ศาสนากับโลก (ตอนที่ ๘) คุณค่าในตัวและคุณค่าที่สัมพันธ์กับสิ่งอื่น

 

ในการตอบปัญหาข้อนี้ จะต้องกล่าวเสียก่อนว่า เราจะต้องเข้าใจความหมายที่แท้จริงของทรรศนะของอิสลาม  ที่ว่าโลกไม่มีคุณค่าให้แจ่มแจ้งเสียก่อน ความคลุมเครือในเรื่องนี้จะนำไปสู่ความสงสัยและความหวาดหวั่น หากว่าจะพิจารณาถึงคุณค่าและความมีค่าของวัตถุเองแล้วทุกอย่างย่อมมีค่า อีกด้านหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างมีค่าในตัวของมันเอง เพราะทุกๆ สิ่งเป็นสิ่งหนึ่งของการสร้าง และการสร้างในตัวของมันแล้ว คือ แก่นแท้ของคุณค่านั่นเอง นักปรัชญากล่าวว่า ความมีอยู่นั้นมีคุณประโยชน์เท่าเทียมกัน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราพิจารณาถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใด ในด้านความสัมพันธ์กับสิ่งอื่นในฐานะที่มีผลต่ออีกสิ่งหนึ่ง เราก็จะเห็นว่าเป็นไปได้ที่วัตถุสิ่งหนึ่งในความสัมพันธ์กับวัตถุอื่นจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะไร้ค่า นั่นก็คือ เป็นไปได้ที่มันจะไม่มีผลต่อสิ่งอื่นเลยไม่ว่าจะเป็นด้านผลประโยชน์หรือความสูญเสีย อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นไปได้เท่าๆ กันที่มันจะมีค่า ในเมื่อมันมีผลเมื่อเป็นผลบวก

 

เราก็กล่าวว่า มันมีค่าเป็นบวก และหากว่ามีผลลบ เราก็กล่าวว่ามีค่าลบ ด้วยการมองดูที่ค่าบวกซึ่งเป็นคุณค่าของสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวกับสิ่งอื่น เราจะเห็นได้ว่ามันอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่มีสองรูปแบบ แต่ได้รับการพิจารณาแต่ด้านเดียว ตัวอย่างเช่น ความหมายที่เรากล่าวว่า เงินมีค่าต่อมนุษย์ เราสามารถพิจารณาค่าแบบสัมพัทธ์ด้วยการเปรียบเทียบกับค่าสัมพัทธ์กับสิ่งที่สาม เช่น เงินนั้นมีค่าต่อมนุษย์แค่ไหน เมื่อเปรียบเทียบกับสุขภาพความรู้และจริยธรรม

 

อันเม็ดทรายหรือแมลงวันหรือยุงในทรรศนะของมนุษย์นั้นไม่มีค่าอย่างใดเลย ความมีอยู่ของมันไม่มีผลต่อมนุษย์แต่อย่างใด แน่นอนปรากฏว่า ในขณะที่สิ่งนั้นเองไร้ค่า ดังนั้น สิทธิที่เกี่ยวกับมันไร้ค่าเช่นกัน ตามทรรศนะของมนุษย์ ส่วนอีกทางหนึ่ง เงินมีค่าต่อมนุษย์ เพราะว่ามันมีประโยชน์ต่อสภาพความเป็นอยู่ของเขาและสามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่ความคิดและแผนการของเขาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับสุขภาพ ความรู้และเกียรติแล้วมันได้เสียคุณค่าของมันไปและกลายเป็นสิ่งไร้ค่าไปไม่ใช่ว่ามีค่าน้อย แต่ไม่มีคุณค่าเอาเสียเลย มิใช่ว่าหากเงินจำนวนมีค่ามากพอก็จะเทียบเท่ากับเกียรติยศได้ไม่ใช่เช่นนั้นเลย ผู้ที่รักเงินและในเวลาเดียวกันก็มีลักษณะสูงส่งและมีเกียรตินั้นจะดิ้นรนหาเงินเฉพาะตราบเท่าที่เกียรติยศและความเคารพตัวเองยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น และขณะใดที่เงินเป็นสาเหตุที่ทำให้เกียรติยศและการเคารพตัวเองของเขาต้องเสียไปแล้ว เขาก็จะละเลยเงินจำนวนนั้นไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม แม้ว่า ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของโลกจะถูกมอบให้เขากระนั้น เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะจ่ายราคาแห่งเกียรติยศและการเคารพตัวเองเพื่อเงินนั้น ในทรรศนะของบุคลิกเช่นนั้น เงินมีคุณค่า แต่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่มีค่าเท่าเทียมกับการเคารพตัวเองเกียรติยศ และจริยธรรม-เมื่อเปรียบเทียบคุณค่าเช่นนั้น คุณค่าของเงินก็จะจืดจางไปอย่างง่ายดาย ไม่ใช้เป็นปัญหาว่าเงินจำนวนน้อยไม่อาจไปเทียบได้ แต่เงินจำนวนมากจะเทียบได้ตรงกันข้าม แม้เงินจำนวนมากก็ไม่อาจเทียบได้กับเกียรติยศและความเครพแม้แต่น้อยนิดได้

 

ท่านอะลี (อ) ได้แสดงความรู้สึกออกมาดังนี้

 

“ในนามแห่งพระผู้เป็นเจ้า! หากว่าฉัน (จะ) ได้รับดินแดนเจ็ดแห่งซึ่งภายในท้องฟ้าของมันเหล่านั้นมีการขบถต่อพระผู้เป็นเจ้าโดยแย่งชิงเปลือกข้าวบาร์เล่ย์มาจากมดแล้ว ฉันก็จะไม่รับเอา! ”

 

นี่ หมายความว่า ชีวิตทั้งหมดตามทรรศนะของท่านอะลี (อ) แล้วไม่มีค่าไปกว่าการกระทำที่ไม่ยุติธรรมแม้แต่ต่อมดตัวเล็กๆ

 

ในประโยคนี้ท่านอะลี (อ) ไม่ได้ดูถูกคุณค่าของโลกและสิ่งที่มีอยู่ในนั้น ตรงกันข้าม ท่านยกระดับคุณค่าของความยุติธรรมนั้น

 

ท่านไม่ได้จงใจที่จะบอกเราว่า โลกและทุกสิ่งที่อยู่ใต้ต้องฟ้าเป็นสิ่งไร้ค่า แต่ท่านก็ไม่ต้องการมันเลย ถ้าหากต้องแลกเปลี่ยนกับการกระทาสิ่งที่ไม่ยุติธรรมต่อมด สิ่งที่ท่านได้บอกเราก็คือว่าความอยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องร้ายกาจเสียจนทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเป็นสิ่งที่ไร้ค่าไปเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาอันน้อยนิดแห่งความอยุติธรรมที่เกิดจากการแย่งชิงเปลือกขนมปังข้าวบาร์เลย์มาจากมด ดังนั้น เราจะเห็นว่าโลกไม่มีคุณค่าในทรรศนะของท่านศาสดานั้นถูกต้องตามความหมายแห่งการเปรียบเทียบคุณค่าหรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า โลกไม่มีคุณค่า หากว่าคนๆ หนึ่ง ต้องยกเลิกจริยธรรมและหลักสำคัญ โกหก ไม่รักษาคำพูด สร้างความอยุติธรรม เหยียบย่ำสิทธิของผู้อื่นและอื่น ๆ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อโลกและผลประโยชน์ทางวัตถุ

 

โลกไม่มีคุณค่าในแง่ที่ว่า เราก่อความอยุติธรรมด้วยการสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นเพื่อความสุขทางโลกและความสะดวกสบาย หรือแม้แต่การที่เราเหยียบย่ำสิทธิของมดก็ตาม

 

เขียนโดย ชะฮีดมุเฏาะฮะรี

แปล จรัญ มะลูลีม