ชีวประวัติท่านหญิงซัยนับ อัลกุบรอ ตอนที่ 1

 

ในหนังสือคอซออิซุซซัยนาบียะฮ์ ได้บันทึกไว้ว่า

ท่านหญิงซัยนับถือกำเนิดในวันที่ 5 ญะมาดิลเอาวัล ฮ.ศ. 5 หรือ 6

 

ท่านหญิงเป็นหลานสาวของท่านศาสดาแห่งอิสลามและท่านหญิงคอดีญะฮ์ กุบรอ เป็นบุตรสาวของท่านอิมามอะลี อิมามท่านแรกกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ บุตรสาวสุดที่รักของท่านศาสดา เป็นน้องสาวของอิมามฮาซัน และอิมามฮูเซน

 

ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเป็นเชื้อสาย ‘บนีฮาชิม’ อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสายตระกูลของท่านศาสดามุฮัมมัด ที่สืบทอดกลับไปถึงท่านศาสดาอิบรอฮีม

 

ในเวลาที่ท่านหญิงจะให้กำเนิดบุตรชาย อิมามอะลี ได้รีบรุดมายังบ้านของท่าน เมื่อได้รับข่าวดีจากการบอกเล่าของอิมามฮูเซน ที่ว่า “โอ้ ท่านพ่อ! พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตาอย่างเหลือล้น ที่ทรงประทานน้องสาวให้แก่ฉัน”

 ขณะนั้นท่านอายุเพียงสองขวบ ได้สังเกตเห็นหยาดน้ำตาปรากฏขึ้นในดวงตาทั้งสองของผู้เป็นบิดา จึงอยากจะทราบถึงสาเหตุนั้น ท่านอิมามอะลีได้ตอบว่า “โอ้ แสงสว่างแห่งดวงตาของพ่อ!

 

วันหนึ่ง เจ้าจะเข้าใจถึงสาเหตุแห่งความโศกเศร้าในครั้งนี้”

 

เมื่ออิมามอะลีเข้าไปในบ้าน ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ได้ถามถึงชื่อที่อิมามเตรียมไว้สำหรับทารกน้อย

อิมามตอบว่าเรื่องนี้ ท่านศาสดาจะจัดการเอง ท่านซัลมาน ฟาริซีซึ่งเป็นสาวกที่ใกล้ชิดที่สุดของท่าน

ศาสดาอยู่ในเหตุการณ์และได้รีบไปยังมัสยิด เพื่อบอกข่าวอันน่ายินดีนี้แก่ท่านศาสดา ซึ่งท่านได้กล่าวทั้ง

น้ำตาว่า “โอ้ ซัลมาน! ญิบรออีลบอกกับฉันว่า ทารกน้อยนี้จะต้องแบกรับภาระที่หนักยิ่ง”

 

ท่านศาสดาได้มายังบ้านบุตรสาวของท่าน และขอให้มอบทารกน้อยให้กับท่าน ท่านได้แนบแก้มของท่านไว้กับแก้มของทารกนั้น ท่านกอดทารกน้อยไว้ขณะที่ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยน้ำตา ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์รู้สึกประหลาดใจ จึงถามถึงสาเหตุแห่งความโศกเศร้านั้น

 ท่านศาสดาจึงตอบว่า “โอ้ ลูกรัก! วันหนึ่งจะมาถึง เมื่อเราพ่อลูกไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว ทารกน้อยนี้จะต้องพบกับโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่”

 

หลังจากทราบเรื่องราวดังกล่าว ท่านหญิงหัวใจแทบแตกสลาย ท่านศาสดาจึงปลอมโยนท่านว่า “ใครก็ตามที่ร่ำไห้ต่อเหตุการณ์นี้ จะได้รับผลบุญตอบแทนเหมือนกับที่เขาร่ำไห้ให้กับโศกนาฏกรรมของอิมามฮูเซน”

 

หลังจากประกอบพิธีตามแบบฉบับของท่านศาสดาให้กับทารกคนใหม่ ญิบรออีลได้นำข่าวดีมาบอกกับท่านศาสดาว่า “อัลลอฮ์ ทรงประสงค์ให้ทารกน้อยมีนามว่า ‘ซัยนับ’ และนามนี้ได้ถูกบันทึกไว้บน เลาฮูลมะฟูซ”

 

 หลังจากพิธีอะกีเกาะฮ์ทารกน้อย จึงมีนามว่า ‘ซัยนับ’ ซึ่งมีความหมายว่า ‘ต้นไม้ที่มีกลิ่นหอมหวน’ หรือ ‘เครื่องประดับของบิดา’ หรือ ‘ทรัพย์สมบัติที่ดีเลิศ’

 

ด้วยเหตุนี้ เธอได้รับการตั้งชื่อโดยอัลลอฮ์ ผ่านทางท่านศาสดา จึงไม่มีข้อสงสัยเลยว่า ท่านมีฐานะเทียบเท่ากับ ‘ปันญ์จตาน’ (ท่านศาสดา อิมามอะลี ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์

อิมามฮาซันและอิมามฮูเซน)

 

ได้รับตำแหน่งที่สูงส่งจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งควรจะต้องบันทึกและนับรวมท่านเข้าไว้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือ (ชะฟาอะฮ์) การที่ได้รำลึกถึงการพลีที่ยิ่งใหญ่และโศกนาฏกรรมที่ท่านได้ประสบ การบอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวของความทุกข์ทรมาน การไปเยี่ยมเยือนหลุมฝังศพของท่าน การสดุดีหรือการขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าในภาวะวิกฤติ โดยการอ้างนามของท่านในการขอการสงเคราะห์ช่วยเหลือ จะได้รับผลบุญตอบแทนอย่างมากมายแม้ว่าท่านหญิงจะไม่ได้อยู่ร่วมใน 14 ผู้บริสุทธิ์ปราศจากการกระทำผิด (มะอ์ซูมีน) แต่ชีวิตของท่านก็บริสุทธิ์สะอาด ปราศจากบาปและเต็มไปด้วยการเสียสละ จึงกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า ท่านหญิงอยู่ในสถานะเดียวกับท่านเหล่านั้น ซึ่งสิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนที่ กัรบะลาอ์ เมื่ออิมามฮูเซน ได้มอบสมาชิกในครอบครัวของท่านที่เหลืออยู่ ให้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของท่าน

 

ท่านศาสดากล่าวชี้แนะไว้อย่างชัดเจนว่า ทุกคนควรที่จะยอมรับว่าท่านหญิงซัยนับเป็นผู้ที่สมควรได้รับการคาราวะตลอดไป เพราะท่านทราบดีถึงภารกิจที่ท่านหญิงได้กระทำเพื่ออิสลามเหมือนกับ ‘ปันญจตาน’ คือเครื่องประดับแห่งบัลลังก์ของพระเจ้า ในทำนองเดียวกัน ท่านหญิงซัยนับคือ

 

เครื่องประดับแห่ง ‘เลาฮุลมะอ์ฟูซ’ สิ่งใดก็ตามที่ท่านศาสดากล่าวล้วนมาจากพระผู้เป็นเจ้า

 

ด้วยเหตุนี้ ประโยคนี้จึงมีความหมายที่จะต้องนำมาปฏิบัติ

 

ในบรรดาสตรี 4 ท่านที่อัลลอฮ์ทรงยกเกียรติให้ คือ

- ท่านหญิงคอดิยะฮ์ บินติ คุวัยลิด ภรรยาคนแรกของท่านศาสดา

- ท่านหญิงมัรยัม บินติ อิมรอน มารดาของท่านศาสดาอีซา

 (พระเยซู)

 

- ท่านหญิงอาซียะฮ์ บินติ มะซาฮิม ภรรยาของฟิรอูน และ

- ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ บินติ มุฮัมมัด บุตรสาวของท่านศาสดา

 

จากสี่ท่านนี้ สองท่านที่มีความใกล้ชิดกับท่านหญิงซัยนับมากที่สุด ท่านที่หนึ่งคือคุณยายและท่านที่สองคือมารดาของท่าน

 

จากการสืบเชื้อสายมาจากท่านศาสดา ทำให้ท่านหญิงมีลักษณะท่าทางเหมือนกับท่านหญิงคอดีญะฮ์ กุบรอ คือมีรูปร่างสูงโปร่งงดงาม มีวาทะศิลป์ในการพูดเหมือนกับบิดาของท่านคืออิมามอะลี ในยามที่ท่านหญิงกล่าวสุนทรพจน์ดูราวกับว่า ท่านอิมามอะลีกำลังกล่าวอยู่อย่างไรอย่างนั้น

 

ในคำปราศรัยนั้นมีความไพเราะและมีพลัง ซึ่งเป็นที่ประทับใจแก่ผู้ที่ได้รับฟัง ท่านหญิงเป็นแบบฉบับของความบริสุทธิ์และความสุภาพอ่อนโยน สืบทอดมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์มารดาของท่าน ท่านหญิงมีรูปร่างที่สง่างาม (ใครที่พบเห็นจะต้องสะดุดตา) เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็น ใบหน้าของท่านมีรัศมีผุดผ่องเหมือนใบหน้าของท่านศาสดา อุปนิสัยใจคอและอารมณ์ของท่านจะเหมือนกับอิมามฮาซัน แต่มีความกล้าหาญอดทนเหมือนกับอิมามฮูเซน

 

ที่มา หนังสือ ซัยนับ วีรสตรีแห่งอิสลาม

เขียนโดย ยูซุฟ เอ็น ลาลล์ญี