ลูกหลานของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ) คือ เชื้อสายของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์

ลูกหลานของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ) คือ เชื้อสายของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์


“แต่อัลลอฮ์ทรงจัดลำดับให้ท่านเป็นสายตระกูลของบรรดานบี โดยผ่านทางท่านหญิงมัรยัม มารดาของท่าน(ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน)ทำนองเดียวกันที่ทรงจัดลำดับให้พวกเราเป็นสายตระกูลของ นบี(ศ) โดยผ่านทางท่านหญิงฟาติมะฮ์มารดาของเรา(ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน)


ท่านอัลลามะฮ์ ฎ็อบรอซีย์ อะบูมันซูร อะห์มัด บิน อะลี ได้รายงานไว้ในตำรา(อัล-อิห์ติยาจญ์)ของท่านว่า มีหนึ่งรายงานซึ่งแยกออกไปต่างหาก และมีความยาวมาก ภายใต้หัวข้อเรื่อง “คำตอบของอิมามมูซา บิน ญะอ์ฟัร (ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน) สำหรับคำถามของฮารูน มีคำถามและคำตอบหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องที่เรากำลังถกกันอยู่ตอนนี้ จึงขอให้ท่านพิจารณาเรื่องที่จะแจกแจงต่อไปนี้ :

 

ฮารูน : เป็นที่แน่ชัดว่า  พวกท่านได้อนุญาตให้ชาวมุสลิมทั้งซุนนีและชีอะฮ์เชื่อถือว่า พวกท่านเป็นเชื้อสายของท่านนบี(ศ)และให้เรียกพวกท่านว่า โอ้บุตรหลานของท่านศาสนทูตห่งอัลลอฮ์ ทั้งๆที่พวกท่านเป็นลูกหลานของอะลี อันที่จริง บุรุษเพศต่างหากที่จะสืบสายตระกูลของบิดา ฟาฏิมะฮ์นั้นเป็นเพียง “เครื่องรับ” ฉะนั้นท่านนบี(ศ)จึงมีศักดิ์เป็นตาของพวกท่าน ที่นับจากฝ่ายมารดา

 

อิมาม มูซา (ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน) : “ขอถามท่าน สมมติว่าท่านนบี(ศ)ฟื้นคืนชีพในขณะนี้  แล้วสู่ขอบุตรสาวของท่าน ท่านยินดีตอบรับการสู่ขอของท่านนบี(ศ)ไหม ?

 

ฮารูน : “มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮ์ ทำไมที่ข้าฯจะไม่ตอบรับการสู่ขอของท่านเล่า ข้าฯจะต้องมีเกียรติเหนือกว่าใคร ทั้งชาวอาหรับและไม่ใช่อาหรับ และเหนือบรรดาชาวกุเรช เพราะเรื่องนี้เป็นแน่แท้”

 

อิมามมูซา (อ): “แต่ท่านนบี(ศ)จะไม่สู่ขอบุตรสาวของฉันแน่นอน และฉันก็ไม่อาจจัดการแต่งงานบุตรสาวของฉันให้กับท่านได้อย่างแน่นอน”

 

ฮารูน: ทำไม ?

 

อิมาม(อ): “เพราะเหตุว่า ท่านนบี(ศ)มีฐานะเป็นผู้ให้กำเนิดฉัน แต่มิได้ให้กำเนิดท่าน”

 

ฮารูน : ท่านพูดได้ดีทีเดียว แต่ทว่า ท่านพูดได้อย่างไรว่า พวกเราเป็นลูกหลานของท่านนบี(ศ)ในขณะที่ท่าน นบี ไม่มีผู้สืบตระกูล ? เพราะผู้สืบตระกูลจริง ๆ ต้องสืบสายโลหิตมาจากบุตรชาย  มิใช่จากบุตรหญิง พวกท่านเป็นเพียงบุตรหลานของบุตรหญิงท่านนบี   ฉะนั้น บุตรหลานของนาง จึงมิใช่ผู้สืบตระกูลของท่านนบี(ศ)

 

อิมาม(อ) : “ข้าพเจ้าจะขอจากท่านในเรื่องสิทธิของเครือญาติ สุสานและบุคคลสุสาน หากไม่มีคำตอบจากท่านก่อน ข้าพเจ้าก็จะขอออกตัวไม่ตอบปัญหานี้”

 

ฮารูน: ไม่ได้ …ทางเดียว คือท่านต้องบอกหลักฐานของพวกท่านแก่ข้าพเจ้าในข้อนี้ก่อน โอ้บุตรของอะลี โอ้มูซาเอ๋ย ท่านเป็นผู้นำ และเป็นอิมามของพวกเขาประจำสมัย และทำนองเดียวกับ ข้าฯก็จะไม่ยอมผ่อนผัน ในทุกประเด็นที่ข้าได้ถาม จนกว่าท่านจะได้นำข้อพิสูจน์อย่างใดอย่างหนึ่งจากคัมภีร์แห่งอัลลอฮ์ มาแสดงต่อข้าฯ

 

พวกท่านเป็นคนในตระกูลลูกหลานของอะลี พวกท่านอ้างตน ว่าในคัมภีร์นั้น ไม่มีอะไรตกหล่นไปจาก(ความรู้)พวกท่านเลยแม้สักสิ่งเดียว  ไม่ว่าจะเป็นอักษร”อะลีฟ” หรือ”วาว” ทั้งหมดล้วนมีหลักตีความอยู่ที่พวกท่าน โดยพวกท่านอ้างหลักฐาน จากโองการของพระองค์ผู้ทรงอานุภาพ สูงส่งว่า  ”เรามิได้ละเว้นเรื่องใด โดยไม่กล่าวถึงไว้ในคัมภีร์”(10) แน่นอนพวกท่านมักจะอธิบายเกินเลยไปจากทัศนะและหลักวิชาเปรียบเทียบของบรรดานักปราชญ์เสมอมา”

 

อิมาม(อ): จะอนุญาตให้ข้าพเจ้าตอบหรือ ?

 

ฮารูน : เชิญเลย

 

อิมาม(อ): “ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากชัยตอนที่ถูกสาปแช่ง ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปรานีผู้ทรงเมตตายิ่งเสมอ “และส่วนหนึ่งจากสายตระกูลของเขาคือ ดาวูด และสุลัยมาน และอัยยูบ และยูซุฟ และมูซา และฮารูน และทำนองเดียวกัน เราได้ให้รางวัลแด่บรรดาผู้มีคุณธรรม และซะกะรียา และยะห์ยา และอีซา และอิลยาซ ทุกคนล้วนเป็นกัลยาณชน”(11) ขอถามว่า ใครเป็นบิดาของอีซา (ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน)?!

 

ฮารูน : อีซา ไม่มีบิดา

 

อิมาม(อ): “แต่อัลลอฮ์ทรงจัดลำดับให้ท่านเป็นสายตระกูลของบรรดานบี โดยผ่านทางท่านหญิงมัรยัม มารดาของท่าน(ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน)ทำนองเดียวกันที่ทรงจัดลำดับให้พวกเราเป็นสายตระกูลของ นบี(ศ) โดยผ่านทางท่านหญิงฟาติมะฮ์มารดาของเรา(ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน) จะให้ข้าพเจ้าอธิบายเพิ่มเติมอีกไหม?

 

ฮารูน : “เชิญเลย”

 

อิมาม(อ) : “อัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงสุด มีโองการว่า “ดังนั้น ผู้ใดที่โต้แย้งเจ้าในข้อนี้ หลังจากได้มีความรู้มายังเจ้าแล้ว ก็จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจงมาเถิด เราจะเรียกบุตรทั้งหลายของเรา และบุตรทั้งหลายของ พวกท่าน และบรรดาสตรีของเรา และบรรดาสตรีของพวกท่าน และตัวของเราและตัวของพวกท่าน หลังจากนั้น เราจะขอการพิสูจน์ เพื่อให้การสาปแช่งของอัลลอฮ์มีแก่บรรดาผู้อ้างความเท็จ”

 

พระองค์ไม่ทรงละเลยบุคคลใดเลย ที่ท่านนบีเคยนำเข้าอยู่ใต้ผ้าคลุมอัล-กิซาอ์  ฉะนั้น ตอนที่ทำการพิสูจน์สาบานกับพวกนะซอรอ ก็มีเพียงอะลี บิน อะบี ฏอลิบ, ฟาฏิมะฮ์, ฮะซัน และฮุเซน (ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน)เท่านั้น

 

นักปราชญ์มุสลิมเชื่อถือตรงกัน ว่า ผลลัพธ์ของคำว่า “บุตรทั้งหลายของเรา” ในโองการอันทรงเกียรติ คือ ฮะซันและฮุเซน (ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน)ผลลัพธ์ของคำว่า “บรรดาสตรีของเรา” ก็คือ ฟาฎิมะฮ์ อัซซะฮ์รออ์(ความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน)ผลลัพธ์ของคำว่า “ตัวของเรา” ก็คือ อะลี บิน อะบี ฏอลิบ (ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน)

 

ฮารูน : “ดีมาก โอ้ มูซา ถ้าเช่นนั้น ก็เชิญยกประเด็นที่ท่านต้องการ มาเสนอต่อเราได้เลย”

 

อิมาม (อ) : “ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าเดินทางกลับไปยังสุสานของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ) ปู่ทวดของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้อยู่กับครอบครัว

 

ฮารูน : “แล้วเราจะพิจารณา อินชาอัลลอฮ์”

 

คัดลอกจากหนังสือเปชวาร์ราตรี


ขอขอบคุณ เว็บไซต์เลิฟฮุเซน