“บาเกียะอ์”นั้นสำคัญแค่ไหน?

“บาเกียะอ์”นั้นสำคัญแค่ไหน?


 
ผู้ประกอบฮัจญ์ทั้งหลาย พึงรู้ไว้เถิดว่า คราใดที่พวกท่านมีโอกาสได้มาหาท่านศาสดา (ศ็อลฯ)ถึงเมืองมะดีนะฮ์ การมาเยี่ยมเยียนหลุมกุโบรของท่านนั้นถือว่าเป็นมุสตะฮับอย่างยิ่งที่ทุกท่านควรปฏิบัติ เพราะการละทิ้งหรือไม่ใส่ใจในสิ่งเหล่านั้นเป็นเหตุให้พวกท่านทั้งหลายต้องถูกตัดสิทธิบางประการออกไปในวันกิยามัต เรื่องนี้อาลิมอุลามาอ์ได้สอนไว้ว่า “หากประชาชนไม่สนใจหรือละทิ้งในสิ่งดังกล่าว เป็นหน้าที่ของอิมามที่ต้องทำให้พวกเขาเห็นถึงความสำคัญและต้องมาซิยาเราะฮ์ให้จงได้ มิเช่นนั้นแล้ว เป็นเหตุให้พวกเขาทั้งต้องถูกตัดสิทธิบางประการ ในวันนั้”


เชค ศอดูก รายงานจากท่านอิมามศอดิก (อ.) ว่า”ใครคนใดจากหมู่พวกท่านที่มีโอกาสไปประกอบพิธีฮัจญ์ การประกอบฮัจญ์ของของเขาต้องจบด้วยการซิยาเราะฮ์พวกเรา (เยี่ยมกุโบร) เพราะแท้จริงแล้วการซิยาเราะฮ์พวกเรา คือทั้งหมดของการทำฮัจญ์”


อิมาม อะลี (อ.)กล่าวเช่นกันว่า “ขอให้การทำฮัจญ์ของพวกท่านจบลงด้วยกับการซิยาเราะฮ์ต่อท่านนบี ศ็อลฯ เพราะการละทิ้งการซิยาเราะฮ์หลังจากการทำฮัจญ์ของท่านนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเรื่องนี้ได้มีคำสังแก่พวกท่านไห้ไปซิยาเราะฮ์แก่พวกเรา และให้พึงขอต่อสิ่งทั้งหลายที่ต้องการจากพระองค์ใกล้กับหลุมศพของพวกเรา”


อิมาม ริฏอ (อ) ได้กล่าวกับ อะบา ศ็อลต์ ถึงเรื่องนี้ว่า:


โอ้ อะบา ศ็อลต์ พระองค์ได้สร้างมุฮัมมัด(ศ็อลฯ.) มาประเสริฐกว่าสิ่งอื่นใดในโลก แม้กระทั่งเหล่าบรรดานนีท่านก่อนๆหรือเหล่าบรรดามะลาอิกะฮ์ ท่านก็ยังประเสริฐกว่า ฉะนั้น การเชื่อฟังนบี เท่ากับเชื่อฟังพระองค์ การยอมจำนนต่อท่านนบี เท่ากับยอมจำนนต่อพระองค์ และการไปซิยาเราะฮ์ท่าน เท่ากับการซิยาเราะฮ์พระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงกล่าวไว้ในคัมภีร์ว่า:

 

مَنْ يُطِعِ الرَّسُولَ فَقَدْ أَطَاعَ اللَّهَ و …… إِنَّ الَّذِينَ يُبَايِعُونَكَ إِنَّمَا يُبَايِعُونَ اللَّهَ ، يَدُ اللَّهِ فَوْقَ أَيْدِيهِمْ
 

“ใครที่เชื่อฟังนบี (ศ็อลฯ) เท่ากับเขาเชื่อฟังอัลลอฮ์…และใครที่ยอมบัยอัตต่อท่าน ในความเป็นจริงเท่ากับเขาบัยอัตต่ออัลลอฮ์ อำนาจของพระองค์ย่อมเหนือกว่าอำนาจใดทั้งสิ้น”


นบี(ศ็อลฯ)ได้กล่าวว่า: “ใครที่ซิยาเราะฮ์ฉันไม่ว่าตอนที่ฉันมีชีวิตหรือหลังจากที่ฉันเสียชีวิตไป เท่ากับเขาผู้นั้นได้ซิยาเราะฮ์ต่อพระองค์”


อิมามศอดิก (อ)กล่าวว่า ท่านนบีกล่าวว่า:  “ใครที่ได้ซิยาเราะฮ์ฉันตอนฉันมีชีวิตหรือตอนที่ฉันเสียชีวิตไปแล้วนั้น ในวันกิยามัตพวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากฉัน”


เชคฎูซีย์ได้บันทึกในหนังสือ ตะฮ์ซีบ ของท่านว่า จากท่าน ยะซีด บิน อับดุลมาลิก จากปู่ทวดของเขาว่า “ครั้งหนึ่งฉันได้เข้าพบท่านหญิงฟาติมะฮ์ ฟาติมะฮ์ถามว่าท่านมาทำไมเหรอ? เขาตอบว่ามาเพื่อแสวงหาความบารอกัตและคุณงามความดีจากพวกท่าน ท่านหญิงกล่าวต่อว่า ท่านนบี (ศ็อลฯ.)เคยกล่าวกับนางว่า ใครก็ตามที่มาให้สลามแก่ท่านและฉันเป็นเวลาสามวันติด พระองค์ทรงมอบสวรรค์ให้แก่เขาผู้นั้น ไม่ว่าจะตอนที่ท่านหรือฉันมีชีวิตอยู่หรือตอนที่เสียชีวิตไปแล้วก็ตาม”


อัลลามะฮ์ มัจญ์ลิซีย์ กล่าวว่า: ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนิ อับบาส จากท่านนบี (ศ็อลฯ) ว่า”ใครก็ตามที่ได้ซิยาเราะฮ์อิมามฮะซันที่บะเกียะอ์ เท้าของเขาจะได้รับปลอดภัยที่สะพานซิรอฏ ในขณะที่เท้าทั้งหลายต้องสั่นคลอน (เพราะความกลัว)”


อิมามศอดิก(อ)กล่าว่า “ใครที่ซิยาเราะฮ์ฉัน บาปทั้งหมดของเขาจะถูกอภัย”


อิมามอัสกะรีย์ กล่าวว่า”ใครก็ตามที่ซิยาเราะฮ์อิมาม ศอดิก และอิมามบากิร เขาจะไม่ปวดดวงตา จะไม่ป่วยใข้ และจะไม่มีความเจ็บปวดใดๆมาประสบกับเขา”


ในหนังสือ กามิล อัซซิยาร็อต ท่านฮิชาม บินซาลิม รายงานจากท่านอิมามศอดิก(อ.)ว่า “ชายคนหนึ่งมาหาท่านอิมาม (อ.)และกล่าวถามว่า พวกเราจำเป็นต้องมาซิยาเราะฮ์บิดาของท่านหรือไม่? อิมามตอบว่าใช่ ต้องซิยาเราะฮ์ ถามต่อว่า ผลบุญตอบแทนของคนที่มาซิยาเราะฮ์คืออะไร?อิมามตอบว่า หากเขาเชื่อและศรัทธาต่อการเป็นอิมาม และปฏิบัติตามพวกเขาอย่างเคร่งครัด สวรรค์คือสิ่งตอบแทน แต่ถ้าพวกเขาปฏิเสธในการเป็นอิมามและไม่ยอมรับในการซิยาเราะฮ์ พวกเขาจะเป็นผู้หนึ่งที่ขาดทุนยับเยินในวันกิยามัต”


ขอขอบคุณ เว็บไซต์ Thaitalabeh