เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ความชิงชังของอิบนุตัยมียะฮ์ที่มีต่อท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ บุตรีท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ตอนที่ 1

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ความชิงชังของอิบนุตัยมียะฮ์ที่มีต่อท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ บุตรีท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ตอนที่1

 

 

อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสในคัมภีร์อัลกุรอานว่า

 

لَا يُحِبُّ اللَّهُ الْجَهْرَ بِالسُّوءِ مِنَ الْقَوْلِ إِلَّا مَنْ ظُلِمَ

 

อัลลอฮ์ไม่ทรงรักการใช้เสียงดังในถ้อยคำที่เลวร้าย ยกเว้นผู้ถูกซอลิม(อธรรม)

อัลกุรอานบทที่ 4 : 148

 

มะฮับบัต(รัก)กับกะรอฮัต (ชัง) ใช้กับอัลลอฮ์ไม่ได้ เพราะมัน คือ นิสัยมนุษย์

สิ่งที่คู่ควรใช้กับอัลลอฮ์ คือ ริฎอ (พอพระทัย) กับฆอฎ็อบ (ไม่พอพระทัย)

 

คำ (ยา ยุฮิบบุ-ไม่รัก) ในวิชาอุซูล เท่ากับรูปคำ ปฏิเสธการอนุญาติ (ไม่อนุญาติ) รากเดิมคำนี้ คือ ตะห์รีม (สิ่งที่ฝ่าฝืนทำ ถือว่า มีความผิดบาป)

 

นี่คือความหมายของอายัตนี้ เพราะ (ยา ยุฮิบบุ) หมายถึง (ยักกะร่อฮุ – ไม่ชอบ) ซึ่งย้อนกลับไปที่ความหมาย (อันนะฮ์ยุ-ห้ามทำ)

 

ความหมาย(อัลญะฮ์รุ) คือ ประกาศให้ผู้คนได้ยิน ได้รับรู้

 

เมื่อการรังแกคนด้วยคำพูดนั้นฮะร่าม แล้วการรังแกคนด้วยการกระทำย่อมเป็นสิ่งฮะรอมหนักที่สุด

 

(อิลลา มัน ซุลิมะ- ยกเว้นผู้ถูกอธรรม ถูกข่มเหงรังแก) อัลลอฮ์ทรงอนุญาตให้ประกาศความเลวร้ายของผู้ซอลิม อายัตนี้กล่าวแบบ อุมูม มุตลัก

 

สรุป อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงพอพระทัยต่อการประจานความชั่วของคนซอลิม(คนที่กดขี่หรือได้อธรรม ละเมิดสิทธิต่อผู้อื่น)

 

ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ได้สั่งเสียว่า ให้รักและปฏิบัติตามแนวทางของอะฮ์ลุลบัยต์

 

เรื่องของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ)เป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่ง ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดตั้งใจฟังดีๆ

 

ต้องนับว่า ความมัซลูมของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซิดดีเกาะฮ์ คือ มีซาน(ตราชั่ง,บรรทัดฐาน,มาตรวัด) จำแนกระหว่างอีหม่าน(ความศรัทธา)กับนิฟ๊าก(ความกลับกลอก) จำแนกระหว่างบุฎดุน(ความชัง)กับฮุบบุน(ความรัก)

 

เป็น”มีซาน”สอนมุสลิมให้รู้จักว่า เขาอยู่กับฮัก(ถูก)หรือบาติล(ผิด) ใครคือมุฮิก(คนถูก) ใครคือมุบติล(คนผิด)

 

อัลลอฮ์ ตะอาลา ได้ทรงทดสอบมนุษย์ด้วยบททดสอบต่างๆ นี่คือ ซุนนะตุลลอฮ์

 

บททดสอบหนึ่ง คือ การมะริฟัตมุอ์มิน(รู้จักผู้ศรัทธา) เพื่อจำแนกออกจากพวกอื่น

อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า

 

الم أَحَسِبَ النَّاسُ أَنْ يُتْرَكُوا أَنْ يَقُولُوا آَمَنَّا وَهُمْ لَا يُفْتَنُونَ وَلَقَدْ فَتَنَّا الَّذِينَ مِنْ قَبْلِهِمْ فَلَيَعْلَمَنَّ اللَّهُ الَّذِينَ صَدَقُوا وَلَيَعْلَمَنَّ الْكَاذِبِينَ

 

อะลิฟ ลาม มีม มนุษย์คิดหรือว่า พวกเขาจะถูกทอดทิ้งเพียงแต่พวกเขากล่าวว่าเราศรัทธา และพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบกระนั้นหรือ และโดยแน่นอน เราได้ทดสอบผู้ที่อยู่ก่อนหน้าพวกเขาแล้วดังนั้น อัลลอฮ์จะทรงจำแนกให้รู้จักซอดิกีนและจะทรงจำแนกให้รู้จักกาซิบีน

บทอัลอังกะบูต : 1-3

 

ซอดิกีน (คนสัตย์จริง) / กาซิบีน (คนมุสา)

 

หากมาตรวัดการรู้จักฮักและบาติลได้เกิดปะปนกัน ด้วยสาเหตุขัดแย้งกันในความเข้าใจในหมู่มนุษย์ ทุกฝ่ายก็เชื่อว่าตนเองอยู่บนฮักและฝ่ายโจทย์อยู่บนบาติล ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เห็นกัน

 

อุละมาอ์โลกมุสลิมทุกกลุ่ม ได้ขัดแย้งกันมากมายในความหมายอายัตกุรอานหรือมะอ์นาฮะดีษ ซึ่งเรื่องนี้มัชฮูร ต่างฝ่ายก็พยายามให้ฝ่ายตรงข้ามจำนนต่อความถูกต้องในความเข้าใจของเขา

 

ปัญหาที่ซ่อนอยู่ในประเด็นนี้คือ ทั้งสองฝ่ายมีมาตรวัดความน่าเชื่อถือของฮะดีษแตกต่างกัน นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นท่ามกลางมุสลิมทุกกลุ่ม

 

แต่ความขัดแย้งในเรื่องท่านหญิงฟาติมะฮ์ที่ถูกอธรรม กดขี่ ไม่ใช่เรื่องขัดแย้งกันในตัวบทฮะดีษต่างๆเท่านั้น แต่ว่า ตัวท่านหญิงฟาฏิมะฮ์เองคือ มิกยาส คือ มีซาน (ตราชั่ง,บรรทัดฐาน,มาตรวัด)

 

ด้วยเหตุนี้ ตลอดชีวิตของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ท่านได้ให้บรรดามุสลิมสนใจต่อท่านหญิงฟาติมะฮ์ เนื่องจากนาง คือ “มีซาน-มาตรวัด”ความถูกต้องเมื่อเกิดฟิตนะฮ์ใดๆก็ตาม เพราะฟิตนะฮ์ย่อมเกิดขึ้นกับมุสลิมได้ทุกเวลา ทุกสถานที่

 

คำถามคือ อิบนุตัยมียะฮ์ได้อธรรมอะไร ต่อท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ บุตรีของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)

 

บทความโดย เชคอับดุลญะวาด สว่างวรรณ

โปรดติดตามตอนที่ 2

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม