เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

คุณลักษณะของเดือนรอมฎอน

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

คุณลักษณะของเดือนรอมฎอน

 

เดือนแห่งอัลลอฮ์ (พระผู้เป็นเจ้า)


แม้ว่า องค์ประกอบของเวลาและสถานที่จะไม่มีความแตกต่างๆกันสักเท่าไหร่ แต่ในแง่ทางจิตวิญญาณ แต่ในบางกรณี สถานที่หนึ่ง ดั่งเช่น อาคารกะอ์บะฮ์ หรือ มัสยิดต่างๆ และสถานที่ฝังร่างอันไร้วิญญาณของบรรดาชะฮีด (ผู้พลีชีพในแนวทางของพระเจ้า) หรือเวลาหนึ่ง เช่น ในเดือนรอมฎอนอันทรงเกียรติ โดยเฉพาะในค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์(ค่ำคืนแห่งอานุภาพ)  ถือว่ามีคุณค่าและความสำคัญมากอย่างยิ่งทีเดียว


ในระหว่างบรรดาเดือนทั้งหลาย เดือนรอมฎอนได้ถูกเรียกว่า เป็นเดือนแห่งอัลลอฮ์ (พระผู้เป็นเจ้า) เป็นเวลาที่มีการปฏิบัติอิบาดะฮ์ (การเคารพภักดี) อันเฉพาะ โดยที่มนุษย์ผู้ศรัทธาจะปฏิบัติอิบาดะฮ์นั้นเพื่อนำไปสู่การพัฒนาและความสมบูรณ์ทางด้านภายในและจิตวิญญาณด้วยกับมีอัคลาค (จริยธรรม) ของพระองค์  ในเดือนนี้ และประตูแห่งฟากฟ้าได้ถูกเปิดออกให้กับมนุษยชาติ เพื่อที่จะทำให้เกิดมีความสัมพันธ์กันระหว่างพื้นดินและฟากฟ้า  ดั่งในวจนะของบรรดาอิมาม ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย (อ) ได้กล่าวไว้หลายครั้งด้วยกันว่า

“เดือนรอมฏอน คือ เดือนแห่งอัลลอฮ์” ซึ่งได้ตรงกับวจนะของท่านอิมามศอดิก (อ) และท่านศาสดา ผู้ทรงเกียรติ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า


“เดือนรอมฎอน คือ เดือนแห่งพระเจ้า เป็นเดือนที่ความดีและการกระทำความดีนั้นจะมีผลบุญมากถึงหลายเท่าด้วยกัน (1)


ท่านศาสดา มุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวไว้หลายวจนะว่า “เดือนชะอ์บาน คือ เดือนของฉัน และเดือนรอมฎอน คือ เดือนของพระเจ้า” (2)


ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) ได้กล่าวไว้ในบทดุอาของอำลาเดือนรอมฎอนในหนังสือศอฮีฟะตุซซัจญาดียะฮ์ว่า


ا لسلام عليك يا شهر الله الاكبر و يا عيد اوليائه
 

“ขอกล่าวสลาม(ศานติ) ยังท่าน โอ้เดือนแห่งอัลลอฮ์ และโอ้อีด(การเฉลิมฉลอง) ของบรรดามวลมิตรแห่งพระองค์”


ท่านอิมามศอดิก(อ) กล่าวว่า


“เดือนรอมฎอน คือ เดือนของพระเจ้า ดังนั้น จงรำลึกถึงพระองค์ให้มากๆ ด้วยกับการกล่าวว่า


لا اله الا الله ، الله اكبر الحمدلله و سبحان الله
 

“ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น อัลลอฮ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และมหาบริสุทธิ์ยิ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์”(3)

 

เดือนแห่งความอดทน(ขันติ)


ในวจนะต่างๆของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ) ได้กล่าวไว้ว่า “เดือนรอมฎอน คือ เดือนแห่งความอดทน” เพราะว่าท่านศาสดาแห่งอิสลาม (ศ็อลฯ) กล่าวว่า


 “เดือนรอมฎอน คือ เดือนแห่งความอดทน และรางวัลของความอดทน คือ สรวงสวรรค์”(4)


ท่านอิมามอะลี อะมีรุลมุอ์มินีน (อ) กล่าววว่า


“เดือนรอมฎอน คือ เดือนแห่งความอดทน และการถือศีลอดทั้งสามวันของทุกเดือน จะชำระล้างความเศร้าโศกและการกระซิบกระซาบของซัยฏอนให้ออกไปจากหัวใจ”(5)


ในวจนะหนึ่งของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า เอกองค์อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสว่า


“การกระทำอะมั้ลของลูกหลานอาดัมนั้นมีรางวัลตอบแทนมากถึฃ 10 เท่าจนถึง 700 เท่า ยกเว้นในความอดทนต่อฉัน เพราะฉันจะให้รางวัลกับความอดทนนั้นเอง”


ดังนั้นเป็นที่กระจ่างชัดว่า รางวัลของความอดทน ณ พระองค์เป็นที่ชัดเจนอย่างแน่นอน และในตอนท้าย ท่านศาสดา (ศ็อลฯ)กล่าวว่า


والصبر الصوم
 

“และความอดทน คือ การถือศีลอด”(6)


ท่านอัลลามะฮ์ ฏอบาฏอบาอี ได้เขียนว่า


“ยามใดที่ท่านศาสดาแห่งอิสลามรู้สึกถึงเศร้าโศกเสียใจ ท่านจะทำการนมาซและถือศีลอดเพื่อเป็นการขจัดความทุกข์นั้นให้หมดสิ้นไป”(7)


ความอดทนนั้นมีบทบาทต่อมนุษย์ทั้งทางปัจเจกบุคคลและทางสังคม ซึ่งถือว่าเป็นความจำเป็นหนึ่ง ความอดทนในศาสนาก็ยังเปรียบเสมือนดั่งศีรษะที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ฉะนั้น มนุษย์ที่ไร้ศีรษะ จะไม่เรียกว่าเป็นมนุษย์ และยังไร้ประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น เช่นกัน หากในศาสนา ไม่มีความอดทนและการยืนหยัด ก็จะไม่เรียกว่าเป็นศาสนา เพราะว่า ความอดทนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความศรัทธาและศาสนา(8)


เดือนรอมฎอน เป็นแนวทางในการเข้าถึงยังความอดทนและเป็นการฝึกฝนตนให้มีความอดทนและมีความเข้มแข็ง ในเดือนรอมฎอน เป็นเดือนที่มนุษย์จะต้องต่อสู้กับอารมณ์ใฝ่ต่ำของเขา โดยที่ไม่มีเงื่อนไขใดและกฏเกณฑ์ที่ไม่อาจจะควบคุมความต้องการของร่างกายและอารม์ใฝ่ต่ำได้  ซึ่งถือว่า ตนนั้นยิ่งใหญ่และสูงส่งกว่าสิ่งใด ทั้งในการดำเนินชีวิตทางด้านวัตถุและกระเพาะและความเป็นสัตว์ทั่วไป


การออกห่างอารมณ์ใฝ่ต่ำ ได้เริ่มต้นขึ้นเดือนรอมฎอน ด้วยกับการหลีกเลี่ยงจากการกินและการดื่ม ซึ่งถือว่าเป็นการฝึกฝนตนให้มีความอดทนและเข้มแข็ง เพื่อที่จะได้พิชิตเหนือนัฟซู(อารมณ์ใฝ่ต่ำ) ของมนุษย์เอง


มนุษย์ที่ได้การฝึกฝนความอดทน ด้วยกับการถือศีลอด  เพื่อที่จะทำให้เขานั้นมีความอดทนในยามที่ประสบปัญหาและความทุกข์ยาก อีกทั้งความเศร้าโศก ดังนั้น การถือศีลอด คือ การมีความอดทนอย่างแท้จริง ซึ่งถือว่าเป็นความจำเป็นในการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์

 

เดือนรอมฎอน คือ เดือนแห่งความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น


ท่านศาสดาแห่งอิสลาม ได้อธิบายคุณลักษณะของเดือนรอมฎอนว่า


هو شهر المواساة
 

“เป็นเดือนแห่งความเห็นอกเห็นใจตผู้อื่น”(9)


การให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งทางด้านทรัพย์สินและความมั่งคั่ง ถือว่าเป็นความเห็นอกเห็นใจอันหนึ่ง ขณะที่เดือนรอมฎอนนั้นคือ เดือนแห่งความเห็นอกเห็นใจและความรู้สึกเดียวกันกับผู้ที่ด้อยโอกาส คนยากจน คนขัดสน และบรรดาผู้ที่ถูกกดขี่ ซึ่งมนุษย์ทุกคนนั้นมีค่าเท่าเทียมไม่ว่าเขาจะเป็นคนร่ำรวยหรือคนยากจนก็ตาม ฉะนั้น คนร่ำรวยก็จะต้องให้ความช่วยเหลือต่อผู้ที่ยากจน  การถือศีลอดก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันระหว่างกลุ่มคนทั้งสอง กล่าวคือ  คนร่ำรวยและคนยากจน เพราะทั้งสองเมื่ออยู่ในสภาพของการถือศีลอดแล้ว จะไม่มีการกินและการดื่มเป็นอันขาด ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้มนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ร่ำรวยได้รู้สึกเฉกเช่นเดียวกันผู้ที่ยากจนเมื่อพวกเขาต้องรู้สึกหิวและกระหาย ก็จะต้องร่วมรู้สึกด้วยเช่นนั้นกับพวกเขา และด้วยกับการช่วยเหลือต่อพวกเขาอย่างรีบเร่ง ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคทานซะกาตหรือการจ่ายคุมส์ก็ตาม


มีวจนะต่างๆอีกมากมายที่กล่าวถึงปรัญชาของความจำเป็นในการถือศีลอด คือ การแสดงความเห็นอกเห็นใจและความรู้สึกเดียวกันของบรรดาผู้ที่ร่ำรวยต่อเหล่าผู้ที่ยากจนขัดสน
ท่านฮิชาม บิน ฮะกัม ได้ถามท่านอิมามญะอ์ฟัร ศอดิก(อ) ว่า “อะไรคือสาเหตุการกำหนดในการถือศีลอด? โดยท่านอิมามได้ตอบว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดการถือศีลอดให้เป็นข้อบังคับเพื่อที่จะให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างบรรดาผู้ที่ร่ำรวยกับผู้ที่ขัดสน เพราะว่าผู้ที่ร่ำรวยจะไม่รู้สึกหิว จนกว่าเขานั้นจะมีเมตตาต่อผู้ยากจนและผู้ที่ร่ำรวยนั้นคือ ผู้ที่มีความสามารถ ฉะนั้นพระองค์ทรงประสงค์ที่จะให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างมนุษย์ทั้งหลาย โดยทำให้ผู้ที่ร่ำรวยได้รู้สึกถึงความหิวโหยเพื่อที่จะได้มีความเมตตาและช่วยเหลือต่อผู้ที่ยากจนขัดสน(10)


ท่านฟัฎล์ บิน ชาซาน รายงานว่า ท่านอิมามริฎอ(อ) กล่าวว่า


“การถือศีลอดได้ถูกกำหนดให้กับมนุษย์ทั้งหลาย เพื่อให้พวกเขาต้องรู้สึกหิวและกระหาย เพื่อที่เขาจะนึกถึงผู้ที่ยากจน ... พวกเขาต้องรู้สึกถึงความรุนแรงของความยากจนและความหิวโหยของผู้ที่ยากจนทั้งหลาย เพื่อที่จะทำให้พวกเขาได้ใช้จ่ายสิทธิที่พระเจ้าทรงมอบให้กับพวกเขาแก่ผู้ยากจน”(11)


ท่านศาสดา ผู้ทรงเกียรติของอิสลาม (ศ็อลฯ) ได้กล่าวไว้ในวจนะของท่านว่า “เดือนรอมฎอน คือ ฤดูใบไม้ผลิของคนยากจน”(12) ซึ่งในความจริงที่ว่าเดือนรอมฎอนนั้นเป็นเดือนแห่งฤดูใบไม้ผลิของเหล่าผู้ยากจน ก็เพราะว่าทั้งหมดทุกคนก็เหมือนกับผู้ที่ยากจนในสภาพที่ถือศีลอดนั้นมีความเท่าเทียมกันและยังทำให้พวกเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดของผู้ที่ยากจนในยามที่พวกเขาไม่มีอะไรที่จะรับประทานแม้แต่เพียงผลอินทผลัมผลเดียวก็ตาม

 

แหล่งอ้างอิง


1บิฮารุลอันวาร เล่ม 96 หน้า 340
2.เล่มเดิม หน้า 356 และ 364
3.เล่มเดิม หน้า 381
4.วะซาอุลุชชีอะฮ์ เล่ม 7 หน้า 222 อัลกาฟีย์ เล่ม 4 หน้า 66
5.บิฮารุลอันวาร เล่ม 96 หน้า 341
6.บิฮาร เล่ม 96 หน้า 254
7.ซุนะนุนนะบี อัลลามะฮ์ฏอบาฏอบาอี หน้า 30
8.ชะเราะฮ์นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ฟัยฎุลอิสลาม ฮิกมะฮ์ที่ 79 หน้า 1123
9.มันลายะฮ์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ เล่ม 2 หน้า 95
10.เล่มเดิม หน้า 73
11.วะซาอิลุชชีอะฮ์ เล่ม 7 หน้า 4
12.เล่มเดิม หน้า 231


แปลและเรียบเรียง เชคญะมาลุดดีน ปาทาน

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม