ชีวประวัติท่านหญิงซัยนับ อัลกุบรอ ตอนที่ 2

 


การอบรมเลี้ยงดู

 

ท่านหญิงถูกอบรมเลี้ยงดูมาในบ้าน ซึ่งแสงแห่งอิสลามได้เริ่มส่องประกายขึ้นในจักรวาล สตรีท่านแรกที่ยอมรับอิสลามและสร้างรากฐานของมัน คือท่านหญิงคอดีญะฮ์ กุบรอ ภรรยาคนแรกของท่านศาสดา สตรีท่านที่สองที่ยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออิสลาม คือ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ บุตรสาวของท่านศาสดา และหลังจากการสิ้นชีวิตของท่าน ท่านหญิงซัยนับ ผู้เป็นบุตรสาวก็แบกรับภารกิจนี้สืบต่อมา ดังพิสูจน์ให้เห็นได้จากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่กัรบะลา และเหตุการณ์หลังจากนั้นไม่อาจหาใครเสมอเหมือนได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่ท่านยอมพลีให้  


ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการกล่าวคำปราศรัย การดูแลปกป้องบรรดาเด็กๆ ในยามที่เกิดเพลิงไหม้และถูกปล้นสะดมในกองคาราวาน ทั้งๆ ที่ ท่านเป็นสตรีเพศ ท่านไม่ยอมสะทกสะท้านที่จะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายทั้งปวง ในยามวิกฤติเช่นนั้น ท่านกล้าที่จะเผชิญหน้าและแสดงบทบาทรับผิดชอบอย่างที่บุรุษปุถุชนธรรมดาไม่สามารถทำให้สำเร็จได้


ท่านหญิงเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับอิมามฮูเซนอย่างมาก ความรักที่มีต่อท่านอิมามซึมซับอยู่ในสายเลือด แม้แต่ในยามเด็กที่นอนอยู่ในเปล พี่ชายท่านจะต้องแวะมาหาท่านอย่างน้อยวันละ 4 ครั้ง ถ้าไม่เช่นนั้น ท่านหญิงจะร้องไห้งอแง ความรักที่ท่านมีต่อพี่ชายมากมาย จนไม่สามารถจินตนาการได้ ในยามที่ท่านได้เห็นพี่ชาย ใบหน้าของท่านจะเป็นประกายสดชื่น จนท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ปรารภกับท่านศาสดาว่า “ซัยนับรักฮูเซนเหลือเกิน จนไม่อาจแยกจากกันได้เลย”


ในช่วงห้าปีแรก ท่านหญิงมีชีวิตอยู่ร่วมกับท่านตาของท่าน เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างที่สุดในชีวิต ตราบที่ท่านศาสดายังมีชีวิตอยู่ ท่านหญิงจะได้รับความเคารพนับถือและให้เกียรติ


ท่านถูกอบรมเลี้ยงดูมาในบ้าน ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ส่งญิบรออีลและคัมภีร์อัลกุรอานลงมา บ้านซึ่งบรรดามะลาอิกะฮ์เคยลงมาเป็นองครักษ์ปกป้องปวงภัย ไม่ว่าใครจะมาจากใกล้หรือไกลก็จะพากันให้ความเคารพนับถือ


บ้านหลังนี้ และใครที่มีความประสงค์สิ่งใดเขาก็จะได้รับการตอบสนอง สถานที่แห่งนี้เอง ที่เป็นสถานที่ ซึ่งท่านได้รับการอบรมฝึกฝน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อท่านศาสดาสิ้นชีวิต ในวันที่ 28 ซอฟัร ฮ.ศ. 11


ท่านหญิงซัยนับจะโศกเศร้าอาดูรปานใด ความโศกเศร้าไม่อาจบรรยายได้ เมื่อประตูบ้านของมารดาของท่านถูกคุกคามโดยศัตรู พวกเขาได้ใช้เชือกมัดรอบต้นคอของอิมามอะลี บิดาของท่าน เพื่อพาไปยังมัสยิดและบังคับให้ท่านอิมามยอมให้สัตยาบันกับคอลีฟะฮ์


เหตุการณ์เหล่านี้ทำร้ายจิตใจของท่านหญิงอย่างแสนสาหัส และความทุกข์ยากนั้นเพิ่มเป็นทวีคูณ เมื่อสวนฟะดักซึ่งเป็นของขวัญที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ได้รับมาจากท่านศาสดาถูกยึดไป


นี่เป็นการเริ่มต้นของความทุกข์ยากหลังจากการสิ้นชีวิตของบิดาและมารดา


หลังจากการสิ้นชีวิตของท่านศาสดา การปฏิบัติการที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์อย่างมากมาย ท่านต้องอดทนต่อสภาพเหล่านั้น ด้วยความกล้าหาญ แต่หัวใจของท่านได้แตกสลาย ท่านมีชีวิตอยู่ได้เพียง 75 วัน หลังจากที่ท่านศาสดาสิ้นชีวิต


 
 ท่านหญิงซัยนับมีอายุเพียง 5 ขวบ สิ่งที่ได้ทำให้ท่านตกใจมาก น่าประหลาด! ดูราวกับว่าในช่วงชีวิตของท่านศาสดา บุคคลและบ้านที่เคยได้รับความเคารพนับถือ มาบัดนี้กลายเป็นเป้าจากการถูกโจมตีของผู้ที่เคยแสดงตัวว่าจงรักภักดีต่อท่าน


บทเรียนที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งการสิ้นชีวิตของมารดา ทำให้ท่านยืนหยัดอยู่ได้อย่างดียิ่งใน

 

ช่วงเวลาแห่งการสังหารหมู่ที่กัรบะลา

 

การอบรมสั่งสอนที่ท่านได้รับจากท่านศาสดา เป็นเสาหลักแห่งชีวิตหลังจากการสิ้นชีวิตของมารดา ท่านหญิงได้รับการอบรมเลี้ยงดูโดยท่านอิมามอะลี บิดาของท่าน
ทายาทของท่านหญิง

 

ใน ฮ.ศ. 16 ท่านหญิงสมรสกับอับดุลลอฮ์ บุตรของญะอ์ฟัร ฏอยยัร มีบุตรชาย 4 คน คือ ท่าน อูน ท่าน มุฮัมมัด ท่าน อับบาสและท่าน อะลี มีบุตรสาว 1 คน คือ ท่านหญิงกุลซูม สองในสี่ท่านคือท่านอูนและมุฮัมมัด ถูกสังหารเป็นผู้สละชีพที่กัรบะลาพร้อมกับอิมามฮูเซน

 

ท่านอับบาสไม่มีบุตร ท่านอะลีเป็นผู้เดียวในสายของท่านหญิงซัยนับและอับดุลลอฮ์ที่มีทายาทสืบต่อมา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘อาลีซัยนาบียะฮ์’ จากหนังสือ ‘อะลีอัชชะฮีด” ท่านศาสดาและท่านอะลีได้กล่าวว่า ทายาทของท่านหญิงนับรวมเป็นทายาทของพวกท่านด้วย ท่านหญิงกุลโซม  บุตรสาวของท่านสมรสกับ กอซิม บุตรของมุฮัมมัด น้องชายของอับดุลลอฮ์

 

ที่มา หนังสือ ซัยนับ วีรสตรีแห่งอิสลาม
เขียนโดย ยูซุฟ เอ็น ลาลล์ญี