เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ลัทธิล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยใช้ประโยชน์จากยุคสุดท้าย (อาคิรุ้ซซะมาน) ตอนที่ 2

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

 

 

    ในบทความลัทธิล่าอาณานิคมยุคใหม่กับการใช้ประโยชน์จากยุคสุดท้ายตอนที่ 1 เราได้กล่าวถึงโดยสังเขปเกี่ยวกับแรงจูงใจของการใช้ประโยชน์ของลัทธิล่าอาณานิคมจากเนื้อหาต่างๆ ทางด้านความเชื่อเกี่ยวกับผู้ช่วยให้รอด เพื่อการครอบงำเหนือตะวันออกกลาง ในบทความนี้เราจะมาพิจารณาเนื้อหาต่างๆ เกี่ยวกับความเชื่อในผู้ที่ถูกสัญญาไว้ในมุมมองที่เกี่ยวกับหลักคำสอนต่างๆ ของพระเยซู (evangelical) และบรรดามิชชันนารี (evangelists)....

 

    หลังจากการก่อตั้งนิกายโปรเตสแตนต์และการมีอำนาจปกครองของพวกพิวริแทน (Puritan) ในอังกฤษ ขบวนการเคลื่อนไหวใหม่ท่ามกลางนิกายนี้เกิดความเข้มแข็งขึ้นซึ่งเรียกว่า "คณะผู้สอนคำสอนและชีวประวัติของพระเยซู” (evangelists) หรือ มิชชันนารี

 

    การเผยแพร่คำสอนของพระเยซูด้วยกับจิตวิญญาณของสงครามครูเสด คือหนึ่งในลักษณะเฉพาะของคณะผู้สอนคำสอนและชีวประวัติของพระเยซู (evangelists) หรือ พวกมิชชันนารี พวกเขาตีความอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเนื้อหาต่างๆ ของคัมภีร์ไบเบิล (พันธะสัญญาเดิมและพันธะสัญญาใหม่) และการใช้ประโยชน์จากการตีความของ "ไซรูส สโกฟีลด์" พวกเขาได้ผลักดันสถานการณ์ทางการเมืองและวัฒนธรรมของโลกไปสู่ทิศทางตามความต้องการต่างๆ ทางด้านโลกแห่งวัตถุของตนเอง

 

    บรรดาผู้สนับสนุนทฤษฎีการสิ้นโลกตามแนวของคริสเตียนไซออนิสต์นั้นมีความเชื่อว่า โลกกำลังดำเนินไปสู่การสิ้นสุด และในท้ายที่สุดแล้วรหัสวรรษใหม่จะก่อรูปขึ้น โดยที่ภายหลังจากการถูกทำลายล้างของพลังชั่ว (หมายถึงชาวมุสลิม) โดยพระเยซูคริสต์และพลังแห่งความดี (คริสเตียนใหม่ที่เข้าพิธีรับศีลจุ่ม (1) และชาวยิวไซออนิสต์) มนุษยชาติจะมีชีวิตอยู่ในสันติภาพและความสงบสุข ตามความเชื่อของนิกายนี้ เหตุการณ์ต่างๆ จะต้องเกิดขึ้นเพื่อที่พระเยซูคริสต์จะมาปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง ความพยายามเพื่อที่จะทำให้สภาวะเงื่อนไขต่างๆ ของการปรากฏตัวของพระเยซูคริสต์เกิดขึ้นนั้น คือส่วนหนึ่งจากหน้าที่ของผู้ปฏิบัติตามนิกายนี้ ส่วนหนึ่งของสภาวะเงื่อนไขเหล่านี้ได้แก่

 

    1. การสนับสนุนและมีความเชื่อมั่นต่อการเป็นผู้ถูกเลือกสรรของชาวยิว และทำให้พวกเขาเข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนแห่งพันธะสัญญา (Promised Land) คือแผ่นปาเลสไตน์ "วอเตอร์ รีแกนซ์" (Water Ryganz) เลขาธิการ "International Christian Embassy Jerusalem" ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรของไซออนิสต์ที่ทันสมัยที่สุดและอันตรายที่สุด ในการให้คำจำกัดความคำว่า “ลัทธิคริสเตียนไซออนิสต์” (Christian Zionism) เขากล่าวว่า "คำ ๆ นี้จะถูกใช้กับชาวคริสต์ทุกคนที่ให้การสนับสนุนเป้าหมายต่างๆ ของไซออนิสต์ ไม่ว่าจะเป็นรัฐ กองทัพ รัฐบาลและวัฒนธรรม" (2)

 

    ทำนองเดียวกันนี้ ตามคำสอนของพันธะสัญญาเดิม พวกเขามีความเชื่อว่า ชาวยิวคือบ่อเกิดแห่งความจำเริญและความดีงามบนโลกนี้ ทั้งนี้เนื่องจาก "ประชาชาติทั้งหลาย (ที่ไม่ใช่ชาวยิว) จะมายังแสงสว่างของเจ้า บรรดากษัตริย์จะมายังความเจิดจ้าดั่งรุ่งอรุณของเจ้า" (อิสยาห์ 60:3)

 

    ในทัศนะของคริสเตียนไซออนิสต์ การกลับของเผ่าชนอิสราเอลยังดินแดนปล้นสะดมโบราณ (ปาเลสไตน์) คือหลักฐานหนึ่งของความรอดพ้นที่ถูกสัญญาไว้ของชาวโลก... การสนับสนุนอิสราเอล (ปฐมกาล 12:3) การให้ความสะดวกสบาย (อิสยาห์ 40: 1-2) และสวดภาวนาเพื่อความสันติสุขของอิสราเอล (อิสยาห์ 62: 6-7) หมายถึงความมุ่งมั่นและความพยายามในทิศทางแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า (3)

 

    2. ชาวยิวและชาวคริสต์จะต้องทำลายมัสยิดทั้งสอง คือมัสยิดอัล-อักซอ และมัสยิดกุบบะตุซซ็อคเราะฮ์ (Dome of the Rock) ในกรุงเยรูซาเล็ม (บัยตุ้ลมักดิส) ชาวยิวกลุ่มหนึ่งเข้าไปในสนามของมัสยิดโดยผ่านกำแพงเมืองเก่าในสภาพติดอาวุธ พวกเขาได้สร้างตัวอย่างจำลองขนาดเล็กของมัสยิดเพื่อทดลองวิธีการต่างๆ ที่จำเป็นในการทำลายมัน และคำนวณระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับแต่ละขั้นตอนของการดำเนินการ

 

    หนึ่งในผู้ก่อการร้ายชาวไซออนิสต์ซึ่งมีนามว่า "เอฮุด เอทเซียน" ได้กล่าวอ้างว่า “รัฐบาลอิสราเอลเฉื่อยชาในการทำลายสถานที่ต่างๆ ของอิสลาม ดังนั้นผมจำเป็นต้องดำเนินการเอง” (4)

 

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทัศนะของบรรดานักวางแผน พวกเขาเชื่อในทำนองเดียวกับที่ว่าภูเขาไซออน (Zion) เป็นของไซออนิสต์ เยรูซาเล็ม (บัยตุ้ลมักดิส) ก็เป็นของอิสราเอลเช่นเดียวกัน


“ลินด์เซย์” (Lindsey) ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของกรุงเยรูซาเล็มในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าเรื่องของขอบเขตความกว้างและเศรษฐกิจของมัน นับจากยุคสมัยต่างๆ ที่ผ่านมา เยรูซาเล็มเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดบนดาวเคราะห์ดวงนี้... คำทำนายเกี่ยวกับเรื่องของเยรูซาเล็มจึงเกิดขึ้นมากกว่าจุดอื่น ๆ ในโลกนี้ (5)

 

    คณะผู้สอนคำสอนและชีวประวัติของพระเยซู (evangelists) ถือว่า การยึดครองปาเลสไตน์หรือในสำนวนที่พวกเขาเรียกว่า “ดินแดนพันธะสัญญาของชาวยิว” คือก้าวแรกในการเป็นผู้ถูกเลือกสรรของชาวยิว และการบรรลุความเป็นจริงของการมาของพระเยซู ดังเช่นที่ "จอห์น แดรี่" กล่าวไว้เช่นนี้ว่า “ดังนั้น สิ่งแรกที่พระเจ้า (หมายถึงพระเยซู) จะกระทำ คือการทำความสะอาดแผ่นดินของพระองค์ (แผ่นดินซึ่งเป็นของชาวยิว) จากชาวปาเลสไตน์และผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณภูเขาไซออน (Zion) โดยสรุปก็คือ จากแม่น้ำไนล์ไปจนถึงแม่น้ำยูเฟรตีส สิ่งนี้จะเกิดขึ้นด้วยพลังอำนาจของพระคริสต์ และเป็นคุณประโยชน์ต่อกลุ่มชนของพระองค์ ซึ่งด้วยผลแห่งความดีของพระองค์มันจะถูกทำให้เป็นจริงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง” (6)

 

    เช่นนี้เองที่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี ค.ศ. 1948 ที่รัฐบาลผู้ปล้นสะดมแห่งไซออนิสต์ ด้วยการสนับสนุนของสหประชาชาติและสหรัฐอเมริกาได้ถูกจัดตั้งขึ้น) ต้องประสบกับความทุกข์ยากจากการพลัดพรากถิ่นฐานของตนเอง อันเนื่องมาจากความทะเยอทะยานของนักการเมืองผู้สะสมความมั่งคั่ง นักตีความพระคัมภีร์ไบเบิลและโตราห์ที่มีความโง่เขลา (จำเป็นต้องกล่าวย้ำว่า จากปี ค.ศ. 1967 การรุกรานและการละเมิดสถานที่สำคัญต่างๆ ในบัยตุ้ลมักดิส (เยรูซาเล็ม) นั้นเกิดขึ้นมากกว่าร้อยครั้ง)

 

    3.การสร้างวิหารโซโลมอนขึ้นแทนมัสยิดอัล-อักซอ และการเชือดลูกวัวอายุสามปีในโบสถ์


เกรซ ฮาลเซลล์ (Grace Halsell) ตัวเขาเองในช่วงเวลาหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในหมู่ผู้ที่เชื่อมั่นต่อหลักคำสอนต่างๆ ของพระเยซู (Evangelical) เขากล่าวไว้ในหนังสือ “การเตรียมสงครามครั้งใหญ่กับพระหัตถ์ของพระเจ้า” ไว้เช่นนี้ว่า

 

     “ผู้ชี้นำของเรา (หนึ่งในคณะผู้สอนคำสอนและชีวประวัติของพระเยซู (evangelists)) ในขณะที่ชี้ถึง Dome of the Rock และมัสยิดอัล-อักซอ เขากล่าวว่า พระวิหารหลังที่สามจะถูกสร้างขึ้นที่นั่น เราได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้วสำหรับการสร้างพระวิหาร แม้แต่วัตถุดิบสำหรับการก่อสร้างก็จัดไว้พร้อมแล้ว" (7)

 

    บาทหลวง "Klaydlat" ผู้ดูแลโบสถ์ “นุซูล รูฮุ้ลกุดุซ” ได้อรรถาธิบายเนื้อหาส่วนต่างๆ ของพระคัมภีร์ไบเบิลจนกระทั่งเขากล่าวว่า การสร้างวิหารหลังที่สามของชาวยิวนั้นจะต้องเกิดขึ้นก่อนการมาครั้งที่สองของพระคริสต์ เขาได้ลงมือสร้างลูกวัวสีแดง (ซึ่งลูกวัวนี้ถูกสร้างขึ้นแล้วและเก็บรักษาไว้ในอิสราเอล) ด้วยกับการเชือดพลีมัน พวกเขาจะใช้เถ้าถ่านที่ผลิตขึ้นในขณะสวดมนต์ศีลมหาสนิท (พิธีมิสซา) ในวิหารในอนาคต เพื่อที่จะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น จำเป็นจะต้องทำลายอาคารต่างๆ ของอิสลาม อย่างเช่น Dome of the Rock (8)

 

   ในท้ายที่สุด ลัทธินี้ซึ่งตามความเชื่อของบาทหลวง "ริยาด เกรกอรี่" (หัวหน้าสภาคริสตจักรตะวันออกกลาง) คือลัทธิที่เบี่ยงเบนออกไปจากความเชื่อที่แท้จริงของศาสนาคริสต์ เป็นการปกป้องแผนงานต่างๆ ทางการเมืองและชาติพันธุ์อันเป็นเฉพาะ พวกเขาอธิบายเงื่อนไขต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้ขึ้นมา พวกเขาเชื่อมโยงสงครามครั้งสุดท้ายเข้ากับ “อาร์มาเกดดอน (Armageddon)" เพื่อสร้างเส้นทางการเป็นตำรวจตะวันออกกลางในนามของอิสราเอล พร้อมกับการครอบงำตะวันออกกลาง เพื่อสะสมความมั่งคั่งให้มากยิ่งขึ้น และทำให้การครอบครองแหล่งสำรองพลังงานในภูมิภาคนี้เป็นเรื่องง่ายดายขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยกับการทำความรู้จักกลุ่มนี้ให้มากยิ่งขึ้น จะช่วยทำให้เราสามารถรู้จักศัตรูของตนเองได้ดียิ่งขึ้น แล้วเราจะได้เป็นผู้ที่ช่วยเหลือที่แท้จริงและมีความบริสุทธิ์ใจคนหนึ่งของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.)

 

เชิงอรรถ :

 

1. ศีลจุ่ม (พิธีบัปติสมา) : หมายถึงการที่ชาวคริสต์จะทำการอาบน้ำหรือพรมน้ำให้แก่บรรดาผู้ที่หันมานับถือศาสนาคริสต์ใหม่ ตามพิธีกรรมอันเฉพาะ (ฟัรฮังก์ มุอีน)
2. คริสเตียนไซออนิสต์, เขียนโดยมุฮัมมัด กุรบานี, อ้งอิงจากบิชอปริยาด เกรกอรี่ (หัวหน้าสภาคริสตจักรตะวันออกกลาง), สำนักพิมพ์นัชร์ มะอาริฟ
3. คริสเตียนไซออนิสต์, สตีเฟ่น ไซเซอร์, หน้าที่ 45
4. ยะดุลลอฮ์ (พระหัถต์แห่งพระเจ้า), เกรซ ฮาลเซลล์, หน้าที่ 104, สำนักพิมพ์ฮิล้าล
5. คริสเตียนไซออนิสต์, สตีเฟ่น ไซเซอร์, หน้าที่ 35
6. แหล่งอ้างอิงเดิม
7. แหล่งอ้างอิงเดิม หน้าที่ 92
8. แหล่งอ้างอิงเดิม หน้าที่ 105

 

แปลและเรียบเรียงโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม