมักกะฮ์ให้เอาฝ้าย หรือสำลีอุดหูให้แน่น เราเกรงว่าท่านจะหลงในคำพูดที่แฝงด้วยเวทมนต์ของชายท่านหนึ่ง หากว่าท่านได้ยินเสียงของเขา และเพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้น”บรรดาผู้เข้ามาทำพิธีเวียนรอบกะอ์บะฮ์ทุกคนจะได้รับแจกสำลีก่อนจะเข้าสู่มักกะฮ์

 

บังเอิญว่า มีคนหนึ่งเป็นหัวหน้าเผ่ามาจากเมืองมะดีนะฮ์ เดินทางเข้าสู่มักกะฮ์ ซึ่งมีชาวมักกะฮ์คนหนึ่ง กล่าวเรื่องดังกล่าวแก่เขา

 

ตัวของเขาเองกล่าวว่า “ฉันได้ใช้สำลีอุดหูจนแน่นกระทั่งว่า หากนำกลองมาตีใกล้หู ก็จะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย”

 

“ฉันมาถึงมัสญิด อัล-ฮะรอม และเริ่มทำพิธีเดินเวียน ขณะนั้นเอง สายตาของฉันบังเอิญไปเห็นชายผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังหมกมุ่นอยู่กับการปฏิบัติศาสนกิจ (อิบาดะฮ์) บุคลิกภาพและรูปโฉม ท่าทางของเขาดึงดูดใจของฉันเป็นอย่างยิ่ง และเหมือนกับว่าริมฝีปากของเขากำลังเคลื่อนไหวดั่งบุคคลที่กำลังสนทนา แต่ฉันไม่สามารถได้ยินเสียงของเขาได้ และรู้สึกว่า ท่านผู้นี้ก็คือบุคคลที่ทุกคนต่างกล่าวถึงอย่างแน่นอน

 

ขณะนั้นเอง ฉันรำพันกับตัวเองว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ และทำไมพวกเขาพูดกันเช่นนั้น และทำไมฉันต้องยอมรับฟังพวกเขาด้วย ทางที่ดีฉันควรเอาสำลีออกจากหู และลองฟังชายท่านนี้ดูซิว่า เขากำลังกล่าวอะไร ถ้าหากเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ฉันจะยอมรับ หากว่าไม่ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก”

 

ข้าพเจ้าดึงสำลีออกจากหู และเดินเข้าไปหาชายผู้นั้น เพื่อที่จะรับฟังคำพูดของเขา  ฉันเห็นเขาอ่านโองการต่าง ๆ อย่างสงบนิ่ง เมื่อฉันได้รับฟัง ทำให้จิตใจของฉันอ่อนลง จนยากที่จะควบคุมตัวเอง รู้สึกพอใจและชอบชายผู้นี้ทันที

 

ต่อมา ภายหลังเขากลายเป็นผู้ศรัทธาที่แข็งกล้าคนหนึ่ง บนหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม และเป็นบุคคลหนึ่งที่ช่วยเหลือเตรียมการอพยพของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) สู่เมืองมะดีนะฮ์ จากตรงนี้ ถือว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ในการบุกเบิกรัฐอิสลามแห่งมะดีนะฮ์และจัดเตรียมการอพยพของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)[๑]

 

เหล่านี้คือแรงดึงดูดที่เป็นศิลปะและความสวยงามทางภาษาของอัลกุรอาน

 

ทำไมไม่พิจารณาว่า อัล-กุรอานมีอภินิหารอันใดบ้าง เพียงความสละสลวยแห่งโวหารของกุรอาน ที่สามารถดึงความหมายต่าง ๆ ออกมา ซึ่งอยู่ในภายในก้นบึ้งของหัวใจมนุษย์ ตามที่ อัล-กุรอานให้ความหมายว่า ผู้ตักเตือนคือ นำสิ่งที่เป็นธรรมชาติภายในของมนุษย์โดยใช้สำนวน ลีลาภาษาที่เรียบง่าย ทว่า อันเนื่องมาจากคัมภีร์เล่มนี้คือ สิ่งมหัศจรรย์ที่จะดำรงอยู่ตลอดไปของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสลามทรงอรรถาธิบายโดยใช้โวหาร และความสละสลวยอย่างน่่าอัศจรรย์ใจ

 

ท่านทั้งหลายคิดบ้างหรือไม่ว่า จนถึงปัจจุบันนี้โวหาร และความสละสลวยของ อัล-กุรอาน เป็นเหตุให้ประชาชาติหลั่งน้ำตามามากมายเท่าใดแล้ว ดังโองการอัล-กุรอาน กล่าวว่า.....
“เมื่ออัลกุรอานถูกอ่านให้พวกเขาฟัง พวกเขาก็รีบหมอบลงจรดคางของพวกเขาเพื่อกราบ”และอีกโองการหนึ่ง ว่า “และพวกเขาหมอบลงจรดคางพลางร่ำไห้และ (อัลกุรอาน)เพิ่มพูนแต่ความนอบน้อมแก่พวกเขา[๒]

 

ในยามค่ำคืนโองการอัล-กุรอานทำให้ประชาชนหลั่งน้ำตามามากน้อยเพียงใดแล้ว พวกเขาตกอยู่ในภวังแห่งความหมาย ซึ่งถูกถ่ายทอดอยู่ภายใต้โวหารอันสวยงาม และนั่นคือความรู้สึกสมบูรณ์อันสง่างาม ความรักทางจิตวิญญาณจะเกิดขึ้นกับมนุษย์และคงอยู่รับใช้เขาตลอดไป

 

“เมื่อพวกเขาได้ยินส่ิงที่ถูกประทานลงมายังศาสดา เจ้าได้เห็นดวงตาของพวกเขาหลั่งน้ำตาออกมาเนื่องจากการรู้สึกถึงสัจธรรม [๓]

 

อ้างอิง


[๑]เรื่องราวเกี่ยวกับ อัสอัด บินซะรอเราะฮฺ และซุควาน คะซัรญี ซึ่งพวกเขาเดินทางมายังมักกะฮฺ ในฐานะตัวแทนของเผ่าเพื่อร่างสนธิสัญญา การช่วยเหลือทางทหาร เกี่ยวกับเรื่องสงครามกับเผ่า“เอาซ์

 

[๒]อิซรออ์ อายะฮ์ที่ ๑๐๗-๑๐๙

 

[๓]อัลมาอิดะฮฺ โองการที่ ๘๓

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์บะลาเฆาะฮ์