40 ฮะดีษเกี่ยวกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ในรายงานของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ ตอนที่ 4
40 ฮะดีษเกี่ยวกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ในรายงานของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ ตอนที่ 4
قال رسول اللّه صلی الله علیه و آله وسلم
فاطِمَة إِنّ اللّهَ غَیْرُ مُعَذِّبِكِ وَلا أَحَدٍ مِنْ وُلْدِكِ
كنز العمّال ج13 ص96/ منتخب كنز العمّال بهامش مسند أحمد ج5 ص97/ إسعاف الراغبین بهامش نور الأبصار ص118
31.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “โอ้ฟาฏิมะฮ์ แท้จริงอัลลอฮ์ ไม่ทรงลงโทษเจ้าและลูกหลานของเจ้าสักคนเดียว”
(กันซุลอุมมาล เล่ม 13 หน้า 96 ,มุนตะค็อบกันซุลอุมมาล บิฮามิช มุสนัดอะฮ์มัด เล่ม 5 หน้า 97 และอิสอาฟุรรอฆิบีน บิฮามิช นูรุลอับศอร หน้า 118 )
قال رسول اللّه صلی الله علیه و آله وسلم
كَمُلَ مِنَ الرِّجال كَثِیرُ وَ لَمْ یَكْمُلْ مِنَ النساءِ إِلاّ أَرْبَع: مَرْیـــم وَ آسِیَة وَ خَدیجـــَة وَ فاطِمـــَة
نور الأبصار ص 51
32.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “บุรุษส่วนมากได้รับความสมบูรณ์ ในขณะที่สตรีจะไม่ได้รับความสมบูรณ์นอกจาก สตรีทั้งสี่คน คือ ท่านหญิงมัรยัม ,ท่านอาซียะฮ์,ท่านหญิงคอดีญะฮ์และฟาฏิมะฮ์” (นูรุลอับศอร หน้า 51)
قال رسول اللّه صلی الله علیه و آله وسلم
لیلة عرج بی إلى السماء رأیت على باب الجنّة مكتوبا : لا إله إلا الله محمّد رسول الله علیّ حبیب الله الحسن والحسین صفوة الله فاطمة خیرة الله على مبغضیهم لعنة الله
تاریخ بغداد: 1/259 تاریخ دمشق: 14/170 لسان المیزان: 5/70
33.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ค่ำคืนที่ฉันขึ้นสู่เมียะอ์รอจ ได้เห็นที่ประตูสวรรค์เขียนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์ มุฮัมมัด เป็นศาสนทูตของพระองค์ อะลีคือ ที่รักของพระองค์ ฮะซันและฮุเซนคือ ผู้ที่พระองค์ทรงทำให้สะอาดบริสุทธิ์ และฟาฏิมะฮ์ คือ ผู้ที่พระองค์ทรงคัดเลือกและพระองค์ทรงสาปแช่งผู้ที่ทำให้นางโกรธ”
(ตารีค บักดาด เล่ม 1 หน้า 259 ตารีคดิมัชก์ เล่ม 14 หน้า 170 และลิซานุลมีซาน เล่ม 5 หน้า 70)
قال رسول اللّه صلی الله علیه و آله وسلم
لو كان الحسن شخصا لكان فاطمة، بل هی أعظم، إن فاطمة ابنتی خیر أهل الأرض عنصرا و شرفا و كرما
مقتل الحسین : 1/60
34.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “หากมาตรว่า ความดีงามสำหรับบุคคลใดก็ตาม บุคคลนั้นก็คือ ฟาฏิมะฮ์ ทว่า นางสูงส่งกว่า เพราะว่าแท้จริงฟาฏิมะฮ์ คือ บุตรีของฉันที่ประเสริฐกว่าชาวโลกทั้งหลายง ไม่ว่าจากแหล่งกำเนิด เกียรติและศักดิ์ศรีก็ตาม”
(มักตัลอัลฮุเซน เล่ม 1 หน้า 60 )
خرج رسول الله صلى الله علیه وآله و هو آخذ بید فاطمة سلام الله علیها فقال
من عرف هذا فقد عرفها و من لم یعرفها فهی فاطمة بنت محمّد وهی قلبي و روحي التي بین جنبي
الفصول المهمّة : 146 نور الأبصار : 53
35.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้เดินออกมาพร้อมกับจับมือของฟาฏิมะฮ์แล้วกล่าวขึ้นว่า “บุคคลใดก็ตามที่รู้จักผู้นี้ แน่นอนเขารู้จักนาง และบุคคลใดที่ยังไม่รู้จักนาง ก็จงรู้เถิดว่า นี่คือ ฟาฏิมะฮ์ บุตรีของมุฮัมมัด นางคือ หัวใจและวิญญาณของฉัน” (อัลฟุศูลุลมุฮิมมะฮ์ หน้า 146 และ นูรุลอับศอร หน้า 53)
قال رسول اللّه صلی الله علیه و آله وسلم
إنّما سمّیت فاطمة لأنّ الله عزّوجلّ فطم من أحبّها من النّار
مجمع الزوائد : 9/201
36.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า อันที่จริงถูกเรียกว่า ฟาฏิมะฮ์ ก็เพราะว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงปกป้องผู้ที่มีความรักต่อฟาฏิมะฮ์ให้ออกห่างจากไปนรก
(มัจญ์มะอุซซะวาอิด เล่ม 9 หน้า 201 )
قال رسول اللّه صلی الله علیه و آله وسلم
أتانی جبرئیل قال : یا محمّد إنّ ربّك یحبّ فاطمة فاسجد فسجدت ثمّ قال: إنّ الله یحبّ الحسن والحسین فسجدت ثمّ قال: إنّ الله یحبّ من یحبّهما
لسان المیزان : 3/275
37.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “เมื่อญิบรอีลได้เข้ามาหาฉัน ได้กล่าวกับฉันว่า โอ้มุฮัมมัด แท้จริงพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงมีความรักต่อฟาฏิมะฮ์ แล้วเจ้าจงทำการซุญูด (กราบ) พระองค์ ดังนั้นฉันก็ทำการซุญูด หลังจากนั้น ได้กล่าวอีกว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงมีความรักต่อฮะซันและฮุเซน แล้วฉันก็ได้ทำการซุญูดอีกครั้ง หลังจากนั้นได้กล่าวอีกว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงมีความรักต่อผู้ที่มีความรักต่อทั้งสอง”
(ลิซานุลมีซาน เล่ม 3 หน้า 275)
قال رسول اللّه صلی الله علیه و آله وسلم
إن فاطمة شعرة منی فمن آذى شعرة منی فقد آذانی و من آذانی فقد آذى الله و من آذى الله لعنه ملء السماوات و الأرض
حلیة الأولیاء : 2/40
38.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า แท้จริงฟาฏิมะฮ์ คือ เส้นผมเส้นหนึ่งของฉัน ดังนั้นบุคคลใดก็ตามที่รังแกผมของฉัน ก็เท่ากับเขารังแกต่อฉัน และบุคคลใดที่ได้รังแกต่อฉัน ก็เท่ากับเขาได้รังแกต่ออัลลอฮ์ และบุคคลใดที่ได้รังแกต่ออัลลอฮ์ พระองค์จะทรงสาปแช่งเขาทั้งชั้นฟ้าและแผ่นดิน”
(ฮิลลียะตุลเอาลิยาอฺ เล่ม 2 หน้า 40)
قال رسول اللّه صلی الله علیه و آله وسلم
یا سلمان، حبّ فاطمة ینفع فی مئة من المواطن أیسر تلك المواطن: الموت و القبر والمیزان و المحشر و الصراط و المحاسبة فمن رضیت عنه ابنتی فاطمة رضیت عنه و من رضیت عنه رضی الله عنه و من غضبت علیه ابنتی فاطمة غضبت علیه و من غضبت علیه غضب الله علیه یا سلمان ویل لمن یظلمها و یظلم بعلها أمیر المؤمنین علیا و ویل لمن یظلم ذرّیتها و شیعتها
فرائد السمطین: 2 باب 11 ح 219 كشف الغم: 1/467
39.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “โอ้ซัลมาน การมีความรักต่อฟาฏิมะฮ์นั้น มีประโยชน์ในหนึ่งร้อยสถานที่ด้วยกัน และสถานที่สะดวกสบายที่สุด ก็คือ เวลาแห่งความตาย ,ในหลุมฝังศพ ,ในมีซาน (วัดตราชั่ง) ,ในทุ่งมะชัรวันกิยามะฮ์(สถานที่มนุษย์ลุกขึ้นอีกครั้งหลังความตาย),ในสะพานซิรอฏ,ในการคิดบัญชีอะมั้ล ดังนั้น บุคคลใดก็ตามที่บุตรีของฉัน ฟาฏิมะฮ์ มีความพึงพอใจต่อเขา ฉันก็จะพึงพอใจต่อเขา และบุคคลใดก็ตามที่ฉันมีความพึงพอใจต่อเขา พระองค์อัลลอฮ์ก็จะทรงพอพระทัยต่อเขาเช่นกัน และบุคคลใดก็ตามที่บุตรีของฉันมีความกริ้วโกรธต่อเขา ฉันก็จะมีความกริ้วโกรธต่อเขาด้วย และบุคคลใดก็ตามที่ฉันมีความกริ้วโกรธ แน่นอนที่สุดอัลลอฮ์ก็จะมีความพิโรธเช่นกัน โอ้ซัลมานเอ๋ย ความหายนะจงประสบแด่ผู้ที่กดขี่ข่มเหงนาง,สามีของนาง,บุตรหลานของนางและบรรดาชีอะฮ์ ผู้ที่มีความรักต่อนาง”
(ฟะรออิดุซซัมฏัยน์ เล่ม 2 บาบ 11 ฮะดีษ 219 และกัชฟุลฆ็อม เล่ม 1 หน้า 467)
قرأ رسول الله صلی الله علیه وآله وسلم هذا الآیة
في بیوت أذن الله أن ترفع و یذكر فیها اسمه
فقام إلیه رجل فقال: أی بیوت هذه یا رسول الله؟ قال: بیوت الأنبیاء
فقام إلیه أبوبكر فقال: یا رسول الله أهذا البیت منها ؟- مشیرا إلى بیت علي و فاطمة علیهما السلام- قال: نعم من أفاضلها
الدر المنثور : 6/203 تفسیر آیة النور، روح المعاني: 18/174 تفسیر الثعلبي: 7/107 الكشف والتبیان للمسفوي : 72
40.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้อ่านโองการนี้
في بیوت أذن الله أن ترفع و یذكر فیها اسمه
“ในบ้านทั้งหลายที่อัลลอฮ์ทรงเทอดเกียรติและในบ้านหลังนั้นมีการกล่าวรำลึกถึงนามของพระองค์อยู่สม่ำเสมอ”
หลังจากนั้นได้มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วถามว่า บ้านหลังนั้นคือ บ้านของใคร? โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์
ท่านได้ตอบว่า “บ้านหลังนั้นคือ บ้านของบรรดาศาสดา” หลังจากนั้น อบูบักรได้ลุกขึ้นและถามว่า นั่นคือบ้านหลังนี้ใช่ไหม? โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ พร้อมกับเขาได้ชี้มือไปที่บ้านของท่านอะลีกับฟาฏิมะฮ์
ท่านศาสดาได้ตอบว่า “ใช่แล้ว บ้านหลังนี้คือ บ้านที่ประเสริฐที่สุดในบ้านทั้งหลาย”
(อัดดุรรุลมันษูร เล่ม 6 หน้า 203 อรรถาธิบายซูเราะฮ์อันนูร รูฮูลมะอานีย์ เล่ม 18 หน้า 174 ตัฟซีรอัษษะอ์ละบีย์ เล่ม 7 หน้า 107 และอัลกัชฟ์วัลบะยาน ลิลมุสฟะวีย์ หน้า 72)
ขอขอบคุณ เว็บไซต์เลิฟฮุเซน